เฒ่าวัย 81 ยิงลูกเขยดับ หลังตำรวจล้อมบ้านนานข้ามวัน สุดท้ายหลงกลเปิดประตูจะคุยกับลูกสาว ถูกชาร์จจนมุม เผยประวัติเคยสู้โจร 1 ต่อ 6 ตัวเองมีแค่ลูกซองยาว ส่วนโจรมีเอ็ม 16 แต่โจรตาย 3 ศพ ที่เหลือเผ่นกระเจิง
เช้าตรู่วันที่ 10 ธันวาคมนี้ พล.ต.ต.พีรพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ เดินทางไปยังปากทางเข้าบ้านของนายเทียบ ช่วงโชติ อายุ 81 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายบัลลังค์ ไกรญาติ อายุ 42 ปี ลูกเขย เสียชีวิตใต้ถุนบ้าน พื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เมื่อคืนวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา แล้วหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว ใช้เวลาข้ามวันข้ามคืน เพราะไม่ต้องการใช้ความรุนแรง เนื่องจากเห็นว่านายเทียบอายุมากแล้ว ทั้งนี้ พล.ต.ต.พีรพงษ์ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เพื่อประเมินสถานการณ์หาแนวทางจับกุมนายเทียบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดสืบสวน ภ.จว.นครสวรรค์ ตำรวจ สภ.ท่าตะโก รวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยอีโอดี และฝ่ายปกครอง อ.ท่าตะโก ได้แบ่งกำลังกระจายเข้าปิดล้อมบ้านของนายเทียบ ก่อนใช้แก๊สน้ำตาโยนเข้าไปในบ้านของนายเทียบเพื่อเปิดทางเจ้าหน้าที่บุกเข้าบ้าน แต่นายเทียบกลับยิงปืนสวนออกมาราว 5 นัด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องล่าถอยเพื่อความปลอดภัย
ต่อมาตำรวจได้นำตัวลูกชายนายเทียบไปพูดคุยเกลี้ยกล่อมผ่านเครื่องขยายเสียงให้ยอมมอบตัว แต่นายเทียบตะโกนตอบว่า จะไม่ยอมมอบตัว ไม่ยอมให้ตำรวจจับ และจะไม่ยอมฆ่าตัวตายเด็ดขาด
กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปทางลูกสาวนายเทียบและหลานสาวที่อยู่ในพื้นที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อให้มาช่วยพี่ชายเกลี้ยกล่อมผู้เป็นพ่อ พร้อมกับประสานทีมหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลและหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาในจุดเกิดเหตุ เตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งเมื่อลูกสาวนายเทียบเดินทางไปถึง ได้พูดเกลี้ยกล่อมและขอให้พ่อเปิดประตูเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งพอนายเทียบเปิดประตู เจ้าหน้าที่ซึ่งซุ่มรอจังหวะก็บุกเข้าชาร์จรวบตัวนายเทียบไว้ได้ ท่ามกลางความโล่งใจของทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายเทียบยิงนายบัลลังค์เสียชีวิต ก็ได้ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน โดยเจ้าหน้าที่คุมเชิงอยู่ที่ปากทางเข้าบ้านตั้งแต่คืนเกิดเหตุกระทั่งล่วงมาถึงค่ำวันที่ 9 ธ.ค. โดยที่นายเทียบยังไม่ได้นอน และไม่มีอาหารตกถึงท้อง ขณะที่ตำรวจกว่า 30 นายกระจายกำลังปิดล้อมบ้านของนายเทียบอยู่รอบบริเวณตลอดเวลา พร้อมใช้ยุทธวิธีในการกดดันต่างๆ ทั้งการติดตั้งไฟสปอตไลต์หลายดวงส่องเข้าไปที่บ้านพัก ป้องกันนายเทียบเห็นความเคลื่อนไหวจากภายนอก ใช้หนังสติ๊กยิงเข้าไปที่หลังคาบ้าน เพื่อก่อกวนให้นายเทียบเกิดความเครียดจนอ่อนล้าและอาจจะหลับไป แต่ก็ไม่สามารถทำให้นายเทียบยอมแพ้
ด้านลูกชายนายเทียบที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมพ่อให้ยอมมอบตัว บอกว่า บ้านนี้พ่อจะพักอาศัยอยู่กับพี่สาวของตน และนายบัลลังค์ ผู้ตาย ส่วนลูกของนายบัลลังค์จะพักอยู่ที่บ้านญาติละแวกใกล้เคียง วันเกิดเหตุพี่สาวได้โทรศัพท์มาหา บอกให้ตนรีบเดินทางกลับมาบ้านเพื่อเกลี้ยกล่อมพ่อให้ยอมมอบตัวต่อตำรวจ เนื่องจากได้ก่อเหตุยิงสามีของพี่สาวจนเสียชีวิต ซึ่งชนวนเหตุมาจากเงินของพ่อจำนวน 3 พันบาทหายไป และเชื่อว่านายบัลลังค์เป็นคนขโมย โดยก่อนหน้านี้นายบัลลังค์เคยยืมเงินพ่อหลายครั้งแล้วไม่ใช้คืน อีกทั้งเงิน 3 พันบาทที่หายไปล่าสุด พ่อก็เตรียมไว้จ่ายค่าเล่าเรียนให้หลาน จึงทำให้โกรธมาก
ลูกของนายเทียบเปิดเผยด้วยว่า เมื่อปี 2524 คนร้าย 6 คน มีปืนเอ็ม 16 เป็นอาวุธ บุกปล้นบ้านพ่อซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ หลังรู้ข่าวพ่อเตรียมเงินจะไปซื้อรถยนต์ ปรากฏพ่อใช้ปืนลูกซองยาวและกระสุน 8 นัดสู้กับโจร ยิงโจรตายไป 3 ศพ บาดเจ็บอีก 1 คน กระทั่งที่เหลือพากันล่าถอยไป ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ และนายอำเภอมอบโล่รางวัลเชิดชูความกล้าหาญ ทำให้พ่อภาคภูมิใจมาจนทุกวันนี้.
“
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |