ฝนถล่ม'เมืองกรุง'อ่วม! อุตุฯแจ้งหนาวรอบใหม่


เพิ่มเพื่อน    

ฝนกระหน่ำทั่วกรุงเทพฯ ถนนหลายสายจมบาดาล การจราจรติดขัด ปริมาณฝนตกสะสมสูงถึง 137 มม. "กทม." อ้างน้ำท่วมขังเยอะ เหตุอยู่ระหว่างซ่อมบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำบางจุด และหลายพื้นที่มีการก่อสร้าง "อุตุฯ" แจ้ง 11-15 ม.ค.นี้ฝนน้อยลง อุณหภูมิจะลด 4-6  องศาเซลเซียส "เหนือ-อีสาน" หนาวจัด 
    เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 02.00 น. เกิดฝนตกกระจายทั่วทุกพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะบริเวณเขตบางนา เขตหนองจอก เขตลาดพร้าว เขตประเวศ เขตมีนบุรี ส่งผลให้ถนนหลายสายมีน้ำท่วมขัง เกิดจราจรติดขัด อาทิ ปากซอยลาดพร้าว 101,  ถนนศรีนครินทร์, ปากซอยสุขุมวิท 101, สุขุมวิท 62,  ซอยปรีดี พนมยงค์ 62 รวมทั้งบางพื้นที่น้ำทะลักเข้าไปภายในบ้านพักจนเกิดความเสียหาย
    ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) สรุปเหตุการณ์ฝนตก ระบุว่า ตั้งแต่เวลา 01.30 น. มีฝนตกเล็กน้อยปานกลาง ก่อตัวนอกพื้นที่บริเวณ จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี จ.ฉะเชิงเทรา เคลื่อนตัวมายังตะวันตกเฉียงใต้ เข้าพื้นที่เขตหนองจอก เวลา 02.00 น. ก่อนกลุ่มฝนขยายตัวและเคลื่อนตัวปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด ในลักษณะปานกลางถึงหนัก และตกต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 07.00 น. กลุ่มฝนได้อ่อนกำลังลงเป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ตกกระจายปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ โดยทั่วไป และยังตกต่อเนื่องเล็กน้อยลักษณะกระจายทั่วไป ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นมา
    ทั้งนี้ สามารถวัดปริมาณฝนสูงสุดได้ที่เขตหนองจอก 133 มิลลิเมตร (มม.), เขตบางนา 109.5 มม.,  เขตมีนบุรี 104 มม., เขตสะพานสูง 100 มม. และเขตสวนหลวง 97 มม. ซึ่งมีความรุนแรงของฝนสูงสุดอยู่ที่เขตบางนา ถึง 106 มม.ต่อชั่วโมง ทำให้เวลาต่อมาเกิดน้ำท่วมเร่งระบายบนถนนสายหลัก ได้แก่ 1.ถ.พัฒนาการ โชว์รูมเบนซ์ เขตสวนหลวง 2.ถ.สุขุมวิท ซอยแบริ่ง-ซอยลาซาล เขตบางนา 3.ถ.ศรีนครินทร์ หน้า บ.กรีนสปอร์ต เขตบางกะปิ 4.ถนนลาดพร้าว ซอย 112-คลองเจ้าคุณสิงห์ เขตสวนหลวง 5.ถ.รามคำแหง ซอย 1 เขตสวนหลวง และ 6.ถ.สุวินทวงศ์ แยกไปรษณีย์ เขตมีนบุรี  โดยสภาพน้ำท่วมมีความสูงตั้งแต่ 15-20 เซนติเมตร (ซม.) และมีความยาวตั้งแต่ 150 เมตร (ม.) จนเต็มผิวจราจร ต่อมาเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ก่อนที่จะสามารถระบายน้ำได้ทุกจุดในเวลา 11.00 น. 
    ศูนย์ควบคุมป้องกันระบบน้ำท่วม กทม. แจ้งว่า สาเหตุน้ำรอเร่งระบายเกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่ ประกอบกับอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำในบางจุด และระบบระบายน้ำบางจุดยังไม่สมบูรณ์ อาทิ การอยู่ระหว่างของบประมาณก่อสร้างบ่อสูบน้ำ ถ.สุขุมวิท ช่วงแบริ่ง กำลังรอทำระบบงานเดินสายท่อลอด หรือ Pipe Jacking รวมทั้งอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญาจ้าง ถ.ลาดพร้าว ช่วงซอยเจ้าคุณสิงห์ และอยู่ระหว่างของบประมาณต่ออุโมงค์คลองแสนแสบลาดพร้าวไปยังซอยลาดพร้าว 130 และ ถ.รามคำแหง ช่วงซอย 1 อยู่ระหว่างของบประมาณก่อสร้างท่อ เช่นเดียวกับ ถ.สุวินทวงศ์ แยกไปรษณีย์ อยู่ระหว่างรอประกวดราคาก่อสร้างบ่อสูบน้ำ 
    นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ฝนที่ตกถือว่าตกหนัก ซึ่งปริมาณฝนตกสะสมสูงถึง 137 มม. ในส่วนนี้อาจกระทบต่อการระบายน้ำบ้าง  ประกอบกับช่วงนี้สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อนำน้ำจากแม่น้ำเข้ามาหมุนเวียนไล่น้ำเสียตามคลองต่างๆ ออก ซึ่งเป็นปกติที่ สนน.ดำเนินการหลังฤดูฝน ทำให้ระดับน้ำในคลองมีระดับที่สูงกว่าในช่วงฤดูฝนที่มีการพร่องน้ำลดระดับน้ำในคลองลงติดลบตั้งแต่ -40 หรือต่ำที่สุด เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมา กรณีนี้จึงกระทบต่อการระบายบ้าง โดยได้สั่งการให้ สนน.ชะลอการดำเนินการดังกล่าวไว้ก่อน และติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด 
    "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้กำชับให้พยายามไม่ให้มีน้ำท่วมขัง หรือท่วมน้อยที่สุด และหากมีน้ำท่วมขังก็ให้เจ้าหน้าที่ระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน และกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด" รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
    เช่นเดียวกับในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ทำให้ปริมาณน้ำฝนที่กระหน่ำลงมามีปริมาณน้ำท่วมขังบนผิวการจราจรบนถนนหลายสาย โดยเฉพาะถนนสุขุมวิท ตั้งแต่สามแยกหอนาฬิกา ไปถึงหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ถนนสุขุมวิทขาออกก่อนทางขึ้นทางด่วนกาญจนาภิเษกมุ่งหน้าบางนา ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงเกือบ 50 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาวประมาณ 200 เมตร ใช้งานได้เพียงเลนขวาเลนเดียว ทำให้การจราจรเป็นไปอย่างล่าช้า 
    วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 10 เรื่อง อากาศหนาวเย็นลงบริเวณประเทศไทยตอนบน และคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้  มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 10-15 มกราคม 2561
    เนื้อหาระบุว่า วันที่ 10 ม.ค.2561 บริเวณภาคเหนือ และด้านตะวันตกของภาคกลาง จะยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนลดลง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11-15 ม.ค.2561 บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีอากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไปกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงได้ 4-6 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณภูเขาสูงในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
    เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางแล้ว และจะแผ่ปกคลุมภาคเหนือในวันที่ 10 ม.ค.61 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 10-15 ม.ค.2561.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"