คิม จองอึนแห่งเกาหลีเหนือจะ "ต้อนรับ" ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ อย่างไร
สองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ พอก้าวเข้าทำเนียบขาวได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ก็เห็นคิมสั่งยิงขีปนาวุธเป็นการ "รับน้องใหม่" ที่วอชิงตันกันเลยทีเดียว
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจหากคิมจะทำอย่างนี้กับไบเดนเช่นกัน
เพราะไบเดนไม่มีทีท่าว่าจะปฏิบัติต่อคิมเหมือนโดนัลด์ ทรัมป์
เพราะไบเดนบอกชัดเจนว่าจะไม่ยื่นมือให้กับคิม จึงไม่น่าจะมีการ "ประชุมสุดยอด" ระหว่างผู้นำสองประเทศอย่างที่ทรัมป์ทำกับคิมที่สิงคโปร์, ฮานอย และตรงชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้
คิมโกรธทรัมป์ที่อุตส่าหก์นัดเจอกันตัวต่อตัวตั้งสามครั้ง ก็ยังไม่ยอมผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ทรัมป์อ้างว่าคิมไม่ยอมทำตามคำมั่นที่จะยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ก่อน
ไปๆ มาๆ การประชุมสุดยอดของทั้งสองจึงเป็นเพียงการสร้างภาพให้มีการทำข่าวเท่านั้น
ทรัมป์หวังจะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คิมคาดว่าจะทำให้เขาได้ภาพว่าสามารถดึงให้ผู้นำสหรัฐฯ มาจับมือได้
ลงท้ายก็ยังไม่เห็นสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี
โจ ไบเดนจะเอาอย่างไรกับคิม?
ผมคาดว่าไบเดนคงกลับไปใช้วิธีการแบบบารัก โอบามา นั่นคือนโยบายที่เรียกว่า "ความอดทนทางยุทธศาสตร์" หรือ "strategic patience"
คำนี้หมายความว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ยอมยื่นมิตรไมตรีต่อเกาหลีเหนือ ตราบที่เปียงยางยังไม่แสดงความพร้อมที่จะร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม
นั่นหมายถึง การกดดันทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าจะมีการยอมถอยของคิม จองอึน
ไบเดนอาจจะกลับไปใช้สูตร "ประชุม 6 ชาติ" เพื่อหาทางออกสำหรับคาบสมุทรเกาหลี
นั่นหมายถึง ประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ, รัสเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้
เกาหลีเหนือยกเลิกการเจรจา 6 ฝ่ายตั้งแต่ปี 2009 อ้างว่าไร้ประโยชน์ และเปียงยางได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
และคิม จองอึนก็คงจะไม่สนใจกลับไปสู่โต๊ะเจรจาหลายฝ่ายอีกเช่นกัน
ดังนั้นแม้สหรัฐฯ จะเปลี่ยนผู้นำ คิมก็คงเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไป
เพราะคิมเชื่อมาตลอดว่าหากไม่สร้างสมแสนยานุภาพนิวเคลียร์ อเมริกาและญี่ปุ่นก็จะถือโอกาสเข้ามายึดครองเกาหลีเหนือด้วยกำลัง
คิมเชื่อว่าอำนาจต่อรองของตนอยู่ที่การมีอาวุธร้ายแรงไว้ในครอบครอง
คิมยกตัวอย่างอิรักและลิเบียที่อเมริกาบุกเข้าจัดการกับผู้นำที่ตนไม่ต้องการได้โดยง่ายดาย เพราะสองประเทศนั้นไม่มีศักยภาพทางการทหารพอที่จะยันอเมริกาเอาไว้ได้
เราจึงน่าจะได้เห็นคิมสั่งทดลองยิงขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยไกลหลังจากไบเดนขึ้นบริหารประเทศไม่นาน
เพราะคิมต้องการเรียกร้องความสนใจจากทั่วโลก...ให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าอย่าได้มองข้ามความสำคัญของเกาหลีเหนือเป็นอันขาด
ขีปนาวุธที่จะทดลองก็ต้องเป็นประเภทที่ทันสมัยที่สุดด้วย และต้องเป็นแบบพิสัยไกลยิงข้ามทวีปได้หรือ ICBM (Intercontinental Ballistic Missile)
ทรัมป์เรียกร้องให้คิมต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนคือ Complete, Verifiable and Irreversible
แปลว่าครบถ้วน, ตรวจสอบได้ และหวนกลับไม่ได้
แต่คิมไม่สนใจที่จะลงรายละเอียดขนาดนั้น เพราะแกคาดหวังว่าทรัมป์จะขยับก่อนเพื่อช่วยเกาหลีเหนือให้หายใจคล่องขึ้น
แต่เมื่อทรัมป์ไม่สนใจจะทำอะไรให้คิมได้ประโยชน์ก่อน
เรื่องของเรื่องจึงไปไม่ถึงไหน
โจ ไบเดนเคยเรียกคิมว่าเป็น "โจร" ระหว่างการดีเบตกับทรัมป์ แต่ก็บอกว่าพร้อมจะหาทางออกร่วมกันหากคิมส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจัง
ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน บอกว่านโยบายต่างประเทศของทรัมป์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้ไบเดนจะเน้นไปทาง "พหุภาคี" ซึ่งหากนำมาใช้กับปัญหาเกาหลีเหนือก็ย่อมหมายถึงการให้หลายๆ ฝ่ายเข้ามาร่วมในการหาทางออกร่วมกัน
คิมน้อยจะเล่นด้วยหรือไม่ย่อมอยู่ที่การประเมินว่า "อำนาจต่อรอง" ของแกมีมากน้อยแค่ไหน
เพื่อนรักชื่อทรัมป์หมดอำนาจแล้ว คิมต้องคิดแก้เกมกับคนชื่อโจ ไบเดนอย่างหนักทีเดียว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |