9ธ.ค.63- ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน มีมติเห็นชอบเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) อีก 6 รายการ ตามการเสนอโดยคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข โดยมี รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธาน
สิทธิประโยชน์ 6 รายการดังกล่าว ประกอบด้วย 1. การผ่าตัดปลูกถ่ายตับในผู้ป่วยโรคตับแข็งระยะกลางและระยะท้าย โดยระบบบริการในประเทศไทยมีศักยภาพในการปลูกถ่ายได้ปีละ 100 ราย ขณะที่การคาดการณ์ความต้องการของผู้ป่วยอยู่ที่ปีละ 50 ราย แต่เบื้องต้นบอร์ด สปสช. ตั้งเป้านำร่องให้บริการปีละ 25 รายก่อน คิดเป็นงบประมาณ 17.5 ล้านบาท 2. การตรวจยีน HLA-B* 5801 ก่อนให้ยา Allopurinol ในผู้ป่วยโรคเกาต์รายใหม่ โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยเกาต์รายใหม่ปีละ 8,200 ราย คาดว่าจะใช้งบประมาณสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการปีละ 8.2 ล้านบาท
3. รายการอุปกรณ์ Extracorporeal Membrane Oxygenator (ECMO) ในการรักษาภาวะหัวใจ และ/หรือ ปอดล้มเหลวเฉียบพลัน โดยประมาณการณ์จำนวนผู้รับบริการตั้งต้นปีที่ 1 จำนวน 300 ราย ขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในปีแรกอยู่ที่จำนวน 26 ล้านบาท 4. การคัดกรองและวินิจฉัยวัณโรคด้วยการตรวจเอกซเรย์ปอดในทุกกลุ่มเสี่ยง และการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี Molecular assay ได้แก่ Real-time PCR (Xpert MTB/RIF), Real-time PCR MTB/MDR, TB-LAMP, LPA โดยกลุ่มเสี่ยงวัณโรค ได้แก่ ผู้สัมผัสวัณโรค ผู้ต้องขัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้สูงอายุ จำนวน 1.098 ล้านราย คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 725 ล้านบาท
5. การตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กแรกเกิดกลุ่มเสี่ยง โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายไว้ที่ 30,434 คน ประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายไว้ 12.33 ล้านบาท และ 6. รายการอุปกรณ์ประสาทหูเทียมชนิด Rechargeable สำหรับการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ที่มีระดับการได้ยิน 90 dB ขึ้นไป และไม่เคยฝึกภาษามือ โดยคาดว่ามีกลุ่มเป้าหมายราว 33 คน ขณะนี้ สปสช.อยู่ระหว่างต่อรองราคาค่าประสาทหูเทียมให้ต่ำกว่าชุดละ 6 แสนบาท
นอกจากสิทธิประโยชน์ 6 รายการแล้ว บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบหลักการกรณีใช้น้ำมันกัญชาในผู้ป่วยโรคมะเร็ง พาร์กินสัน และไมเกรน และสารสกัดกัญชาในผู้ป่วยโรคลมชัก และมะเร็งระยะท้าย วงเงิน 58.3 ล้านบาท ซึ่งจะนำเข้าสู่คณะกรรมการพัฒนายาหลักแห่งชาติต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนของขวัญเพิ่มเติมสำหรับประชาชน นอกจากนโยบายยกระดับบัตรทองใน 4 บริการ อันประกอบด้วย ประชาชนที่เจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ (รักษาทุกที่ ณ เครือข่ายหน่วยบริการชุมชนอบอุ่น) นำร่องในเขต 13 กทม. ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว ที่นำร่องที่เขต 9 นครชัยบุรินทร์ โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม และย้ายหน่วยบริการ เกิดสิทธิทันที ไม้ต้องรอ 15 วัน ที่จะเริ่มใช้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มกราคม 2564 ที่เป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลตั้งใจมอบให้ประชาชน วงเงิน 1,453 ล้านบาท
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ในครั้งนี้ ผ่านการศึกษาทางวิชาการและประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ทั้งมิติของประสิทธิผลและต้นทุน ตลอดจนพิจารณาความพร้อมของระบบบริการ แนวทางการปฏิบัติ (Guideline) รวมถึงข้อพิจารณาเชิงจริยธรรมอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยืนยันว่า สปสช.จะใช้งบประมาณประเทศชาติและภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เพื่อให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองได้รับประโยชน์มากที่สุด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |