บึ้ม'ปัตตานี'ทหารพรานเจ็บ


เพิ่มเพื่อน    

ระเบิดลูกแรกของปี 2561 เกิดแล้ว คนร้ายฉวยโอกาสเผาซีซีทีวีล่อทหารก่อนกดบึ้ม โชคดีแค่เจ็บ 6 ราย “กอ.รมน.ภาค 4 สน.” แถลงค้นพบแหล่งซุกอาวุธโจรใต้ที่เผารถทัวร์แล้ว เหตุจากประชาชนแจ้งเบาะแส
    เมื่อวันพุธที่ 10 ม.ค. เวลา 09.20 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชป.ร้อย ทพ.4303 ฉก.ทพ.43 ขณะออกลาดตระเวนเส้นทางโดยรถยนต์ในพื้นที่ ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ได้แก่ 1.ส.ท.สุรเดช อีดเหล็ก 2.อส.ทพ.ยุทธนา สมบูรณ์แก้ว 3.อส.ทพ.สุชาติ ก่องสุข 4.อส.ทพ.เชิงชาย มีชนะ 5.อส.ทพ.กิตติชัย หมัดโซ๊ะ และ 6.อส.ทพ.สมคิด หกหนู โดยทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองจิก 
    ทั้งนี้ เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังทำการลาดตระเวนเส้นทางให้กับเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจณ์หลักฐานเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายเผากล้องวงจรปิด 2 ตัว บริเวณโรงเรียนบ้านสายหมอ ม.6 ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 
    สำหรับการระเบิดครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในปี 2561 และก่อนหน้านี้ก็เคยมีการการแจ้งเตือนจากฝ่ายข่าวมาแล้ว ว่าจะมีการลอบก่อเหตุในช่วงระหว่างวันที่ 6-10 ม.ค. ซึ่งเหตุดังกล่าวก็เกิดขึ้นในวันสุดท้ายที่ให้เฝ้าระวัง
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอาชญากรรมในการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่สำคัญที่อาจเป็นเป้าหมาย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะแบบนี้ ตลอดจนเพิ่มมาตรการเข้ม ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในการตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย ตามเส้นทางหลักและเส้นทางรองจัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจและชุมชน รวมทั้งให้ยึดมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย ตามพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวน ซักถาม ขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมาย
    “ผบ.ตร.เน้นย้ำว่า หากเกิดเหตุขึ้น ตำรวจจักต้องสืบสวนสอบสวนจนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันท่วงที เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุนในพื้นที่” พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวและว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์และสร้างความสับสนวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งในขณะนี้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป
    ภายหลังเกิดเหตุดังกล่าว ทำให้บรรยากาศในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส โดยเฉพาะย่านธุรกิจสำคัญๆตามจุดตรวจเซฟตี้โซน บนถนนทั้งขาเข้าและขาออกรอบเมือง เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังคุมเข้มทุกจุดผ่านของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยในเขตเซฟตี้โซนสำคัญๆ พบว่า อส.ทำการตรวจเข้มเป็นพิเศษ โดยเน้นตรวจตราบุคคลที่ใช้รถ จยย.และรถยนต์จากต่างพื้นที่ที่แล่นผ่านจุดตรวจ 
    วันเดียวกัน ที่ห้องแถลงข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงการติดตามขยายผลจากเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 49 ในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อ 26 ธ.ค.2560 และเหตุลอบวางเพลิงรถทัวร์ บริษัท สยามเดินรถ สายเบตง-กทม. บนถนนสาย 410 อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อ 17 ธ.ค.2560 ว่า ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2561 ว่ามีอาวุธปืนของผู้ก่อเหตุรุนแรงซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่บ้านไอร์บาลูวง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย นำตัวนายมาหามะ สาลา เข้าพิสูจน์ทราบจุดซุกซ่อนอาวุธปืนและอุปกรณ์ประกอบระเบิด พร้อมนำชี้จุดประชุมวางแผนก่อนก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 49 ในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย
1.จุดซุกซ่อนอาวุธปืน ฝังอยู่ภายในสวนยางพารา พื้นที่บ้านน้ำวน หมู่ 2 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เพื่อใช้เตรียมก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 49 นอกจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่คนร้ายนำมาฝังไว้ เมื่อ 22 ธ.ค. พบอาวุธปืนคือ 1.M16 A1 ยาว 1 กระบอก (หมายเลขปืนถูกขูดออก) และ 2.M16 A1 สั้นดัดแปลง 1 กระบอก หมายเลขปืน 745138 และ 3.ซองกระสุนปืนขนาด 20 นัด พร้อมกระสุนปืน ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 19 นัด 2.จุดซุกซ่อน ถังแก๊สขนาด 15 กก. จำนวน 1 ถัง เหล็กเส้น พร้อมประกอบระเบิด และ 3.จุดประชุมวางแผน ก่อนก่อเหตุลอบยิง เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 49 เมื่อ 26 ธ.ค.ประมาณ 1 สัปดาห์ พื้นที่บ้านบีโล๊ะ หมู่ 3 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส
    รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย ขยายผลจากการซักถามนายอาแว อาลีมามะ ซึ่งถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางเพลิงรถทัวร์ บริษัท สยามเดินรถ สายเบตง- กทม. บนถนนสาย 410 และได้พิสูจน์ทราบพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 2 จุด คือ จุดที่ 1 บริเวณพื้นที่บ้านตาบูเก๊ะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ตรวจพบระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในถังน้ำยาเคมีดับเพลิง สภาพพร้อมใช้งาน 1 ลูก และจุดที่ 2 บริเวณพื้นที่บ้านตือระ หมู่ 8 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ตรวจพบกล่องเหล็ก (4 เหลี่ยมคางหมู) 1 กล่อง, ปุ๋ยยูเรียบรรจุในขวดน้ำอัดลมพลาสติก ขนาด 1.25 ลิตร 2 ขวด และเหล็กเส้นตัดท่อนคละขนาดจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเก็บกู้และตรวจสอบสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) และวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พร้อมนำสิ่งของที่ตรวจพบส่งให้พนักงานสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา เพื่อดำเนินกรรมวิธีขยายผลหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายต่อไป
    “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดขึ้นในพื้นที่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทำลายบรรยากาศ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนในพื้นเกิดความเบื่อหน่าย จึงได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แจ้งเบาะแสนำไปสู่การขยายผลเป้าหมายดังกล่าว” พ.อ.ธนาวีร์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"