ช่วงที่ผ่านมามีอาการแปลกๆ ในหมู่แกนนำคณะราษฎร 2563 โดยเฉพาะการโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะว่า ได้ข้อมูลบางอย่างมาว่ารัฐจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
หากย้อนกลับไปจะเห็นว่า ในช่วงปลายๆ ม็อบ ก่อนจะเบรกยาวปีใหม่ มีการออกมาเปิดเผยจากแกนนำหลายคนว่า กองทัพจะกระทำรัฐประหาร ทั้งที่สถานการณ์ ณ ขณะนั้น มันไม่มีปัจจัยที่จะเข้าเหตุที่กองทัพจะนำรถถังออกมากรมกองเมื่อเทียบกับบรรทัดฐานในอดีต
แต่แปลกที่แกนนำคณะราษฎรหลายคนกลับพยายามประโคมข่าวเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าแกนนำคณะราษฎรได้กลิ่นรัฐประหารจริง หรือมีเจตนาในการสื่อสารออกมาแบบนี้เป็นอย่างอื่น
ขณะที่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีที่ตนเอง รวมถึง ‘รุ้ง’ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ‘ไมค์’ นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ ‘ไบร์ท’ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ต้องเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ข้อกล่าวหาคดี 112 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี โดยขอระดมพลมวลชนมาให้กำลังใจ โดยอ้างว่าจะถูกฝากขัง
“ตำรวจได้โทรมาแจ้งกับทนายผมล่วงหน้าว่าจะนำตัวพวกผมไปขอให้ศาลฝากขัง ซึ่งอาจทำให้พวกผมต้องเสียอิสรภาพอยู่ในเรือนจำ ท่ามกลางข่าวลือว่าจะมีการใช้กำลังกับเรา จึงขอแรงทุกคนมาเป็นสักขีพยานความอยุติธรรมที่อาจเกิดขึ้น”
เช่นดียวกับ ‘รุ้ง ปนัสยา’ ที่โพสต์ในทำนองเดียวกันคือ ระดมพลมวลชน โดยอ้างเช่นเดียวกันว่าจะมีการนำตัวแกนนำไปฝากขัง
ทว่า วันเดียวกัน สภ.เมืองนนทบุรีได้ชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘สภ.เมืองนนทบุรี’ ทันทีว่าไม่เป็นความจริง
“ขอเรียนว่า การแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งสามคนเพิ่มเติมนั้น เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว พนักงานสอบสวนจะไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสาม และไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามไปฝากขังที่ศาลแต่อย่างใด โดยจะปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสามคนกลับไป และจะนัดหมายผู้ต้องหาทั้งสามมาพบอีกครั้งเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น สภ.เมืองนนทบุรี”
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ‘เพนกวิน’ เคยออกมาโพสต์ในเชิงว่ามีคำสั่งให้เก็บแกนนำ
“มีข่าวว่ามีคำสั่งให้ "จัดการ" กับพวกเราในคืนนี้หรือในเร็ววัน เพื่อการต่อสู้ครั้งนี้ ผมยอมอุทิศให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอิสรภาพ หยาดเหงื่อ เลือดเนื้อ หรือกระทั่งชีวิต แต่ขอให้พี่น้องทุกคนตระหนักทราบและจดจำตรงกันว่า ทุกสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับผม และที่อาจจะเกิดขึ้นกับผมนั้นมาจากใคร เพราะศัตรูของพวกเรามีเพียงคนเดียว”
จะเห็นว่า ในระยะหลังจะปรากฏโพสต์ลักษณะนี้ของเหล่าแกนนำคณะราษฎร 2563 จำนวนมาก จนแม้แต่มวลชนเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแล้ว
อย่างไรก็ดี การระดมพลมวลชนไปให้กำลังใจแกนนำที่ สภ.เมืองนนทบุรีครั้งนี้ ทั้งที่แกนนำประกาศว่าจะชุมนุมอีกครั้งในปีหน้า เพราะเป็นช่วงที่มีการสอบ ถูกมองว่าเหล่าแกนนำกำลังอยู่ในสภาวะ ‘ปากกล้าขาสั่น’ แม้จะเคยกร้าวว่าไม่กลัวถูกดำเนินคดี ไม่เว้นแม้แต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
การขอแรงมวลชนแสดงว่าแกนนำเองกลัวจะถูกฝากขัง จึงต้องใช้ยุทธวิธีนำมวลชนเพื่อไปกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้กล้ากระทำการดังกล่าว
ซึ่งในช่วงสมัยมีการชุมนุมใหม่ๆ มีมวลชนมาร่วมจำนวนมาก การโพสต์หรือพูดในลักษณะมักจะเป็นเพจขององคาพยพที่จะคอยแจ้งเรื่องเหล่านี้ บรรดาแกนนำไม่เคยต้องออกปากเองแบบนี้เลย
หากมองสถานการณ์ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากเทียบกับช่วงต้นของการก่อม็อบ การจัดชุมนุมในระยะหลังเริ่มออกอาการ ‘แผ่ว’ อย่างการชุมนุมครั้งล่าสุดของนักศึกษาอาชีวะ กลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย ที่บริเวณวงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม มีประชากรมาร่วมบางตาอย่างเห็นได้ชัด
หรือการชุมนุมใหญ่ที่มีแกนนำคนสำคัญไปร่วมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เพื่อโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ กรณีพักบ้านหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็ไม่ได้หนาแน่นเหมือนทุกๆ ครั้ง
กระแสม็อบเหมือนกำลังเข้าสู่ช่วง ‘ขาลง’ อารมณ์ร่วมของมวลชนเริ่มจางๆ หันไปให้กำลังใจผ่านโซเชียลมีเดียมากกว่าการมาชุมนุม ยิ่งมีเรื่องของโควิด-19 ครั้งล่าสุด มันทำให้สถานการณ์ไม่เอื้อต่อการชุมนุม
ปฏิกิริยาของแกนนำเลยถูกพุ่งเป้าไปที่เรื่องของ ‘ความกังวล’ ว่าในช่วงที่ม็อบแผ่ว ตัวเองอาจจะถูกเจ้าหน้าที่เช็กบิล ในขณะเดียวกันแกนนำต้องพยายามหาประเด็นเพื่อกระตุ้นอารมณ์มวลชนให้กลับมาสนใจอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเรียกความสนใจได้
เพราะหากปล่อยให้กระแสม็อบดร็อปลง เท่ากับตัวเองจะไม่มีผนังทองแดงกำแพงเหล็กอะไรมาคุ้มกันแล้ว
ขณะที่ปัจจุบันมีความพยายามจะกระตุ้นอารมณ์มวลชนเพื่อเลี้ยงกระแสอยู่เป็นระยะๆ อย่างล่าสุด แฟนเพจเฟซบุ๊กกลุ่มเยาวชนปลดแอกประกาศการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ในชื่อ RT MOVEMENT โดยระบุว่า เพื่อปลุกสำนึกทางชนชั้น สร้างสังคม คนเท่ากัน โดย RT MOVEMENT หรือ RESTART THAILAND จะไม่มีแกนนำ ไม่ตั้งเวที ไม่มีการ์ด ไม่มีรถห้องน้ำ ไม่มีการเจรจาไม่มีการต่อรอง
ที่น่าสนใจคือ มีการใช้สัญลักษณ์ RT ที่ย่อมาจาก RESTART THAILAND แต่มีการออกแบบคล้ายคลึงกับ ‘ค้อนเคียว’ อันเป็นสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งทันทีที่มีการเผยแพร่ภาพดังกล่าวออกมา ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แม้แต่มวลชนด้วยกันเอง
เพราะสัญลักษณ์สองแง่สองง่ามนี้ มันย้อนแย้งกับการต่อสู้ของม็อบที่พยายามเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ โดยมวลชนบางส่วนพยายามเรียกร้องให้กลับมาใช้สามนิ้วเหมือนเดิม เพราะมันมีผลต่อการสื่อสารและการต่อสู้
นอกจากนี้ ปัญหาภายในของกลุ่มคณะราษฎรเองก็ยังคาราคาซัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการมวลชน โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการของการ์ดที่ขัดแย้งกันเอง และล่าสุดยังมีแนวคิดที่แตกต่างกันเรื่องการใช้สัญลักษณ์ RT อีก โดยนายอานนท์ นำภา หนึ่งในแกนนำ ยังเห็นว่า การใช้สามนิ้วถือว่าตอบโจทย์และตรงที่สุดแล้ว
ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ม็อบต้องแก้กันเองให้จบโดยเร็วในภาวะที่กระแสเริ่มจะซา.
//////////////////
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |