ไทยป่วยโควิดเพิ่ม 19 ราย พบ 1 รายลอบเข้าเมืองจากท่าขี้เหล็ก มี 4 รายเป็นบุคลากรแพทย์ในสถานกักกัน เชียงรายติดเชื้ออีก 7 "อนุทิน" ลงพื้นที่เชียงราย ยัน สธ.คุมอยู่ มั่นใจกลับสู่ภาวะปกติเร็ววันนี้ "พิพัฒน์" เตรียมใช้ระยองโมเดลกระตุ้นท่องเที่ยว ผู้ประกอบการเชียงรายประเมินเสียหาย 20 ล้านจ่อฟ้องแก๊ง 1จี1 นำเข้าโควิด
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 19 ราย โดยเป็นผู้อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 14 ราย ผู้เดินทางไม่เข้าสถานที่กักกัน 1 ราย และผู้ติดเชื้อในประเทศ 4 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,126 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,874 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 192 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ รายที่ 1-6 จากเมียนมา, รายที่ 7 จากตุรกี, รายที่ 8 จากบัลแกเรีย, รายที่ 9 จากโมร็อกโก, รายที่ 10-11 จากสหรัฐอเมริกา, รายที่ 12 จากสหราชอาณาจักร, รายที่ 13 จากเดนมาร์ก และรายที่ 14 จากบาห์เรน ส่วนรายที่ 15 เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้าเส้นทางธรรมชาติจากเมียนมา เป็นเพศหญิง อายุ 21 ปี สัญชาติไทย เป็นแม่บ้าน ผลพบเชื้อ 5 ธ.ค. ไม่มีอาการ รักษาใน รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
และผู้ติดเชื้อในประเทศ กทม. 4 ราย ได้แก่ รายที่ 16 ผู้ปฏิบัติงานที่สถานที่กักกันโรคทางเลือก (Alternative State Quarantine) หรือ ASQ) เป็นเพศหญิง อายุ 40 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ตรวจพบเชื้อวันที่ 4 ธ.ค. มีไข้และน้ำมูก รักษาในรพ.เอกชน กทม., รายที่ 17 ผู้ปฏิบัติงานที่ ASQ เพศหญิง อายุ 32 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ตรวจพบเชื้อ 5 ธ.ค. 63 มีไข้ รักษาใน รพ.เอกชน กทม., รายที่ 18 ผู้ปฏิบัติงานที่ รพ.เอกชน เพศหญิง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ พบเชื้อ 5 ธ.ค.63 มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ รักษาใน รพ.เอกชน กทม. และรายที่ 19 ผู้ปฏิบัติงานที่ รพ.เอกชน และ ASQ เป็นเพศชาย อายุ 27 ปี สัญชาติไทย อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ ตรวจพบเชื้อ 5 ธ.ค. ไม่มีอาการ รักษาใน รพ.เอกชน กทม.
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัตน์ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค แถลงว่า ผู้ป่วยรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ 1 ราย ซึ่งเป็นหญิงไทย อายุ 21 ปีนั้น พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้คือ หญิงไทย อายุ 36 ปี เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก และเดินทางต่อไปยัง จ.ราชบุรี โดยวันที่ 29 พ.ย. เดินทางข้ามมาฝั่งไทยตามเส้นทางธรรมชาติกับเพื่อนที่เป็นเคสราชบุรี โดยมีชาวเมียนมาเป็นผู้พามาส่งที่จังหวัดเชียงราย จากนั้นผู้ป่วยนัดแฟนให้ไปรับกับเพื่อนที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพื่อเดินทางไปสนามบินเชียงราย ส่งเพื่อนที่เป็นผู้ป่วยเคสราชบุรีขึ้นเครื่องไป กทม. หลังส่งเพื่อนแล้วหญิงวัย 21 ปีกับแฟนเดินทางกลับบ้าน และไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์คกับกลุ่มเพื่อน
วันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค. อยู่แต่ในบ้าน กระทั่งวันที่ 3 ธ.ค. ผู้ป่วยพร้อมแฟนไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในอำเภอแม่สาย จนวันที่ 6 ธ.ค. ได้รับแจ้งว่าพบเชื้อ และโรงพยาบาลแม่สาย ส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ทั้งนี้ ได้ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 9 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำที่เป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเอกชนในอำเภอแม่สาย 8 คน อยู่ระหว่างรอผล
แก๊งท่าขี้เหล็ก 39 คน
สรุปจำนวนผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ณ วันที่ 8 ธ.ค.63 มีทั้งหมด 39 คน ซึ่งกระจายอยู่ใน จ.เชียงใหม่ 5 ราย, เชียงราย 27 ราย, พะเยา 1 ราย, กทม. 3 ราย, พิจิตร 1 ราย, ราชบุรี 1 ราย และสิงห์บุรี 1 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 7 คน ที่จังหวัดเชียงราย พบในสถานกักตัว ซึ่งจะนำไปแถลงรวมกับยอดผู้ป่วยสะสมในวันที่ 9 ธ.ค.
สำหรับบุคลาการทางการแพทย์ที่พบเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 4 คน ผลการสอบสวนโรคพบกลุ่มเสี่ยงสูง 51 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 229 คน รวม 280 คน โดยผลตรวจเบื้องต้นในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้ง 51 คน ไม่พบการติดเชื้อ ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ยังต้องรอผลตรวจให้ครบทั้งหมด
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจที่โควิดจะไม่ระบาดระลอก 2 ในประเทศไทยว่า ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ซึ่งวันนี้ต้องหามาตรการที่เข้มขึ้นกว่าเดิม และต้องขอความร่วมมือจากสื่อ จากประชาชนโดยตรง ซึ่งอยากจะพูดให้สังคมเข้าใจว่า วันนี้ไม่ใช่การแพร่ระบาดระลอกที่ 2 หรือจะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ อย่าสร้างความตื่นตระหนกให้มากนัก เพราะเราก็รู้ว่าต้นตอมาอย่างไร ที่ไหน เราก็ตามแก้ปัญหาไป อย่างไรก็ตาม หากระบาดระลอก 2 ขึ้นมา ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมของเรา ถ้าถึงขั้นนั้นก็ต้องชัตดาวน์กัน แต่ไม่อยากให้ถึงจุดนั้น ทุกคนก็ต้องช่วยกันดูแล และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบคัดกรอง แนวที่หนึ่งคือชายแดน แนวที่สองพื้นที่ตอนใน สามระดับพื้นที่ประชาชนต้องร่วมมือสังเกตผู้ที่เข้ามาอย่างผิดปกติ
ทั้งนี้ ได้ให้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ชี้แจงทุกวันถึงความก้าวหน้า และให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปภาคเหนือเพื่อดูและติดตามทำความเข้าใจ ไม่ให้ธุรกิจการท่องเที่ยวแย่ลงกว่าเดิม ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการยกเลิกการจองโรงแรมมากมาย ฉะนั้นการเสนอข่าวก็ต้องตามสมควร ไม่ได้ให้ปิดบังอะไร เสนอว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และขอย้ำเตือนบุคคลที่ลักลอบ ให้การช่วยเหลือคนเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติมีความผิดทุกคน เราต้องจับกุมดำเนินคดี ดีที่สุดทุกคนต้องรู้ตัวเองว่าทำอะไรอยู่ ไปทำงานอะไรที่ไหน มีความเสี่ยงแค่ไหน จะต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ต้องมีจิตสำนึกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวให้มาก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งคนไม่กี่คนทำให้ทุกอย่างเสียหาย คนเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีคนไทยเหลืออยู่กี่คนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยไทยได้ประสานติดต่อไปให้แสดงตน อย่าลักลอบเข้าเมือง และเข้ามาไม่มีความผิด แต่จะตรวจคัดกรองโรค คนใดไม่มีเชื้อต้องกักตัว 14 วัน หากไม่มีเชื้อก็พาไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งทุกอย่างมีการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีคนไทยเดินทางกลับจากลาวซึ่งมีลักษณะคล้ายกับท่าขี้เหล็กนั้น ฝ่ายปกครองจะมีมาตรการเข้มข้นตามแนวชายแดน เป็นคนไทยเข้าประเทศไทยได้อยู่แล้วอย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเตรียมฟ้องร้องค่าเสียหาย 20 ล้านบาทกับผู้ที่นำโควิด-19 เข้าประเทศนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ฟ้องเลยควรจะฟ้อง แต่รัฐบาลจะไม่ทำ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายของแต่ละคน คนที่ทำผิดกฎหมายทำความเดือดร้อน ไม่รับผิดชอบ ถ้ามีใครสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ก็ทำได้อยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่หลาบจำ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่..) รวม 2 ฉบับ ซึ่งทั้ง 2 ฉบับ เป็นการยกเลิกเงื่อนไขกรณีการเดินทางมาพำนักระยะยาว สำหรับบุคคลต่างด้าวที่เป็นนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (STV) และการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) โดยไม่จำกัดประเทศ รวมถึงขยายระยะเวลาขอรับการตรวจลงตราประเภท STV ที่มากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) ออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้
อนุทินลงพื้นที่แม่สาย
ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แถลงว่า วันที่ 10 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ได้เชิญชวนชาวเชียงรายออกมาทำความสะอาดทุกพื้นที่ ทุกอำเภอ พร้อมกันทั่วทั้งจังหวัด และในหลายๆ พื้นที่จะมีการพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว ว่าเชียงรายมีความปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19 อย่างแน่นอน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ จ.เชียงราย ล่าสุด พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 8 ราย รวมพบผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 34 ราย และทั้งหมดเข้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ในจำนวน 8 คน ผู้ป่วยใหม่มี 7 คน เป็นผู้เดินทางผ่านเข้ามาทางจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.และตรวจการติดเชื้อในสถานที่กักกัน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ส่วนอีก 1 ราย พบนอกสถานที่กักกัน อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย มีประวัติเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดราชบุรี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจเชื้อในกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง 8 ราย ตรวจไปแล้ว 5 ราย ผลไม่พบเชื้อ 2 ราย คือ สามีและเพื่อน และอีก 3 ราย อยู่ในระหว่างรอผล ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ทราบว่ามีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 70 รายแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ฯลฯ ได้ร่วมกันสกัดกั้นตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด
นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อ 7 รายในสถานที่กักกัน พบว่าไม่ได้มีแค่ผู้ทำงานอยู่ในโรงแรมวันจีวันเท่านั้น แต่ทำงานอยู่สถานบันเทิงแห่งอื่นๆ ในจังหวัดท่าขี้เหล็กด้วย
ที่ด่านพรมแดนแม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สาย นายอนุทินพร้อมคณะได้เดินทางมาติดตามการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และตรวจเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด พร้อมนำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี ถึงเจ้าหน้าที่ ประชาชน ร่วมป้องกันโรคโควิด-19
"มั่นใจว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่ดำเนินการควบคุมป้องกันโรค ไม่ถือว่าเป็นการแพร่ระบาด ขอยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งด้านการรักษา ทีมสอบสวนโรค ยา เวชภัณฑ์ ขอประชาชนร่วมมือไม่ปกปิดประวัติเสี่ยง คาดว่ามีพี่น้องเราไปทำงานที่ท่าขี้เหล็กไม่เกิน 500 คน เข้ามาแล้วบางส่วน ที่เหลืออีกไม่มาก ให้เข้ามาแบบถูกต้อง หากป่วยจะได้รับการรักษาทันที ไม่แพร่โรคให้ครอบครัวคนใกล้ชิด ไม่กระทบต่อระบบป้องกันควบคุมโรค เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวของประเทศ และที่สำคัญต้องไม่ประมาท การ์ดอย่าตก เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะกลับสู่ภาวะปกติ” นายอนุทินระบุ
วันเดียวกัน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคเอกชนใน จ.เชียงราย ร่วมกันหารือถึงผลกระทบจากกรณีกลุ่มพนักงานสถานบันเทิงในโรงแรมวันจีวัน จ.ท่าขี้เหล็ก ของเมียนมา ลักลอบผ่านแดนทางช่องทางธรรมชาติมาพร้อมกับเชื้อโควิด-19 จนทำให้มีการยกเลิกการจองที่พัก ยกเลิกกรุ๊ปสัมมนาและศึกษาดูงานใน จ.เชียงรายเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วคาดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ทั้งนี้ นายกิตติ ทิศสกุล ที่ปรึกษาสมาคมสมาพันธ์ผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตัวแทนผู้ประกอบการได้หารือกับสภาทนายความให้ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เนื่องจากต้องการให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม หวังว่าจะให้เป็นคดีตัวอย่างป้องปรามไม่ให้ผู้ที่คิดจะลักลอบข้ามแดนกระทำผิดซ้ำ
อย่างไรก็ตาม นายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า ประเด็นสำคัญเร่งด่วนในตอนนี้คือ การพื้นฟูสภาพการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่วนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้ลักลอบเขาเมืองและนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาในประเทศนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องมีการพูดคุยกันอย่างรอบคอบก่อน แต่สิ่งที่จำเป็นคือต้องฟื้นการท่องเที่ยวและควบคุมโรคให้ได้ก่อน ค่อยมีการพูดกันถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเดินทางมาพร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังปัญหาจากภาคเอกชน กล่าวว่า หากพ้นหลัง 14 วันนับจากวันแพร่ระบาดคือ 29 พ.ย. แล้วไม่พบการติดเชื้อเพิ่ม สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย ซึ่งกระทรวงจะใช้ระยองโมเดลเร่งจัดโครงการเข้ามากระตุ้นในพื้นที่ โดยจะเริ่มตั้งแต่หลังวันที่ 14 ธ.ค.เป็นต้นไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |