จับตา'บิ๊กตู่'ลุยถิ่นเนวิน


เพิ่มเพื่อน    

    "บุรีรัมย์-สุรินทร์" คึกคักรับ "บิ๊กตู่" นำ ครม.ลงพื้นที่ 7-8 พ.ค.นี้ เตรียมจัดขนมตดหมา ขนมไทยให้ชิม "ผู้ว่าฯ" ควง "เนวิน" ตรวจสถานที่ ชง 5 แผนพัฒนาจังหวัด ยกระดับเมืองท่องเที่ยวและสปอร์ตซิตี้ "เสี่ยหนู" ยันควง "บิ๊กเน" ต้อนรับ "ประยุทธ์" ไร้วาระซ่อนเร้น "ไก่อู" ย้ำเป้าหมายนายกฯ ลงรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของ ปชช. ไม่มีอะไรพิเศษ
    ตลอดทั้งวันอาทิตย์ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ได้เร่งจัดเตรียมสถานที่รองรับการเดินทางมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.2561 เพื่อติดตามรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน พูดคุยหารือร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ และประชุม ครม.พิจารณาโครงการช่วยเหลือและผลักดันศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 
    โดยเฉพาะที่ จ.บุรีรัมย์ ทางเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ร่วมกับวัฒนธรรมจังหวัด พัฒนาชุมชนจังหวัด และหลายภาคส่วน ได้เร่งจัดเตรียมสถานที่ ปรับตกแต่งภูมิทัศน์ บริเวณถนนคนเดินเซราะกราว และคลองละลมโบราณ ลูกที่ 1 เพื่อเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะที่จะเดินทางมาเยี่ยมชมถนนคนเดินเซราะกราว พบปะผู้ประกอบการค้าและประชาชนชาว จ.บุรีรัมย์ ในช่วงค่ำวันที่ 7 พ.ค.นี้ ก่อนเข้าร่วมประชุม ครม.สัญจร ในช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
    ตามกำหนด พล.อ.ประยุทธ์จะเยี่ยมชมถนนคนเดินเซราะกราว พบปะผู้ประกอบการ ร้านค้าที่มีกว่า 400 ร้าน พร้อมนั่งชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดบุรีรัมย์ และรับประทานอาหารพื้นบ้าน ลูกชิ้นทอด ขนมไทย มะพร้าวน้ำหอม ขนมตดหมา ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่เป็นอัตลักษณ์ของบุรีรัมย์ ที่เตรียมไว้ต้อนรับนายกฯ และคณะที่มาในครั้งนี้ด้วย
    สำหรับถนนคนเดินเซราะกราว ที่บริเวณถนนรมย์บุรี หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นตลาดประชารัฐตามนโยบายรัฐบาล ที่ได้รางวัลการบริหารจัดการบ้านชุมชนและสิ่งแวดล้อม เป็นถนนสายวัฒนธรรมที่สามารถสื่อถึงอัตลักษณ์ สะท้อนวิถีชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนบุรีรัมย์ได้เป็นอย่างดี มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชนในท้องถิ่น ทั้งยังเป็นสถานที่เดินพักผ่อนหย่อนใจและจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่สื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจของคนบุรีรัมย์
    นายกิตติเดช เกื้อกิตติวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะ ทางภาคเอกชนไม่ได้ยื่นข้อเสนอโดยตรง แต่ได้นำเอาข้อเสนอให้จังหวัดเป็นคนยื่นรวมกัน โดยอยากให้มีการก่อสร้างศูนย์การแพทย์และสถาบันการศึกษาทางการแพทย์ให้เป็นรูปธรรม ในรูปแบบมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ เพื่อรองรับคนป่วยทั้งจากจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้าน
    นายกิตติเดชกล่าวว่า ในส่วนผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จากชุมทางจิระ-นครราชสีมา ผ่านมายังจังหวัดบุรีรัมย์ ตามแบบแปลนนั้น จะไม่มีการยกระดับทางรถไฟเวลาผ่านตัวเมือง แต่ชาวเมืองบุรีรัมย์ต้องการเสนอให้ยกระดับเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรติดขัด 
เซราะกราวคึกรับบิ๊กตู่
     "เรายังเสนอให้สร้างเมืองบุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬา หรือสปอร์ตซิตี้ และการก่อสร้างมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเฟ้นหานักกีฬาและให้คนที่ชอบกีฬามีโอกาสได้มาศึกษาเล่าเรียน การจัดตั้งสถาบันการศึกษาอาชีวะให้เป็นมหาวิทยาลัยด้านอาชีวะ โดยรวมเอาวิทยาลัยอาชีวะที่มีอยู่เข้าด้วยกัน ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัย เพื่อให้ผู้สนใจเรียนด้านอาชีพได้มาศึกษาเรียนรู้และพัฒนาช่างฝีมือแรงงานให้มีจำนวนมากขึ้น" นายกิตติเดชกล่าว
    ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า เรายังได้เสนอจัดตั้งสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาต้องไปทำหนังสือเดินทางและต่ออายุหนังสือที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น รวมทั้งบรรดาแรงงานต่างด้าวที่จะได้สะดวกหากมีการมาทำสำนักงานหนังสือเดินทางบุรีรัมย์ รวมทั้งของบประมาณสนับสนุนเตรียมการรองรับงานโมโตจีพีไทยแลนด์ในเดือน ต.ค.นี้ ที่จะจัดที่จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสนามที่ 15 โดยเบื้องต้นรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนมาแล้ว 300 ล้านบาท โดยเป็นงบฯ ต่อเนื่อง 3 ปี
    “ทั้งหลายเหล่านี้ เป็นความต้องการของเอกชนเราอยู่แล้ว เราเลยไม่ได้เสนอเอง แต่ให้จังหวัดเสนอ ส่วนเรื่องการเปิดด่านการค้าถาวรช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์นั้น ไม่ได้เสนอในครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เหลือขั้นตอนเอกสารเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็จะแล้วเสร็จแล้ว แต่เราจะไปเร่งให้ ครม.อนุมัติเท่านั้นเอง เพื่อยกระดับการค้าชายแดนระหว่างประเทศ” ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์กล่าว
    วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัด จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ได้ตรวจความพร้อมของ สนามช้างอารีน่า ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะมาพบปะประชาชน
    นายอนุสรณ์กล่าวว่า ขณะนี้สถานที่ต่างๆ ที่เตรียมรองรับนายกฯ และคณะรัฐมนตรี มีความพร้อมทุกจุดแล้ว รวมถึงระบบการรักษาความปลอดภัยด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมต้อนรับนายกฯ และคณะที่สนามช้างอารีน่า มากกว่า 30,000 คน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลกลุ่มคนที่จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านหรือเรียกร้องแต่อย่างใด  
    "สำหรับข้อเสนอของจังหวัดบุรีรัมย์และกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ 5 ด้านสำคัญ คือ 1.น้ำเพื่อการเกษตรแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างยั่งยืน 2.พัฒนาด้านการท่องเที่ยวที่มุ่งหวังจะยกระดับการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดให้มีความเข้มแข็ง 3.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบพัฒนายกระดับสนามบินบุรีรัมย์ให้เป็นสนามบินอินเตอร์เนชั่นแนล และการคมนาคม 4.ยกระดับการจากจุดผ่อนปรนเป็นด่านผ่านแดนถาวร และ 5.การพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำทั้งระบบ" ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์กล่าว  
    ส่วนกรณีที่หลายคนจับตาว่า นายเนวิน ชิดชอบ  จะมาร่วมต้อนรับนายกรัฐมนตรีในวันนั้นหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครทราบ และตัวนายเนวินเองก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ขอให้รอดูในวันนั้น
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันอีกครั้งว่า ตนเองกับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย จะให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ที่สนามช้างอารีน่า ใฐานะเจ้าของสถานที่เมื่อนายกฯ และครม.มาเยือนต้องอำนวยความสะดวกในจุดที่เราทำได้  หน้าที่ของตนกับนายเนวินจึงไม่มีอะไร เป็นเพียงคนต้อนรับ จากนั้นก็ส่งมอบเพื่อให้นายกฯ ได้พบปะปราศรัยกับประชาชนที่คาดว่าจะมาเต็มสนาม หรือประมาณ 3 หมื่นคน 
ไก่อูลั่นไร้วาระซ่อนเร้น
    "ยืนยันไม่มีกำหนดที่จะพบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์เป็นการภายใน และการมาประชุม ครม.ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก็เป็นกำหนดการที่มีนานแล้ว ไม่ใช่ว่าจะมาดูดหรือไม่ดูด เรื่องการเมืองต้องเว้นไว้บ้าง เพราะการเลือกตั้งยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เอาไว้คุยหลังเลือกตั้งก็ได้ ส่วนความเดือดร้อนของประชาชนที่จะเสนอนายกฯ คงมีข้อเสนอขึ้นมาผ่านทางผู้ว่าฯ และนายอำเภอตามลำดับแล้ว" นายอนุทินกล่าว
    ส่วนนายประยุทธ เขียวหวาน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในพื้นที่เชิงเขาพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ และตำบลไพล อำเภอปราสาท มีการทำเหมืองหินอย่างต่อเนื่อง ทั้งเหมืองหินเดิมและกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดบ่อจากการทำเหมือง มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร จำนวน 12 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 860 ไร่ โดยสภาพปัจจุบันทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งมีน้ำขังอยู่ในบ่อกว่า 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงหน้าแล้ง ประชาชนได้สูบน้ำขึ้นมาใช้อุปโภคบริโภคและการเกษตร แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ภาคเอกชน โดยสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ จึงได้เสนอโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างและการท่องเที่ยวงบประมาณ จำนวน 100 ล้านบาท เข้าที่ประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 8 พ.ค.นี้
    ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์และ ครม. โครงการช่วยเหลือและผลักดันศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 ซึ่งประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ซึ่งนายกฯ ย้ำการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่มีอะไรพิเศษ เพราะเป็นภารกิจของ ครม.ที่ปฏิบัติเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา
    "สิ่งสำคัญคือการได้พบปะประชาชน เพื่อรับฟังปัญหาความทุกข์ร้อน โดยให้ ครม.กระจายกันลงพื้นที่ แล้วกลับมาคุยกันว่าจะมีแนวทางพัฒนาอย่างไร พร้อมทั้งพิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชนและประชาสังคมด้วยว่าต้องการอะไร" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เป้าหมายการลงพื้นที่คือการเชื่อมโยงจุดเด่นในแต่ละพื้นที่ และลดข้อจำกัดในการพัฒนาให้ได้มากที่สุด โดยกลุ่มจังหวัดนี้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอาหารปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ไหม มีแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมที่สำคัญ และเป็นย่านการค้าชายแดนที่มีศักยภาพ รัฐบาลจึงมุ่งเน้นที่เรื่องเหล่านี้โดยเริ่มจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว เช่น โครงการรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ปรับปรุงสนามบิน ฯลฯ ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การพัฒนาในด้านอื่นๆ
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ในวันที่ 7 พ.ค. นายกฯ จะไปเยี่ยมชมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง ตรวจสภาพอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด-ห้วยจระเข้มาก จ.สุรินทร์ พร้อมทั้งพบปะประชาชนติดตามความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก และเยี่ยมชมถนนคนเดินเซราะกราว จ.บุรีรัมย์ และวันถัดไปจะไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยววิถีไทย บ้านสนวนนอก และตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นจุดขายของพื้นที่ที่ควรได้รับการส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น
    "การประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 1 นั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ผู้นำท้องถิ่น และประชาสังคม โดยเห็นว่าหลายโครงการที่จะเสนอมีความสอดคล้องกับแผนงานของรัฐบาล จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมพูดคุยหารือและดำเนินการให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"