กกต.แจงตั้ง คกก.ไต่สวนกรณีกลุ่มก้าวหน้าทำตัวคล้ายพรรคการเมือง ชี้โทษอาญาต้องเก็บข้อมูลหลักฐานให้ครบถ้วน ติวเข้มจับโกงเลือกตั้ง อบจ. ชู 4 ประสานต้านทุจริตส่งชุดเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการ แดงเชียงใหม่เดือด! ไล่ "จตุพร" พ้นประธาน นปช.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)? เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ต.อ.จรุง?วิทย์ ?ภุมมา เลขาธิการ ?กกต. กล่าวถึงการประชุมผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อชี้แจงแนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็ว ตลอดจนซักซ้อมการจัดทำและส่งรายงานเพื่อประกอบการพิจารณาผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และมอบแนวทางในการบูรณาการการทำงานร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็ว ว่า ประธาน กกต.บัญชาการให้มีการบูรณาการการทำงานเลือกตั้งร่วมกันในแต่ละจังหวัด
หลังจากนี้ ชุดเคลื่อนที่เร็วและผู้ตรวจการเลือกตั้งจะประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนปฏิบัติหน้าที่ และลงพื้นที่พบกับผู้ใหญ่บ้าน ตามที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านในแต่ละจังหวัดให้ความร่วมมือเรื่องการให้ข้อมูลคนทุจริตซื้อเสียง เพราะเป็นผู้ปกครองในพื้นที่ตามกฎหมายย่อมรู้ความเคลื่อนไหวในหมู่บ้าน หากต้องมีการจับกุมตรวจค้น กกต.จังหวัดสามารถขอหมายศาลและชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าค้นได้ แต่ถ้าพบว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านมีการปกปิดจะมีการประสานกระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการ ซึ่งเหลืออีก 12 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ยังไม่พบการหาเสียงผิดกฎหมายแต่มีความเข้มข้นขึ้น
"ประธาน กกต.ได้ตั้ง 4 ประสานต้านทุจริต คือ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง, ชุดเคลื่อนที่เร็วที่เป็นตำรวจ, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน ซึ่งต้องทำงานประสานสอดรับกันจึงจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยประธาน กกต.ฝากว่า หลังจากนี้ให้ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ชุดเคลื่อนที่เร็ว และ ผอ.กกต.ทุกจังหวัด ตั้งกลุ่มไลน์รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ เกิดเหตุในจุดใดจะได้ร่วมมือกันปฏิบัติในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการที่ชุดเคลื่อนที่เร็วเพิ่งเริ่มปฏิบัติงานวันนี้ก็ไม่ถือว่าช้า เพราะยิ่งใกล้วันเลือกตั้งสถานการณ์จะยิ่งเข้มข้น ขณะนี้ก็มีการรายงานทุจริตเข้ามาจากทั่วประเทศแล้ว 4-5 ราย ในลักษณะมีการสำเนาบัตรประชาชนใน 5-6 แห่ง กำลังตรวจข้อมูลอยู่และรู้แล้วว่าเป็นใครบ้าง ใครเก็บบัตร กำลังติดตามอยู่ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเป็นการกระทำโดยตัวผู้สมัครหรือทีมงาน" เลขาธิการ?กกต.ระบุ
ส่วนเรื่องการประกาศรับรองผลก็จะเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หลังเลือกตั้งหาก กกต.รับฟังรายงานผลการตรวจสอบของผู้ตรวจการเลือกตั้งแล้วไม่มีเหตุทุจริตเลือกตั้ง รวมถึงไม่มีเรื่องร้องเรียน กกต.ก็จะประกาศผลภายใน 30 วัน แต่หากยังมีเรื่องร้องเรียนจะประกาศผลภายใน 60 วัน เหมือนกับการเลือกตั้ง ส.ส.
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ยังกล่าวถึงการตรวจสอบกรณีคณะก้าวหน้าดำเนินกิจกรรมที่เข้าลักษณะคล้ายพรรคการเมืองว่า เรื่องนี้มีโทษทางอาญา กกต.จึงต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน กำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานอยู่ เมื่อได้ครบถ้วนแล้วก็ต้องมาพิจารณาว่ามีความผิดตามประเด็นข้อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งมีกระบวนการตามขั้นตอนการไต่สวนสอบสวนอยู่ ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าหากว่าเข้าข่ายผิดจะกระทบถึงตัวผู้สมัครหรือไม่ เพราะยังต้องหาข้อเท็จจริงก่อน
ที่ร้าน STAR coffee ข้างโรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กลุ่มคนเสื้อแดงจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยนายวิชิต ตามูล หรือดาบชิต เสื้อแดง ผู้ประสานงานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) 17 จังหวัดภาคเหนือ นายสว่าง วงค์วิลาส หรือลุงแก้ว เสื้อแดงฝาง แกนนำ นปช.โซนเหนือจังหวัดเชียงใหม่ และนางมนัสภรณ์ วิเชียร หรือติ๋ม แม่โจ้ แกนนำ นปช.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวประกาศจุดยืนของเสื้อแดงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อสื่อมวลชน สืบเนื่องจากการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่ปรากฏภาพนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้รับสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ ในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม จนเกิดคำถามจากสังคมว่า นปช.เชียงใหม่ หรือกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่ มีการเปลี่ยนขั้วการเมืองตีจากพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่
นายสว่างกล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงหรือ นปช.เชียงใหม่ยังคงมีจุดยืนเคียงข้างประชาธิปไตย ไม่ย้ายขั้วไปไหน ยังคงต่อต้านอำนาจเผด็จการรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สำหรับภาพที่นายจตุพรไปช่วยนายบุญเลิศหาเสียง แต่กลับไม่มาช่วยพรรคเพื่อไทย จนทำให้เกิดคำถามมากมายทั้งจากพี่น้องเสื้อแดงและประชาชน การที่นายจตุพรกล่าวโจมตีพรรคเพื่อไทยทอดทิ้งนายบุญเลิศ ไม่ช่วยเหลือเมื่อครั้งถูกดำเนินคดีในการรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น ต้องชี้แจงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงถูกดำเนินคดีและต่อสู้ทางกฎหมายด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน ไม่เคยร้องขอให้พรรคเพื่อไทยมาช่วย เพราะเราต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ อยากจะให้นายจตุพรหยุดพฤติกรรมดังกล่าว หรือพิจารณาตนเองลาออกจากการเป็นประธาน นปช.
ด้านนายวิชิตกล่าวว่า ด้วยความเคารพนายจตุพรที่ร่วมต่อสู้ทางอุดมการณ์กันมา 10 กว่าปี ถือได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรบกันมา แต่มาถึงวินาทีนี้การกระทำของนายจตุพร ถือว่าเกินไปสำหรับความรู้สึกของพี่น้องเสื้อแดงเชียงใหม่ นายจตุพรอยู่ที่กรุงเทพฯ อยู่ทางใต้คงจะไม่รู้เรื่องสถานการณ์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่มากนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนเสื้อแดงเชียงใหม่ อีกส่วนเป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ทางคนเสื้อแดงมีแนวทางใกล้เคียงกัน คือพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งที่นายจตุพรพูดมาทั้งเรื่องบุญคุณส่วนตัว เรื่องของความเป็นเพื่อนนั้นไม่ผิด แต่ไม่ได้ถูกทั้งหมด เพราะมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่นายจตุพรมองไม่เห็นหรือไม่ได้มอง
"การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาชาวเชียงใหม่มีความชอกช้ำใจ เนื่องจากชัดเจนว่าไม่มีใครเอาพรรคพลังประชารัฐ แต่มีคนบางกลุ่มไปสนับสนุน ทำให้พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนจาก จ.เชียงใหม่ไป 2 แสนกว่าคะแนน ทำให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3-4 คน จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้สืบทอดอำนาจ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงอยากให้คุณจตุพรทบทวนตนเองในการเป็นประธาน นปช. ถ้ายังมีการกระทำแบบนี้ก็ควรลาออกไป" ผู้ประสานงาน นปช. 17 จังหวัดภาคเหนือระบุ
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางไปปราศรัยหาเสียงช่วยนายบุญเลิศที่ อ.ฮอด โดยตอบโต้คนเสื้อแดงเชียงใหม่ว่า วันนี้มาขอทานเศษเสี้ยวคุณธรรมให้นายบุญเลิศ เพราะการป้ายสีว่าไปอยู่กับพลังประชารัฐนั้นเป็นความเท็จ และตนมีหน้าที่นำความจริงมาบอกให้รับรู้ต่อหน้าครูบาศรีวิชัย ใครพูดเท็จขอให้เป็นไป เนื่องจากพี่น้องเสื้อแดงเชียงใหม่แถลงข่าวกล่าวหาตนใช้ความเป็นพี่น้องอยู่เหนืออุดมการณ์ เพราะไปช่วยนายบุญเลิศหาเสียง ผมไม่ได้ใช้ความเป็นเพื่อนอยู่เหนืออุดมการณ์ แต่นายบุญเลิศเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของผม และผมรู้อยู่ว่าใครให้พี่น้องเสื้อแดงออกมาแถลงป้ายสีบิดเบือนเช่นนั้น
ส่วนเรื่องที่ไม่ไปช่วยผู้สมัครเพื่อไทยนั้น นายจตุพร เล่าย้อนไปถึงคดีนายบอสทายาทกระทิงแดง ซึ่งหากนายจารุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญไม่ตายด้วยอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ที่เชียงใหม่แล้ว ต้องไปเป็นพยานในชั้นศาล เมื่อเสื้อแดงเชียงใหม่ถามว่าทำไมไม่ไปช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เปรียบเหมือนตนกินน้ำเห็นปลิง จึงไม่อาจไปช่วยได้ แล้วยังถูกกล่าวหานายบุญเลิศกับตนไปอยู่พลังประชารัฐ ขอประกาศต่อหน้าครูบาศรีวิชัยว่า ตนและนายบุญเลิศไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าจะไม่มีวันไปร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เด็ดขาด
ที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล ผู้สมัครนายก อบจ.กาฬสินธุ์ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่ามาช่วยนางเฉลิมขวัญในนามส่วนตัว เนื่องจากนายยงยุทธ หล่อตระกูล อดีตนายก อบจ.กาฬสินธุ์ บิดาของนางเฉลิมขวัญ เคยช่วยงานตนตอนเริ่มทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จนทำให้จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดแรกๆ ที่ทำโครงการ 30 บาทได้สำเร็จ
โดยตลอดทั้งวันคุณหญิงสุดารัตน์ได้ออกเยี่ยมเยียนพบปะพี่น้องเกษตรกรที่กำลังเกี่ยวข้าว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับปัญหาราคาข้าว และเดินพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขายในตลาดหลายแห่ง รวมทั้งได้ขึ้นเวทีปราศรัยอีก 7 แห่งใน 7 อำเภอ โดยได้ปราศรัยตอนหนึ่งว่า สนับสนุนนโยบายของนางเฉลิมขวัญ เพราะ 6-7 ปีมานี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำลงทุกปี รัฐบาลไม่สามารถดูแลช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนได้จริง นับวันเกษตรกรจะยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้เพิ่มขึ้นทุกปี นโยบายแก้จนของนางเฉลิมขวัญจึงตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ซึ่งแทนที่จะต้องไปขายข้าวเปลือกผ่านพ่อค้าคนกลาง ผ่านโรงสี ที่ต่างกดราคาจนชาวนาขาดทุนย่อยยับ เราสามารถใช้กลไกของ อบจ.เข้ามาช่วยชาวนาในการผลิตเป็นข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวไปขายทั่วประเทศ โดยช่วยขายตรงให้ผู้บริโภคทั่วประเทศ ซึ่งผู้บริโภคจะได้ซื้อข้าวสารในราคาที่ถูกลงอีกด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |