จรรโลงความยุติธรรม ร.10พระราชทานพระราชดำรัสในโอกาสเปิด ที่ทำการศาลฎีกา


เพิ่มเพื่อน    

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลฎีกา พระราชทานพระราชดำรัสแก่ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ ให้จรรโลงรักษาความยุติธรรมอันเที่ยงแท้ ให้บังเกิดความวัฒนาผาสุกแก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป
    เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เวลา 17.32 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลฎีกา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อเสด็จฯ ถึงอาคารที่ทำการศาลฎีกา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร นางเมทินี  ชโลธร ประธานศาลฎีกา นางวาสนา หงส์เจริญ รองประธานศาลฎีกา นายนิพันธ์ ช่วยสกุล รองประธานศาลฎีกา นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธยุติธรรมโลกนาถ ทรงกราบ ทรงศีล  ประธานสงฆ์ถวายศีล เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายดิเรก อิงคนินันท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ  ถวายหนังสือที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  
    ต่อมานางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลเบิก นางวาสนา หงส์เจริญ  รองประธานศาลฎีกา พร้อมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่เฝ้าฯ  รับพระราชทานของที่ระลึก กับทูลเกล้าฯ ถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายเกียรติพงศ์ อมาตยกุล ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา เฝ้าฯ ถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย
    จากนั้นทรงพระดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคาร "ศาลฎีกา" พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ แล้วเสด็จเข้าพลับพลาพิธี
    ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายแด่พระสงฆ์  ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางวาสนา หงส์เจริญ รองประธานศาลฎีกา  กราบบังคมทูลเบิกข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯ รับพระราชทานของที่ระลึก จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นายเกียรติพงศ์ อมาตยกุล ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นศิลา เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย  เสร็จแล้ว ทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์  
    จากนั้น เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังอาคารศาลฎีกา เมื่อถึงอาคารศาลฎีกา ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เฝ้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  เสร็จแล้ว เสด็จเข้าห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา
    ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสแก่ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ ความว่า "อาคารที่ทำการศาลฎีกา ซึ่งได้สร้างขึ้นใหม่บนที่ตั้งอาคารที่ทำการหลังเดิมนี้ มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์แห่งการยุติธรรมของไทย อันนับเนื่องมาแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการปฏิรูประบบศาล และสร้างศาลสถิตยุติธรรมขึ้น ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกาแห่งนี้ ก็เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง เพราะนอกจากจะเป็นที่สำหรับประชุมกัน เพื่อคัดเลือกผู้พิพากษาให้ทำหน้าที่วินิจฉัยตัดสินคดีต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ และคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม ให้ทำหน้าที่ในองค์กรอิสระต่างๆ แล้ว  ยังเป็นที่สำหรับประชุมใหญ่เพื่อพิจารณา และตีความข้อกฎหมายสำคัญๆ อันนำไปสู่บรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมายของประเทศด้วย
    ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทุกท่านทุกฝ่ายผู้มีส่วนร่วมในงานศาลยุติธรรม คงจะมีความภาคภูมิใจ ในเกียรติประวัติของที่ทำการแห่งนี้ ทั้งคงจะได้รำลึกถึงความสำคัญของหน้าที่ที่แต่ละคนมีอยู่ในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ จึงขอให้ทุกท่านตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความรู้ในหลักวิชาการและกฎหมาย ประสพการณ์ที่ได้สร้างสมมา รวมทั้งวิจารณญาณที่ถูกต้องตามหลักเหตุผลและหลักธรรม เพื่อจรรโลงรักษาความยุติธรรมอันเที่ยงแท้ ให้บังเกิดความวัฒนาผาสุกแก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป"
    จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และนายพศวัจณ์ กนกนาถ รองประธานศาลฎีกา เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ  ถวายเหรียญที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  เสร็จแล้ว ทรงพระดำเนินไปยังพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงวางพานพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะ ทรงกราบ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่งออกเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ  จากบริเวณด้านหน้าประตูศาลยุติธรรมจนถึงแม่พระธรณีบีบมวยผม โดยตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ประชาชนต่างพร้อมใจเปล่งเสียงถวายพระพรชัยมงคล  "ทรงพระเจริญ" อย่างต่อเนื่อง พสกนิกรที่ได้ชื่นชมพระบารมีต่างปลื้มปีติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
    สำหรับอาคารศาลฎีกานี้ เป็นอาคารที่ก่อสร้างใหม่บนที่ดินที่เคยเป็นที่ทําการของศาลฎีกาหลังเดิม แต่เนื่องจากอาคารเดิมชํารุดทรุดโทรมตามกาลเวลา เกินกว่าที่จะบูรณะซ่อมแซมและใช้งาน ประกอบกับศาลฎีกามีจํานวนคดีเข้าสู่การพิจารณาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ต้องเพิ่มจํานวนบุคลากรให้เพียงพอต่อปริมาณคดี จึงได้รื้ออาคารหลังเดิมแล้วดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นมาทดแทน พร้อมกับการขยายพื้นที่ใช้สอย เริ่มการก่อสร้างเมื่อปลายปี 2555 จนแล้วเสร็จเมื่อต้นปี 2562 เป็นอาคาร สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ขนาด 5 ชั้น สีขาวทั้งหลัง ศาลฎีกาเข้าทําการในอาคารหลังนี้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2562  ที่ชั้น 5 มีพระพุทธยุติธรรมโลกนาถ องค์ครุฑและตราแผ่นดินประดิษฐานอยู่ด้านทิศเหนือ ส่วนด้านทิศใต้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธโคดมบรมมุนีเจ้าปกเกล้าศรีตุลาการ อันเป็นที่เคารพสักการะของเหล่าตุลาการ พื้นที่ใช้สอยภายในอาคารประกอบด้วย ห้องพิจารณาขนาดใหญ่ 1 ห้อง  ขนาดกลาง 2 ห้อง ขนาดเล็ก 2 ห้อง และห้องทํางานผู้พิพากษา 225 ห้อง
    วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ หน่วยราชการในพระองค์เชิญอาหารกลางวันพระราชทาน และสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงเวชภัณฑ์ทางการแพทย์พระราชทาน ไปมอบแก่สถานสงเคราะห์ต่างๆ จำนวน 5 แห่ง  เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ  เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา วันที่ 7 ธันวาคม 2563 ด้วยทรงห่วงใย และทรงให้ความสำคัญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19  (COVID-19) ที่มีในประเทศไทย
    อีกทั้งทรงตระหนักถึงความสำคัญของสุขอนามัยพื้นฐาน และการโภชนาการของเด็กและเยาวชนในสถานสงเคราะห์ต่างๆ เนื่องจากเป็นวัยที่สำคัญยิ่งต่อการเจริญเติบโต และการวางรากฐานเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต  สมควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพที่เหมาะสมทางร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง และมีจิตใจร่าเริงแจ่มใส ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกับผู้อื่น และสามารถปรับตัวดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข สมดังพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่เด็ก เยาวชน คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์ต่างๆ อย่างหาที่สุดมิได้
    ที่อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ ชั้น 3 วัดยานนาวา กทม.  นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานพิธี เจริญพระพุทธมนต์และปฏิบัติธรรม ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 7 ธันวาคม 2563 พร้อมด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ และประชาชนเข้าร่วม.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"