เห็นภาพบรรดาม็อบผู้สนับสนุน ทรัมป์บ้า ประธานาธิบดีอเมริกัน เอาด้ามธงไล่ทุบ ไล่ตี ไล่ชกและไล่กระทืบพวกม็อบผิวสี ที่อาจเอียงไปทางซ้ายๆ อยู่บ้างเล็กน้อย คือม็อบ Antifa ชนิดเหี้ยมโหด อำมหิต ไม่น้อยไปกว่า ไอ้คลั่ง ที่ไล่แทงใครต่อใครในบ้านเราไปเมื่อสองวันมานี้ คงต้องยอมรับว่า...ยังไงๆ ย่อมต้องก่อให้เกิดความสลดหดหู่ น่าทุเรศ เวทนา ไม่มากก็น้อย...
----------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วย ความเป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะตามแบบฉบับ อเมริกา เขา บรรดาคณะกรรมาธิการต่างประเทศและวุฒิสมาชิกอเมริกันบางกลุ่ม บางราย ที่เผอิญอาจมีชาวอเมริกันเชื้อสายไทยปะปนอยู่ด้วย ท่านอาจถือเป็น ความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ที่ช่วยให้เกิดการเลือก ชิมส้นตีน ได้โดยเสรี ท่านเลยอดไม่ได้ที่จะต้องออกมายื่นข้อเรียกร้อง ออกมาชี้แนะ ชี้นำ ต่อรัฐบาลไทย ถึง 5 ข้อ 5 ประการด้วยกัน ให้หาทางยอมรับ ยอมประนีประนอมยอมความ กับบรรดาพวกม็อบๆ ของเด็กไทยทั้งหลาย ผู้ซึ่งกำลังเรียกหา เพรียกหา สาธารณรัฐเป็ด อย่างเป็นทางการ หรืออย่างเป็นเรื่อง เป็นราว อยู่ในทุกวันนี้...
---------------------------------------------
อันนี้...ก็เอาเป็นว่า โดยทางเท้า หรือทางตีน ย่อมต้องเป็นไปในรูปนี้อย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละทั่น อย่าถึงกับต้องไปถือโทษโกรธเคือง อะไรกันมากมาย เพราะด้วย ความเป็นประชาธิปไตย ตามแบบฉบับอเมริกันๆ นั่นเอง ยังไงๆ...บรรดาวุฒิสมาชิกอเมริกันกลุ่มนี้ เขาคงต้องออกลูกนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ส่วนจะถึงขั้นคิดเข้ามาชำแรก แทรกแซง กดดัน ต่อรอง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายบางสิ่ง บางอย่าง ที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศอเมริกา เป็นไปตาม ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ ที่ไม่ว่าพรรครีพับลิกัน หรือเดโมแครตก็แล้วแต่ ต่างยึดถือเป็นสรณะไปด้วยกันทั้งสิ้น คงต้องอาศัย หลักฐาน และ ข้อพิสูจน์ กันอีกเยอะ...
---------------------------------------------
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...เมืองเชียงใหม่ ของบรรดา จาวเจียงใหม่ล่ะก้าๆ ทั้งหลายนั่นแหละ ออกจะเป็นจุดสนใจของบรรดาชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อย อย่างชนิดน่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ นี้ หรือหลังจากที่คุณพ่ออเมริกากับคุณพี่จีนเขาได้เปิดศึกในรูปแบบต่างๆ นานา ไม่ว่าทางการเมือง การค้า การเทคโนโลยี จนใกล้จะเป็น สงครามเย็นยุคใหม่ ยิ่งเข้าไปทุกที สถานที่ทำการเล็กๆ ของบรรดาชาวอเมริกันที่เมืองเชียงใหม่ หรือ สถานกงศุลอเมริกัน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ที่เคยเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 และยกระดับความสำคัญขึ้นมาเล็กน้อยในปี พ.ศ.2529 ให้กลายเป็นที่อยู่ ที่อาศัย ของพวกหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด หน่วยงานทางเทคนิคของกองทัพอากาศสหรัฐ และบรรดาอาสาสมัครทางศาสนาที่เรียกๆ กันว่าพวก Peace Corps ทั้งหลาย ประมาณไม่กี่สิบราย ฯลฯ ก็เลยเกิดการ ยกระดับ ครั้งใหญ่ ให้เป็นศูนย์อะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ แต่ด้วยเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ไม่น้อยไปกว่า 284 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9 พันล้านบาทไทย เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
------------------------------------------------
คือเมืองเชียงใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม เดิมที คงมิอาจปฏิเสธได้ว่า...เป็นจุดที่มักถูกยื้อกันไป-ยื้อกันมา ระหว่างไทยกับพม่า นับเป็นศตวรรษๆ เอาเลยก็ว่าได้ ยิ่งช่วงหลังๆ ที่นักล่าอาณานิคมอังกฤษเข้ามารับประทานประเทศพม่าแบบชนิดยกด้าม ยกแผง การรุกเข้ามาหาประโยชน์จากการตัดไม้ทำลายป่า โค่นป่าสักภาคเหนือลงไปเป็นแถบๆ ยิ่งทำให้การสร้างความกลมกลืน ความเป็นอันหนึ่ง อันเดียว ภายใต้ ความเป็นไทยๆ ออกจะเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ลำบาก อยู่พอสมควร แต่ก็ด้วย วิสัยทัศน์ หรือพระปรีชาญาณของล้นเกล้าในหลวงรัชกาลที่ 5 นั่นเอง สุดท้าย...ความเป็น ราชอาณาจักรไทย ภายใต้การผสมกลมกลืนระหว่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ก็จึงอุบัติขึ้นมาอย่างยั่งยืนและถาวรพอสมควร...
--------------------------------------------------
แต่ด้วยเหตุเพราะดันมี อดีตอั้งยี่ บางราย โผล่เข้าไปทำมาหารับประทานอยู่ในพื้นที่แถบนี้หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ การอาศัยรอยปริ รอยแยก ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูด ที่ยังอาจสมานไม่ค่อยสนิท มาใช้เป็นเงื่อนไข เหตุปัจจัย ในการคิดจะ แยกบ้าน-แยกเมือง แยกแผ่นดินไทยภาคเหนือตอนบน ออกไปเป็น สาธารณรัฐ จึงถูกพูดถึง เอ่ยถึง มาตั้งแต่บรรดาพี่น้องชาวเสื้อแดงทั้งหลาย ถูก หลอก ให้ออกมาเดินไป-เดินมา โดยให้คำสัญญิง สัญญา เอาไว้ประมาณว่า...เมื่อไหร่ที่เสียงปืนแตก...ผมจะกลับไปเดินนำหน้าพ่อ-แม่-พี่-น้องด้วยตัวเอง แต่สุดท้าย...ไม่ว่าจาวเจียงใหม่ หรือจาวอะไรก็แล้วแต่ ล้วนแต่ต้อง ล่ะก้าๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น ต่างถูกทิ้ง ถูกขว้าง ถูกปล่อยให้ติดคุก ติดตะราง ขณะผู้ที่ให้คำมั่นสัญญาดันอาศัย ช่องทางธรรมชาติ เผ่นหนีไปซะเฉยเลย!!!
-----------------------------------------------------
เรื่องของเมืองเชียงใหม่ และจาวเจียงใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เอามากๆ ไม่ว่าต่อฉากสถานการณ์ภายในและภายนอก และต่อ ความเป็นประชาธิปไตย ว่าควรจะเป็นไปตามแบบฉบับไทยๆ หรือแบบอเมริกากันแน่??? เพราะยังไงๆ...ภายใต้ ราชอาณาจักรไทย นั้น ย่อมหนีไม่พ้นต้องหมายถึง ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นั่นเอง แต่ถ้าวันหนึ่ง-วันใด ต้องกลายสภาพไปเป็น สาธารณรัฐเป็ด อย่างที่พวกเด็กๆ เขาถูก หลอก แบบเดียวกับที่พวกเสื้อแดงอดีตเคยโดนมาแล้ว โอกาสที่จะต้องเจอกับประธานาธิบดีแบบเดียวกับ ทรัมป์บ้า หรือ โจวิตถาร โผล่ขึ้นมาครองบ้าน ครองเมือง แล้วเนรมิต สถานกงศุลอเมริกัน ให้กลายไปเป็น ฐานที่ตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง เพื่อเล็งไปยังเมืองจีน หรือเพื่อปิดล้อมประเทศจีน ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย!!!
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Abraham Lincoln... “You can fool some of the people all the time, you can fool all of the people some of the time, but you cannot fool all of the people all of the time. - ท่านอาจหลอกบางคนได้ตลอดไป ท่านอาจหลอกทุกคนได้ในบางครั้ง บางคราว แต่ท่านจะหลอกทุกๆ คนตลอดไปไม่ได้...”
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |