ปากกล้า ขาสั่นของจริง

                วานนี้ (๗ ธันวาคม) "เพนกวิน" โพสต์เฟซบุ๊ก บอกว่า....

            ....ข่าวไม่สู้ดีคือ วันพรุ่งนี้ (๘ ธันวาคม) เวลา ๑๐.๐๐ น. ผม รุ้ง พี่ไมค์ และพี่ไบรท์เมืองนนท์ จะต้องเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาคดี ๑๑๒ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ซึ่งตำรวจได้โทร.มาแจ้งกับทนายผมล่วงหน้าว่าจะนำตัวพวกผมไปขอให้ศาลฝากขัง ซึ่งอาจทำให้พวกผมต้องเสียอิสรภาพอยู่ในเรือนจำ ท่ามกลางข่าวลือว่าจะมีการใช้กำลังกับเรา

            จึงขอแรงทุกคนมาเป็นสักขีพยานความอยุติธรรมที่อาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (๘ ธันวาคม) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี เวลา ๑๐.๐๐ น. เป็นต้นไป เพราะผมเชื่อว่าตำรวจยังมีสามัญสำนึกที่จะไม่ทำเรื่องชั่วช้าต่อหน้าประชาชน

            ด้วยรักและศรัทธาในสถาบันประชาชน....

                เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม "เพนกวิน" โพสต์ว่า

            .....เมื่อจับแกนนำเข้าคุกสำเร็จแล้วอาจมีการสังหารแกนนำในคุก ซึ่งทางวังถือฤกษ์วันที่ ๖ ธันวาคมเป็นฤกษ์ฆ่า....

                กะล่อนจริงๆ

                โกหกซ้ำซาก หลังปล่อยข่าวรัฐประหารให้ประชาชนเกลียดกองทัพ เพื่อเรียกม็อบ แต่ไม่สำเร็จเท่าที่ควร

                ก็ปล่อยข่าวเท็จมาเรื่อยๆ

                อ้างว่า กลัวถูกฆ่า ถูกซ้อม แต่ตอนเที่ยงวานนี้ เพนกวินกับแม่ไปเที่ยวห้างชานเมือง

                พาแม่ไปกินข้าว

                มีแฟนคลับเข้าไปทักทายน้ำตาไหลพราก

                ถ้าจะฆ่า ไม่มีใครเขาฆ่าในคุก เพราะตายแบบนั้นรัฐต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

                ทำข้างนอกง่ายกว่า

                แถมหาตัวคนลงมือได้ยากกว่า เพราะโจทก์เยอะ

                นับวันแกนนำม็อบ ๓ นิ้ว ยิ่งปลิ้นปล้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงภาวะจนตรอก การเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ รัฐบาลยังอยู่ต่อ คนรักสถาบันปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ     

                การชุมนุมของม็อบ ๓ นิ้วนับวันยิ่งมีมวลชนเข้าร่วมน้อยลงไปเรื่อยๆ

                ขณะที่แกนนำม็อบเอาแต่ขายฝันผ่านโซเชียล

                "อานนท์ นำภา" บอกว่า

                .....การใช้ ม.๑๑๒ จะเกิดกระแสตีกลับ เกิดขบวนปฏิวัติประชาชนขั้นปฐมภูมิ ไฟจะลามไปถึงการเสนอให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ ถึงตอนนั้นรัฐจะปราบปรามอย่างรุนแรง

            อ้างว่า การยึดอำนาจโดยทหารจะเกิดขึ้น พร้อมการต่อต้านจากประชาชนทุกรูปแบบ  ส่งผลให้ชนชั้นนำไทยต้องเดินทางลี้ภัยนอกประเทศ ขนสมบัติเท่าที่จะขนได้ไป และไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลย

            จากนั้นรัฐไทยจะถูกปกครองด้วยทหารสักระยะ แล้วจะค่อยๆ กลายเป็นรัฐประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ภายใน ๕ ปี หลังจากนั้น......

                ก็เท่ากับยอมรับอย่างเป็นทางการว่า จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พยายามหาวิธีจุดชนวน โดยคิดว่าจะเกิดการรัฐประหาร

                จะเห็นว่า แนวคิดของแกนนำ ๓ นิ้ว มันวนอยู่แค่นี้             

                แต่ลืมไปว่า ยิ่งแสดงพฤติกรรมล้มล้างสถาบันชัดเจนมากเท่าไหร่ ประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันจะแสดงตัวมากขึ้นเป็นทวีคูณ

                ปลายทางของ ม.๑๑๒ ไม่มีรัฐประหาร

                มีเพียงแกนนำ ๓ นิ้วเข้าไปนอนในคุกเท่านั้นเอง.