7 ธ.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ที่ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ โดยตอบโต้คนเสื้อแดงเชียงใหม่ที่โจมตีว่า เห็นแก่เพื่อนอยู่เหนืออุดมการณ์ แล้วยังแปรพักตรไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
นายจตุพร กล่าวว่า ตนเคารพครูบาศรีวิชัย สิ่งที่จะพูดต่อไปถ้าเป็นการกล่าวเท็จก็ขอให้มีการเป็นไป เนื่องจากพี่น้องเสื้อแดงเชียงใหม่แถลงข่าวกล่าวหาตนใช้ความเป็นพี่น้องอยู่เหนืออุดมการณ์ เพราะไปช่วยนายบุญเลิศหาเสียง
“ผมไม่ได้ใช้ความเป็นเพื่อนอยู่เหนืออุดมการณ์ แต่นายบุญเลิศเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของผม และผมรู้อยู่ว่าใครให้พี่น้องเสื้อแดงออกมาแถลงป้ายสี บิดเบือนเช่นนั้น”
นายจตุพร ย้ำว่า ในความเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันนั้น ตนกับนายบุญเลิศผูกพันธ์กันมายาวนาน จนแสดงออกชัดเจนเมื่อช่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจในปี 2557 และตนถูกจับไปปรับทัศนคติเข้าออกคุกนับครั้งไม่ถ้วน
อีกทั้ง บางช่วงอยู่ในคุก ตนติดเชื้อในกระแสเลือด น้ำเกลือหมดเลือดไหลย้อน จนเตียงคนป่วยแดงไปด้วยเลือด คิดว่าจะตาย แต่ยังรอดชีวิตมาได้ ต่อมาศาลปล่อยตัวจากคุก แล้วถูกคดีหมิ่นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ศาลฎีกาให้ติดคุก 1 ปี 15 วัน ซึ่งเป็นการติดคุกครั้งที่ 4 ของตน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ประกาศอยู่ไม่นาน แต่ลากมากว่า 4 ปี แล้วยังวางแผนสืบทอดอำนาจด้วยการเขียน รธน.ใหม่ โดยนำคำถามพ่วงทำประชามติให้ สว. 250 คนโหวตเลือกนายกฯ ได้ ขณะเดียวกันตนตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติทั้งประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ บอกทำได้ แต่กลับสั่งจับทั้งประเทศเช่นกัน
ส่วนพรรคเพื่อไทยให้ สส.และนักการเมืองท้องถิ่นไม่รับร่าง รธน. ดังนั้น ส.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ กับนายบุญเลิศ จึงไม่รับร่าง รธน. แต่ถูกจับทั้งตระกูลบูรณุปกรณ์ เข้าคุกทหาร มทบ.11 ที่ กทม. โดยตนมองว่า เป็นการแสดงจุดยืนประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งถูกต้อง และการติดคุกเป็นเรื่องเล็กของเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน
อย่างไรก็ในช่วงนั้น ประมาณวันที่ 26 ก.ค. 2559 นายบุญเลิศ กลับจากต่างประเทศถูกจับติดคุกเช่นกัน แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ สั่งด้วยอำนาจหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ. 2 ปี และตั้งข้อหาคดีซ่องโจร อั้งยี่ ผิด มาตรา 116 และผิด พรบ.ประชามติ 2559 เพียงแค่ไม่รับร่าง รธน. 2560 เท่านั้น
ตลอดเวลากว่าเดือนนายบุญเลิศ อยู่ในคุกทั้งในค่ายทหาร กทม. และย้ายมาเรือนจำเชียงใหม่ โดย คสช.ต้องการให้กล่าวหา ซัดทอดพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายต้องการยุบพรรคเพื่อไทย แต่นายบุญเลิศไม่ทำ ขณะนั้นตนได้ข่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่เอานายบุญเลิศแล้วเช่นกัน
“นั่นคือผลการกระทำที่นายบุญเลิศ ไม่รับร่าง รธน. ไม่ซัดทอดพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยกลับทอดทิ้งเขา ไม่เอาเขา ไม่เอาคนติดคุกจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมจึงมาช่วยนายบุญเลิศหาเสียง แต่ไม่ไปช่วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย”
ส่วนไม่ไปช่วยผู้สมัครเพื่อไทยนั้น นายจตุพร เล่าไปถึงคดีบอส กระทิงแดง ขับรถเฟอร์รารี่คันละ 15 ล้านบาทชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ ลากร่างไปไกลถึง 60 เมตร จนตายคาที่ ซึ่งเป็นคดีสะท้อนถึงคุกมีไว้ขังคนจน แล้วหาทางปล่อยคนรวย
พร้อมกล่าวถึงการหาทางปล่อยคนรวยไม่ต้องติดคุกว่า ในช่วงต่อสู้คดีนั้น มีพยานสำคัญ 2 ปาก คนหนึ่งคือนายจารุชาติ มาดทอง ให้การว่าอยู่ในที่เกิดเหตุเห็นรถนายบอสวิ่งมาด้วยความเร็วแค่ 50-60 กม.ต่อชั่วโมง จากนั้นคำให้การนี้ถูกนำไปแก้ความเร็จรถจาก 170 กม.ต่อชั่วโมงมาเหลือแค่ 70 กม.ต่อชั่วโมง ดังนั้นหากนายจารุชาติ ไม่ตายด้วยอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ที่เชียงใหม่แล้ว เขาก็ต้องไปเป็นพยานในชั้นศาล
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยืนยันไม่สนับสนุนอยุติธรรมแล้ว ตนขอตั้งคำถามว่า ได้ไปตรวจสอบคดีบอส กระทิงแดงหรือไม่ ถ้าข้องใจ ตนจึงชวนไปหาความจริงกับนายวิชา มหาคุณ ไปขอดูผลตรวจสอบความจริงกัน
“เมื่อเสื้อแดงเชียงใหม่ถามว่า ทำไมไม่ไปช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เปรียบเหมือนผมกินน้ำเห็นปลิง จึงไม่อาจไปช่วยได้ แล้วยังถูกกล่าวหานายบุญเลิศกับผมไปอยู่พลังประชารัฐ ผมขอประกาศต่อหน้าครูบาศรีวิชัย ว่า ผมและนายบุญเลิศไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าจะไม่มีวันไปร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ เด็ดขาด”
รวมทั้งย้ำว่า ที่ไม่ช่วยพรรคเพื่อไทยนั้น สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่ง ตนรับไม่ได้กับคดีบอส กระทิงแดง เพราะะรับไม่ได้ ให้ตายก็ไม่ไป ลองมาเถียงผมเรื่องนี้ กล้าหรือไม่ ไปหานายวิชากัน กล้าหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ ตนไม่เห็นด้วย
นอกจากนี้ ในเหตุการณ์ พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ที่เสนอปล่อยคนฆ่าพี่น้องเสื้อแดง 93 ศพ แล้วจะให้ตนรับได้อย่างไง อีกทั้งวันนี้นายบุญเลิศ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อไทยก็อ้างแต่รูปภาพเดียวที่ไปแสดงความยินดีกับพลังประชารัฐ มาเปิดสาขาพรรคที่เชียงใหม่ แล้วถ่ายรูปกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เอามาบิดเบือนกล่าวหา ป้ายสี ทั้งที่นายบุญเลิศ ได้ไปแสดงความยินดีกับทุกพรรคที่มาเปิดสาขาที่เชียงใหม่เช่นกัน แต่ไม่กล่าวหาว่า ไปยินดีกับพรรคอนาคตใหม่
อีกกรณีหนึ่ง นายจตุพร เล่าถึงเหตุการณ์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจาก รองนายกฯ รมต.มหาดไทย และออกหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อถูกร้องขอให้ปกป้องพรรค แต่พรรคเพื่อไทยทำกับนายยงยุทธ เหมือนทอดทิ้ง ไม่ใยดี ด้วยการเก็บของใช้ส่วนตัวออกจากห้องมาทิ้งข้างนอก เหมือนกับทำกับนายบุญเลิศ เช่นกัน
“เหตุการณ์ทั้งหมดนั้น จึงสะท้อนถึงความสัมพันธ์ของตนกับนายบุญเลิศ ไม่ใช่เพื่อนเหนือกว่าอุดมการณ์ แต่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน แม้พรรคเพื่อไทยจะเอาเป็นเอาตายกับผมและนายบุญเลิศให้ได้ ขนทีมชุดใหญ่มาหาเสียง แล้วใส่ร้ายป้ายสีให้ไปอยู่กับเผด็จการ ซึ่งผมไม่มีวันทรยศอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงเด็ดขาดและแน่นอน”
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมาบอกไม่ให้นายบุญเลิศลงสมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ แล้วจะเอาคนดีมาลงแทน เชื่อว่านายบุญเลิศ พร้อมจะหลีกทางให้ แต่ไม่บอกกัน กลับผลักใส ทอดทิ้ง ดังนั้น เขาจึงต้องสู้ลงสมัครด้วยกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม
ดังนั้น วันนี้ตนมาขอทานเศษเสี้ยวคุณธรรมให้นายบุญเลิศ เพราะการป้ายสีว่าไปอยู่กับพลังประชารัฐนั้น เป็นความเท็จ และตนมีหน้าที่นำความจริงมาบอกให้รับรู้ต่อหน้าครูบาศรีวิชัย ใครพูดเท็จขอให้เป็นไป .
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |