7 ธ.ค. 63 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1211/2563 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายดนุสรณ์ หรือเจ นุ่มเจริญ อายุ 28 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร ซึ่งก่อเหตุยิงอดีตแฟนสาว เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือในที่ชุมนุมชน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 80, 288, 289, 371, 376 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 18 ก.พ. 2563 ตำรวจ สน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุการณ์ยิงกันที่คลินิกดิไอคอน คลินิกเวชกรรม จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ น.ส.ปิยานุช ฉัตรไทย ถูกยิงที่บริเวณศีรษะ คอ และลำตัว จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าขณะที่ น.ส.ปิยานุช กำลังนั่งทำงานอยู่ที่เก้าอี้เคาน์เตอร์ของคลินิกดังกล่าว นายดนุสรณ์ จำเลย (อดีตแฟน) เดินเข้าไปด้านหน้า พร้อมกับล้วงเอาอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 มม. ที่ซุกซ่อนอยู่ ออกมาจ่อยิง น.ส.ปิยานุช จำนวน 2-3 นัดจนล้มลง จากนั้นนายดนุสรณ์ได้เดินเข้าไปจ่อยิงซ้ำอีก 4-5 นัด เป็นเหตุให้กระสุนปืน ถูกบริเวณศีรษะ คอ และลำตัวหลายแห่งจนถึงแก่ความตาย และกระสุนปืนยังพลาดไปถูก น.ส.วิลาสินี ที่ปั่น พนักงานคลินิกอีกราย ซึ่งนั่งข้างๆ ผู้ตายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไปต่างจังหวัด เหตุเกิดที่ ห้างเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ถ.พญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. โดยจำเลยให้การรับสารภาพ
วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายดนุสรณ์ จำเลยซึ่งไม่ได้รับการประกันตัว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มี น.ส.วิลาสินี ที่ปั่น พนักงานคลินิกดังกล่าว เบิกความเป็นประจักษ์พยานว่า วันเกิดเหตุจำเลยใส่สูทสีดำ พกพาอาวุธปืนเดินเข้ามาที่คลินิกแล้วยิงปืน 2 นัด ตนเองตกใจกลัวจึงรีบหมอบลงข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นคนร้ายจึงยิงปืนอีก 3-4 นัด ซึ่งตนเองถูกยิงเข้าที่บริเวณข้อมือได้รับบาดเจ็บด้วย จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไป โดยตนเองสามารถจดจำจำเลยได้เพราะผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่าทะเลาะวิวาทกันกับอดีตแฟน ขณะที่พนักงานคลินิกดังกล่าวอีกราย เบิกความว่า ขณะกำลังเดินออกมาจากห้องยาของคลินิก ได้ยินเสียงปืนและเสียงคนร้องจึงหันไปมองเห็นคนร้ายเดินอ้อมเคาน์เตอร์แล้วยิง น.ส.ปิยานุช ผู้เสียชีวิต เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองรายเบิกความไปตามความจริงและต่างเบิกความสอดคล้องกัน
นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เบิกความว่า ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตที่ห้างเซ็นจูรี่ฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบเห็นคนกำลังช่วยกันปั้มหัวใจ น.ส.ปิยานุช ที่ถูกยิง เสียชีวิตในเวลาต่อมา และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว พบว่า น.ส.ปิยานุช เสียชีวิตจากกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณลำคอ และยังมีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบันทึกวิดีโอเคลื่อนไหว ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เนื่องจากอ้างว่าโกรธเคืองและหึงหวงอดีตแฟนสาว
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต, ฐานใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 1 ปี, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองฯ จำคุก 1 ปี, พาอาวุธปืนไปในเมืองฯ จำคุก 2 ปี รวมโทษทั้งหมดแล้วให้ประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่บิดาผู้ตาย จำนวน 171,600 บาท ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่มารดาผู้ตาย จำนวน 249,600 บาท และค่าปลงศพอีก 1 แสนบาทด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |