ยังไม่ระบาดรอบ2! หมอทวีศิลป์โผล่นำทีมแถลงเผย7จว.พบผู้ป่วยยังปลอดภัย


เพิ่มเพื่อน    


    ไทยติดเชื้อเพิ่ม 14 ราย "หมอทวีศิลป์" นำทีมแพทย์สธ.แจงยิบคุมโควิดได้ ยันไม่ใช่ระบาดระลอกสอง ชี้ 7 จังหวัดที่พบผู้ป่วยยังปลอดภัย นายกฯ สั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้มสร้างความเชื่อมั่นเที่ยวปีใหม่ "อนุทิน" ลงพื้นที่เชียงราย 8 ธ.ค. เลขาฯ สมช.ไม่ห้ามจัดเคาต์ดาวน์ ย้ำยึดมาตรฐาน สธ. แม่สอดวุ่น! หลังตาวัย 70 ปีลอบเข้าเมืองป่วยโคม่า
    ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เวลา 11.30 น.  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค, นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการโรคติดต่อทั่วไป ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 14 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 1 ราย จากกรุงเทพฯ เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ปฏิบัติงานที่ Alternative State Quarantine (ASQ) มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ ส่วนอีก 3 ราย เดินทางมาจากเมียนมา และไม่ได้เข้าในสถานที่กักกัน โดยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 70 ปี เดินทางเข้าไทยผ่านเส้นทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. มีอาการไข้ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอด, รายที่สองเป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี อาชีพพนักงานสถานบันเทิง เดินทางเข้าไทยผ่านเส้นทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. มีอาการไข้ ไอ และเสมหะ ตรวจพบเชื้อในวันที่ 4 ธ.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และรายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง อ.แม่สาย ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.63 พบอาการมีน้ำมูก ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน 
    ขณะที่อีก 10 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน ประกอบด้วย เบลเยียม 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 46 ปี อาชีพพนักงานร้านเสริมสวย, ยูเครน 1 ราย หญิงไทย อายุ 45 ปี อาชีพพนักงานนวด, ซาอุดีอาระเบีย 2 ราย เป็นนักเรียนชายไทย อายุ 9 ขวบและ 10 ขวบ, สหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 71 ปี, กาตาร์ 1 ราย หญิงไทย อายุ 38 ปี สัญชาติไทย อาชีพล่ามแปลภาษา, สวีเดน 1 ราย หญิงไทย อายุ 16 ปี เป็นนักเรียน, ญี่ปุ่น 1 ราย หญิงไทย อายุ 43 ปี อาชีพแม่บ้าน, เมียนมา 1 ราย ชายชาวเมียนมา อายุ 24 ปี อาชีพบุคลากรทางการแพทย์ และสหราชอาณาจักร 1 ราย หญิงไทย อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง 
    สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,086 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,458 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,628 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 5 ราย รวมเป็น 3,853 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 173 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
    ด้าน นพ.โสภณเปิดเผยว่า สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความเชื่อมโยงกับผู้ที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ในเมียนมา ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. ขณะนี้มี 23 ราย โดยอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 5 ราย, จ.เชียงราย 11 ราย โดยมีอยู่ 5 รายที่พบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ และใน 11 ราย มีเพียง 1 รายที่ไม่มีประวัติเดินทางไปที่ จ.ท่าขี้เหล็ก แต่เป็นผู้ใกล้ชิดกับเพื่อนที่เดินทางกลับมา ส่วนกรุงเทพฯ มี 3 ราย รวมถึงยังพบผู้ติดเชื้อใน จ.ราชบุรี จ.พิจิตร จ.พะเยา และ จ.สิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย 
ไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด
    โดยไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี มีประวัติร่วมกับผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ที่เป็นสาวประเภทสองอายุ 30 ปี ที่รายงานเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. โดยสองรายเดินทางไป จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 6 พ.ย. และข้ามไปสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็ก ช่วงวันที่ 6-27 พ.ย. และกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเมื่อ 27 พ.ย. พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย และวันที่ 28 พ.ย. ได้ไปซื้อของช่วงกลางวัน และช่วงเย็นได้ไปเดินที่ถนนคนเดิน และเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ทั้งสองเดินทางไปวัดพระธาตุดอยเวา และในตอนค่ำ หญิง อายุ 26 ปี เดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE137 หลังจากนั้นใช้บริการรถแท็กซี่สนามบินไปยังโรงแรมในกรุงเทพฯ แวะร้านสะดวกซื้อใกล้โรงแรม ขณะที่ช่วงวันที่ 30 พ.ย.-3 ธ.ค. พักในโรงแรมตลอดและไปร้านสะดวกซื้อบ้าง ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. มาเป็นเพื่อนกับสาวประเภทสองที่มารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อเพื่อนสาวประเภทสองตรวจพบเชื้อ หลังจากนั้นวันที่ 5 หญิงรายดังกล่าวจึงได้มาทำการตรวจ และพบเชื้อในเวลาต่อมา 
    ส่วนสาวประเภทสอง อายุ 30 ปี เดินทางกลับจากเชียงรายมากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ด้วยสายการบินไทยไลออนแอร์ เที่ยวบิน SL545 ช่วงเวลา 19.15-20.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง และนั่งแท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค. อยู่บ้านตลอด และมารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ก่อนจะพบเชื้อ ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบสวนโรคพบทั้งสองราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่น้อยกว่า 5 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำกว่า 10 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นเพื่อนอยู่ใน จ.เชียงราย 2 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ 1 ราย และอีก 1 รายอยู่ระหว่างติดตามตัว และผู้สัมผัสในครัวเรือนอีก 1 ราย ใน จ.ปทุมธานี อยู่ระหว่างการติดตามตัว รวมถึงผู้โดยสารใน 2 เที่ยวบินดังกล่าวด้วย
    สำหรับความคืบหน้าของผู้ติดเชื้อเพศหญิง อายุ 51 ปี ใน จ.สิงห์บุรี ซึ่งเดินทางจาก จ.เชียงราย มายังกรุงเทพฯ ในช่วงปลายเดือน พ.ย. ด้วยเที่ยวบิน DD8717 จากการสอบสวนโรคพบผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง 32 ราย ซึ่งขณะนี้ได้รับการตรวจหาเชื้อและมีผลออกมาเป็นลบทุกราย ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 195 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้พบเจอในพื้นที่สาธารณะและโรงพยาบาล ทั้งนี้ ในเที่ยวบินนี้ พบผู้ป่วยโควิดที่ยืนยันแล้ว 2 ราย คือ 1 รายในกรุงเทพฯ และอีก 1 รายใน จ.พิจิตร ซึ่งทีมงานสอบสวนได้ทำการสำรวจพื้นที่ความเสี่ยงที่สนามบินและบนเครื่องบิน พบว่าผู้ป่วยใน จ.สิงห์บุรี นั่งอยู่ที่หมายเลข 52C ซึ่งห่างจากผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้ และไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน แต่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในสนามบินแม่ฟ้าหลวง เห็นว่าผู้ป่วยใน จ.สิงห์บุรี อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับผู้ป่วยจาก จ.พิจิตร และอาจมีช่วงเวลาไปห้องน้ำใกล้เคียงกัน ซึ่งจะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไปว่าจุดเสี่ยงสูงสุดอยู่ที่ใด โดยเที่ยวบินดังกล่าวเป็นวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งขอให้ผู้ที่โดยสารสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD8717 มารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่
    ส่วนกรณีผู้ติดเชื้อชาวเมียนมา ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของท่าขี้เหล็ก แต่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายมาจาก จ.เมียวดี ซึ่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก มี 2 ราย โดยรายแรกเป็นชายอายุ 43 ปี เป็นนักธุรกิจ อยู่ในฝั่งเมียนมาระหว่างวันที่ 16-29 พ.ย. และวันที่ 30 พ.ย. เดินทางมาท่าเรือขนส่งสินค้า เพื่อติดต่อขนส่งสินค้า และเดินทางรักษาโรคประจำตัวที่คลินิกแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด และวันที่ 3 ธ.ค. ต้องการขอใบรับรองแพทย์เพื่อเดินทาง โดยไม่มีอาการป่วย ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 13 ราย สามารถระบุตัวได้ และอยู่ระหว่างเฝ้าระวังกักกันตัว
    ขณะที่อีกรายเป็นผู้ป่วยใน อ.แม่สอด อายุ 70 ปี ข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้านช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และวันที่ 20 พ.ย.ลักลอบเข้าประเทศทางช่องทางธรรมชาติ มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด พักอยู่กับลูกเขย จากนั้นวันที่ 2 ธ.ค. ได้พบกับลูกสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ วันที่ 4 ธ.ค. มีอาการป่วยมากขึ้น เรียกรถโรงพยาบาลเอกชนมารับ ระหว่างทางอาการไม่ดี จึงแวะที่โรงพยาบาลแม่สอด แพทย์ได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 15 คน
ไม่ใช่ระบาดรอบ 2
    เมื่อถามว่า ขณะนี้เป็นการระบาดระลอก 2 แล้วหรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า ขณะนี้เรายังไม่ได้อยู่ในระดับนั้น เนื่องจากผู้ติดเชื้อเกือบทุกรายมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และที่ติดเชื้อในประเทศไทย 2 ราย ก็ติดมาจากผู้ที่มาจากต่างประเทศ และไม่มีการแพร่เชื้อต่อ ถือว่าอยู่ในวงจำกัด และเราคาดการณ์ไว้แล้วว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เราสามารถระบุต้นเหตุหรือแหล่งที่ได้รับเชื้อได้ ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งใน 7จังหวัดที่ผู้ป่วยเดินทางจากท่าขี้เหล็กกลับภูมิลำเนาส่วนใหญ่ไม่มีการแพร่เชื้อ จึงไม่ใช่การระบาดในระลอกที่ 2
    นพ.โอภาสกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ประชาชนติดตามการแถลงจาก สธ.และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) ที่จะแถลงในทุกวัน ซึ่งจะมีการรายงานเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนเข้ามารายงานตัวหรือเข้ารับการตรวจ ขอเน้นย้ำในการสวมหน้ากากอนามัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ ขอให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านเช่า โรงแรม โรงงาน ผู้ประกอบการ หากพบผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายไม่ได้กักตัว 14 วัน ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และชุมชน
    “ความเสี่ยงของการติดเชื้อไม่ได้อยู่ที่สถานที่ แต่เกิดจากที่เราอยู่ในเวลาเดียวกันกับผู้มีเชื้อและสามารถแพร่ได้ เพราะฉะนั้น จังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา พิจิตร หรืออื่นๆ เป็นสถานที่ปลอดภัย สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่กังวล แต่ขอให้ทุกคนเน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือและเว้นระยะห่างระหว่างกันให้มาก” รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรคระบุ
    ในตอนท้าย นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศขณะนี้สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนจังหวัดเชียงรายก็ดีขึ้น การลักลอบเดินทางเข้าประเทศเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหารดูแลกันอย่างเข้มแข็ง ระยะหลังผู้ที่เดินทางเข้าประเทศได้เข้ามาตามที่ราชการกำหนดผลเป็นที่น่าพอใจ ยืนยันว่านักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายสามารถเดินทางไปได้ นับตั้งแต่เราพบผู้ติดเชื้อรายแรก จนถึงวันนี้เป็นเวลา 11 วัน มีผู้ติดเชื้อแล้วจำนวน 23 ราย สัปดาห์หน้าถ้าไม่มีตัวเลขเพิ่มน่าจะสบายใจขึ้นได้ แต่ถ้ามีผู้ที่ลักลอบเข้ามาแล้วเอาเชื้อไปติดผู้อื่น ก็ต้องนับหนึ่งใหม่ และต้องนับเพิ่มต่อไปอีก 10 อีก 14 วัน เพราะฉะนั้นฝากไปยังประชาชนอย่าการ์ดตก 
    วันเดียวกัน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยขอให้ทุกภาคส่วนคุมเข้มในมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ติดตามตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และย้ำถึงมาตรการเพื่อเฝ้าระวังคนกลุ่มเสี่ยงสัมผัส ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ทั้งช่วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค. เทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ โดยคาดหวังให้ประชาชนท่องเที่ยวด้วยความสบายใจ ปลอดภัยจากโรคระบาด 
อนุทินไปเชียงราย
    "เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงราย ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ภายหลังพบผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยจะเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค อ.แม่สาย และด่านพรมแดน อ.แม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 และมีกำหนดการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ Local Quaran Tine ณ โรงแรมแม่โขงเดลต้า ก่อนไปยังตลาดสดบ้านดู่ ซึ่งนอกจากเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชนแล้ว ยังเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักในเวลานี้ด้วย" รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ จะหารือกับกระทรวงการต่างประเทศถึงมาตรการการผ่อนคลายเกี่ยวกับรูปแบบของวีซ่าที่จะให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามา เพื่ออำนวยความสะดวกให้มากขึ้น โดยต้องทำให้เกิดความสบายใจ และสร้างความปลอดภัยให้ประชาชนในประเทศไปพร้อมกับด้วย ส่วนการจัดงานวันปีใหม่ เช่น งานเคาต์ดาวน์สิ้นปี ยังสามารถทำได้ หากยึดมาตรฐานการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ช่วงต้นเดือน ม.ค.64 นี้ จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งในเรื่องปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ว่าจะให้ตรวจในวันแรก วันที่ 10 และวันที่ 14 เพื่อติดตามหาข้อมูลของการติดเชื้อ และทำให้ประชาชนสบายใจ
    ที่ จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และ นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผอ.โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงว่า ขณะนี้พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 9 ราย เป็นหญิงอายุ 20-44 ปี ผู้เดินทางเข้ามาตามช่องทางปกติที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา รวมมีผู้ติดเชื้อถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ทั้งหมด 20 ราย 
    โดยผู้เชื้อทั้ง 19 ราย ล้วนมาจากโรงแรมวันจีวัน (1G1) ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ปัจจุบันจึงมีการวางกำลังป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอย่างแน่นหนาตลอดแนวชายแดน และยังคงรอรับผู้ที่จะเดินทางกลับมาอยู่ และที่ผ่านมามีผู้เดินทางกลับมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก รวมทั้งหมด 171 ราย เชื่อมั่นว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หากพ้นระยะเวลานี้ไปอีก 14-25 วัน เชียงรายจะปลอดภัยและเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะไปเยือนได้ต่อไป 
    ที่ จ.ตาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่บ้านวังตะเตียน หมู่ที่ 7 ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด เริ่มหวั่นวิตกกับการระบาดของโควิด-19 หลังจากทราบว่ามีชายวัย 70 ปี ซึ่งเป็นคนไทยพลัดถิ่น สัญชาติเมียนมา อายุ 70 ปี พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา หมู่ที่ 7 บ้านวังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด ติดเชื้อและถูกนำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด ด้วยอาการโคม่าต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ทำให้ร้านค้าในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านชายดังกล่าวต้องปิดประตูร้าน และเปิดช่องให้มีเฉพาะยื่นของและเงินเท่านั้น แต่ห้ามไม่ให้ลูกค้าเข้าไปในร้าน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"