โจ ไบเดนกำลังออกสื่ออย่างคึกคัก เพราะไม่ต้องการให้โดนัลด์ ทรัมป์ออกมาอาละวาดทุกวันจนผู้คนสับสนอลหม่าน
เพราะทรัมป์ยังพูดทุกวันว่า การเลือกตั้งที่เขาแพ้ไบเดนนั้นเต็มไปด้วยการโกงคะแนน และยังพยายามจะทำให้มีการนับคะแนนใหม่เพื่อยืนยันว่าเขายังไม่ได้แพ้
ทรัมป์ย้ำว่าตนได้ถึง 74 ล้านเสียง จึงสะท้อนว่ายังมีคนสนับสนุนอย่างล้นหลาม (คะแนนสูงสุดสำหรับประธานาธิบดีที่ลงสมัครสมัยที่สอง)
แต่ไม่เอ่ยว่าไบเดนได้กว่า 80 ล้านเสียง ซึ่งก็เป็นสถิติประวัติศาสตร์ในการหย่อนบัตรของคนอเมริกัน
ไบเดนทิ้งห่างทรัมป์กว่า 6 ล้านคะแนน...สูงกว่าที่ฮิลลารีชนะทรัมป์กว่า 3 ล้านเสียงเมื่อ 4 ปีก่อนด้วยซ้ำ
เมื่อทรัมป์ยังไม่ยอมแสดงความยินดี ไบเดนก็ต้องออกมาพูดจาผ่านสื่อเพื่อไม่ให้เสียงของทรัมป์กลบเขา
ในยามที่ว่าที่ประธานาธิบดีต้องแสดงความเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติโควิดและเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
ไบเดนให้สัมภาษณ์คอลัมนิสต์นิวยอร์กไทมส์ Thomas L. Friedman ทางโทรศัพท์เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
จากนั้นให้สัมภาษณ์ CNN วันต่อมาพร้อมกับว่าที่รองประธานาธิบดี กมาลา แฮร์ริส เพื่อส่งเสียงถึงคนอเมริกันทั้งประเทศให้มั่นใจว่าเขาพร้อมจะเข้ามาบริหารประเทศแล้ว
แม้จะต้องรอวันสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 20 มกราคมปีหน้าก็ตาม
ที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือประเด็นเกี่ยวกับจีน
ไบเดนกับทรัมป์จะต่างกันเรื่องนโยบายต่อจีนหลายด้าน และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องเข้าใจความแตกต่างนั้น เพราะจะมีผลต่อการวางยุทธศาสตร์ของชาติต่อดุลอำนาจใหม่ของสองยักษ์ใหญ่ระดับโลก
สรุปได้ว่าแนวทางของไบเดนต่อจีนจะมีหัวข้อสำคัญๆ อย่างนี้
1.ไบเดนจะยังไม่ยกเลิกกำแพงภาษี 25% ที่ทรัมป์ประกาศใช้กับสินค้าจากจีนเกือบครึ่งที่นำเข้าสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันไบเดนก็จะยังไม่ยกเลิกข้อตกลง "พักรบ" Phase 1 ของทรัมป์ ซึ่งกำหนดให้ปักกิ่งต้องซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ เพิ่มประมาณ 200,000 ล้านเหรียญ นอกเหนือจากที่ซื้อแล้วในช่วงปี 2020-2021
2.ไบเดนบอกว่าจะกลับไปคุยกับพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งหมดในเอเชียและยุโรป เพื่อแสวงหายุทธศาสตร์ร่วมในการต้านอิทธิพลของจีนที่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลัง
"เราต้องการปรึกษากับพันธมิตรของเรา เพื่อจะได้ออกแบบยุทธศาสตร์ร่วมกันที่มีความประสานสอดคล้องต้องกัน"
ไบเดนบอกว่านโยบายต่อจีนของสหรัฐฯ ที่ดีที่สุด คือการที่เราและพันธมิตรของเรามีความเข้าใจตรงกัน
ไบเดนรับปากว่าจะพยายามพูดคุยกับพันธมิตรอย่างเร่งด่วนหลังจากย้ายเข้าทำเนียบขาวเพื่อสานสัมพันธ์นโยบายที่สอดคล้องกัน
3.ในการคบหากับจีนนั้น ไบเดนถือว่าหัวใจสำคัญคือ "อำนาจต่อรอง" (leverage) แต่เพราะแนวทางของทรัมป์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาทำให้อเมริกาเสียอำนาจการต่อรองที่จะกดดันจีนไปพอสมควร
ไบเดนรับปากจะผลักดันจีนในเรื่องใหญ่ๆ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา, การทุ่มตลาดของจีน และการที่ปักกิ่งให้เงินอุดหนุนธุรกิจของตนเองอย่างไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังจะต่อรองกับรัฐบาลจีนในเรื่องที่ปักกิ่งบังคับให้บริษัทอเมริกันต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่หุ้นส่วนจีน
4.ไบเดนยืนยันว่าสหรัฐฯ จะต้องกลับมาใช้ "ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม" ที่เคยเป็นเสาหลักของอเมริกามาตลอด
นั่นหมายถึงการที่รัฐบาลต้องเป็นผู้นำและส่งเสริมการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ในด้าน energy, biotech, advanced materials, artificial intelligence เพื่อจะแข่งขันกับจีน
ไบเดนบอกว่า นโยบายเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนทั้งจากนักการเมืองฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางอุตสาหกรรมให้กลับมาอีกครั้ง
5.ไบเดนบอกว่าสหรัฐฯ จะยังไม่ทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับใครทั้งนั้น เพราะจะต้องเน้นลงทุนภายในสหรัฐฯ และลงทุนกับคนงานสหรัฐฯ ก่อนเป็นอันดับแรก
ประโยคหนักแน่นของไบเดนคือ
"We’re going to fight like hell by investing in America first."
นั่นหมายความว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้มีการลงทุนในประเทศสหรัฐฯ ก่อน
นโยบาย America First ของทรัมป์จะกลายเป็น America is Back!
คำว่า First ของทรัมป์เป็น F ตัวใหญ่ แปลว่าอะไรๆ ก็ต้องให้ผลประโยชน์อเมริกามาก่อน
แต่ first ของไบเดนเป็น f ตัวเล็ก มีความหมายว่าเขาจะทำอะไรๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้อเมริกา "ก่อน" แล้วจึงจะไปสร้างพลังร่วมกับพันธมิตรในประชาคมโลก
มหาอำนาจที่รู้จักถ่อมตัวบ้างถือว่าคือมหาอำนาจที่แท้ทรู!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |