เชียงรายระทม! พบติดเชื้อโควิดอีก 2 คนจากแก๊ง 1G1 เหมือนเดิม เปิดไทม์ไลน์เที่ยวสถานบันเทิงที่แม่สายอีกแล้ว ผู้ว่าฯ เชียงรายเผยยังมีคนไทยติดค้างที่ท่าขี้เหล็กอีกประมาณ 400 คน ส่วนที่แม่สอดเจออีก 1 เป็นนักธุรกิจชาวปากีสถาน ตกเย็นเจออีกคนที่เชียงใหม่ "อนุทิน" ยันไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ ปิดประเทศหรือปิดจังหวัด ขณะที่ สธ.สั่งทุกจังหวัดเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันที่ 5 ธ.ค. ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์ข้อมูล COVID-19” ว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ 19 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศไทย 4,072 ราย ในจำนวนนี้หายป่วยแล้ว 3,848 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย
สำหรับรายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่ 19 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือผู้ติดเชื้อในประเทศ 2 ราย รายแรก เป็นเพศหญิง อายุ 50 ปี ในจังหวัดสิงห์บุรี สัญชาติไทย อาชีพรับจ้าง วันที่ 28 พ.ย.มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน มีการตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. (Day 5) พบเชื้อโควิด มีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาที่ รพ.สิงห์บุรี, รายที่ 2 เป็นชาย อายุ 30 ปี สัญชาติไทย วันที่ 26-29 พ.ย. มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง จ.เชียงราย มีการตรวจเจอเชื้อในวันที่ 4 ธ.ค. (Day3) ผลพบเชื้อ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ขณะนี้อยู่ที่ รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน
กลุ่มที่ 2 มีจำนวน 13 ราย เป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานที่กักกัน และกลุ่มที่ 3 เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ คือ เมียนมา 4 ราย รายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ทำงานที่สถานบันเทิง เดินทางเข้าไทยวันที่ 28 พ.ย. ตามเส้นทางธรรมชาติ ตรวจเจอเชื้อวันที่ 3 ธ.ค. มีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก สูญเสียการได้กลิ่น อยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์, รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 25 ปี ทำงานที่สถานบันเทิง เข้าประเทศไทยวันที่ 28 พ.ย. ตามเส้นทางธรรมชาติ และตรวจเจอเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
รายที่ 3 เป็นชาย อายุ 32 ปี เป็นพนักงานสถานบันเทิง เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยเส้นทางธรรมชาติ เคสนี้ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่าเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. แต่ตรวจเจอเชื้อในวันที่ 3 ธ.ค. มีอาการสูญเสียการได้กลิ่น อยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.นครพิงค์ รายนี้ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากอีกหลายแหล่งเพื่อยืนยันช่วงเวลาที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจริงๆ และรายที่ 4 เป็นชายเมียนมา อายุ 43 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางเข้ามาถึงประเทศไทยวันที่ 3 ธ.ค. เข้ามาตรวจสุขภาพที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ รพ.แม่สอด พบเชื้อไม่มีอาการ อยู่ระหว่างการรักษาที่ รพ.แม่สอด
ทั้งนี้ เอกสารรายงานผลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำหมายเหตุระบุด้านท้ายตารางรายงานผลผู้ป่วยรายใหม่ โดยระบุว่า มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก 1 ราย อยู่ระหว่างการรอผลสอบสวนโรค
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรวม 66,223,906 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 684,085 ราย อาการรุนแรง 106,090 ราย รักษาหายแล้ว 45,807,872 ราย เสียชีวิต 1,524,255 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 12,121 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา 14,772,535 ราย เป็นรายใหม่ 235,272 ราย, อินเดีย 9,608,418 ราย เป็นรายใหม่ 36,638 ราย, บราซิล 6,534,951 ราย เป็นรายใหม่ 47,435 ราย, รัสเซีย 2,402,949 ราย เป็นรายใหม่ 27,403 ราย, ฝรั่งเศส 2,268,552 ราย เป็นรายใหม่ 11,221 ราย ส่วนเมียนมามีผู้ป่วยรายใหม่ 1,502 ราย สะสม 96,520 ราย และมาเลเซียมีผู้ป่วยใหม่ 1,141 ราย สะสมรวม 70,236 ราย
เชียงรายเพิ่มอีก 2
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า โรคโควิด-?19 ยังมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น ไทยเราต้องเตรียมความพร้อมรับมือ ซึ่งขณะนี้เราพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่ลักลอบข้ามพรมแดนธรรมชาติจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แต่สามารถนำเข้ารับการกักตัว ดูแลรักษา ติดตามผู้สัมผัสได้ครบ พร้อมกำชับให้เข้มข้นมาตรการป้องกันควบคุมโรคพื้นที่ชายแดน รวมทั้งให้กรมควบคุมโรควิเคราะห์รูปแบบความเสี่ยงอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อป้องกันโอกาสการนำเชื้อเข้าประเทศ
ปลัด สธ.เผยว่า ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19 พร้อมปฏิบัติตามข้อสั่งการ ดังนี้ 1.ติดตามและประเมินสถานการณ์ภายในจังหวัด 2.เตรียมความพร้อมโรงพยาบาล เวชภัณฑ์ ห้องปฏิบัติการ และบุคลากรด้านการรักษาพยาบาล 3.เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคปอดบวมและผู้ป่วยในคลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI) ตามเกณฑ์ของกองระบาดวิทยาอย่างเคร่งครัด 4.ส่ง อสม.เคาะประตูบ้านแจ้งข่าวประชาชนและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องไปยังประชาชน พร้อมขอความร่วมมือ 5.เปิดสายด่วน (Call Center)ให้กลุ่มเสี่ยงรายงานตัว 6.แนะนำมาตรการต่างๆ ต่อประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด รวมทั้งกำกับให้สถานประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานบันเทิง ต้องให้ความรู้และให้กำลังใจ เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคได้ตามมาตรฐาน
“ขอให้กำลังใจทั้งประชาชนและบุคลากร อย่าประมาท การ์ดอย่าตก ส่วนกลางพร้อมสนับสนุนการทำงานทุกๆ ด้านให้แก่จังหวัด เราได้สำรองเวชภัณฑ์ เช่น หน้ากากอนามัย ชุด PPE ยา ฯลฯ ไว้สนับสนุนพื้นที่ หากสำรวจแล้วมีไม่เพียงพอ ให้ประสานขอรับการสนับสนุนที่กองสาธารณสุขฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง” นพ. เกียรติภูมิกล่าว
ที่จังหวัดเชียงราย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์สมศักดิ์ อุทัยพิบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แถลงข่าวว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในเชียงรายเพิ่มเป็น 11 ราย เป็นการติดเชื้อนอกศูนย์ตรวจกักดูอาการ หรือ State local Quarantine 6 ราย และในศูนย์ฯ จำนวน 5 ราย
สำหรับผู้ป่วยโควิด 2 รายล่าสุด เป็นหญิงอายุ 25 ปีเท่ากัน คนแรกมีอาการไอ มีเสมหะ มีน้ำมูกและจมูกไม่ได้กลิ่น ส่วนอีกคนมีไข้และปวดเมื่อยตามตัว ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนและรวบรวมกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งสูงและต่ำตามขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่าการติดเชื้อโควิดของทั้งคู่เกิดจากมีหญิงที่ทำงานในโรงแรม 1G1 จ.ท่าขี้เหล็ก คนหนึ่ง คือ น.ส.เอ หลบหนีข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติมาพักบ้านแฟนใน อ.แม่สาย จากนั้น 27 ธ.ค. มีเพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันข้ามตามมาพักด้วยอีก 4 คน คือ น.ส.บี, ซี, ดี, อี และได้พากันไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย รุ่งขึ้น (28 พ.ย.) เพื่อนทั้ง 4 คน (บี, ซี, ดี, อี) ก็เดินทางเข้าไปทาง อ.เมืองเชียงราย ซึ่งต่อมาพบว่า 3 ใน 4 คนนี้คือผู้ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ 2 ราย และ จ.พะเยา 1 ราย
คนไทย 400 ตกค้างท่าขี้เหล็ก
ขณะเดียวกัน หลังจากเพื่อนๆ จากโรงแรม 1G1 มาพักที่บ้านดังกล่าวด้วยกันชุดแรก (บี, ซี, ดี, อี) เดินทางต่อแล้ว ช่วงค่ำวันเดียวกัน (28 พ.ย.) ได้มีเพื่อนสาวที่ทำงานในโรงแรม 1G1 เหมือนกันเข้ามาพักที่บ้านแฟนของ น.ส.เอ แทนกลุ่มเดิมอีก 2 คน หรือ น.ส.เอฟ และจี
ระหว่างนั้นมีข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในท่าขี้เหล็ก หญิงสาวคนแรก หรือ น.ส.เอ จึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย แต่ไม่พบเชื้อ จึงได้โทรศัพท์ชวนเพื่อนอีก 2 คน คือเอฟและจีไปตรวจด้วย ซึ่งก็ไม่พบเชื้อเช่นกัน ช่วงเย็นจึงพากันออกไปซื้อของที่ตลาดแล้วกลับที่พักโดยไม่ได้ออกไปไหนอีก
กระทั่ง 2 ธ.ค. คนในกลุ่มมีอาการไข้ จึงโทร.แจ้งโรงพยาบาลแม่สายมารับตัวจากบ้านพัก เมื่อโรงพยาบาลตรวจพบว่าหญิงสาวที่ตามมาพักด้วยภายหลัง 2 คน คือเอฟและจีติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงตามตัว น.ส.เอไปตรวจ ปรากฏว่าได้ผลเป็นลบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำส่งซ้ำเพื่อยืนยันแล้ว
นายวรวิทย์กล่าวว่า มาถึงตอนนี้คาดว่ายังมีคนไทยที่ตกค้างอยู่ในท่าขี้เหล็กอีกประมาณ 400 คน และล่าสุดในวันนี้ได้แจ้งผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น ขอข้ามเข้าไทยเพิ่มเติมอีก 40 คน ส่วนคนที่ข้ามมาแล้วมีจำนวน 67 คน ทั้งหมดอยู่ใน State local Quarantine
ส่วนสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยรายที่ 7 (สาวประเภทสอง) ที่พบเชื้อใน อ.เมืองเชียงราย ทำงานอยู่คือร้าน 8080 ได้ให้ปิด 14 วัน และร้านที่ผู้ป่วยกับเพื่อนพากันไปดื่มกินอีก 3 แห่ง ก็ได้สั่งปิดชั่วคราว 7 วัน โดยช่วงนี้ได้เข้าสู่กระบวนการฆ่าเชื้อและทำความสะอาด ซึ่งจากรายงานต่างๆ พบว่าสามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนั้นหากวันที่ 20 ธ.ค.นี้เป็นต้นไปไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ก็จะเข้าสู่ภาวะปลอดภัยได้
นายแพทย์ทศเทพกล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายที่ 10 และ 11 ได้ไปตรวจที่คลินิกเอกชนซึ่งใช้วิธีการตรวจหาแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกันซึ่งทางสาธารณสุขไม่แนะนำให้ใช้แล้ว และเมื่อไปตรวจกับราชการซึ่งใช้วิธีการแอนติเจนของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปรากฏว่าพบการติดเชื้อ นอกจากนี้ กรณีนี้ทางคลินิกจะต้องแจ้งให้ทางสาธารณสุขได้รับทราบ แต่กลับไม่มีการแจ้ง ดังนั้นจึงจะทำความเข้าใจกับคลินิกรายนี้ และเร่งประชาสัมพันธ์ทั่วไปให้มีการใช้วิธีการที่ถูกต้อง รวมทั้งให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อความมั่นใจ
ด้านนายแพทย์สมศักดิ์กล่าวว่า ผู้ป่วยทั้งหมดที่อยู่ในการดูแลที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พบว่าไม่มีอาการเลย 3 ราย มีอาการ 8 ราย แนวทางการรักษาคือให้ยาต้านไวรัสกับผู้ที่มีอาการเป็นเวลา 5 วัน ดูอาการอีก 10 วัน ซึ่งผู้ป่วยรายแรกจะครบกำหนดการรักษาและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการให้ออกจากโรงพยาบาลต่อไป
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้นำรถชีวนิรภัยพระราชทาน บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชนภายในสิงห์ปาร์ค อ.เมืองเชียงราย และที่ว่าการ อ.เมืองเชียงราย รวมถึงชายแดน อ.แม่สาย อย่างต่อเนื่องรวมทั้งหมด 3 คัน นอกจากนี้ โรงพยาบาลเกษมราษำร์ศรีบุรินทร์ อ.เมืองเชียงราย ยังรับตรวจอีกวันละ 200 รายด้วย
ซึ่งพบว่าตั้งแต่วันที่ 2-4 ธ.ค. คนที่เคยไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัลฯ สิงห์ปาร์คเชียงราย-สถานบันเทิง ฯลฯ ตามไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ แล้ววิตกกังวลพากันไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วจำนวน 2,121 ราย ล่าสุดพบผลเป็นลบจำนวน 1,474 ราย และรอผลตรวจจำนวน 647 ราย
ที่ตากพบอีก 1 ราย
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงและผู้เกี่ยวข้องใน จ.ตาก ลงพื้นที่ค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิด เพื่อคัดกรองและส่งตรวจหาเชื้อ เพราะล่าสุดโรงพยาบาลแม่สอดตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 1 คน เป็นชาย อายุ 43 ปี ชาวปากีสถาน อาชีพนักธุรกิจขายรถมือ 2 ประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศเมียนมา ไม่มีอาการป่วย ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สอด
สำหรับชายวัย 43 ปี คนดังกล่าว ปัจจุบันอาศัยอยู่ใน ม.1 ต.ท่าลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนพบเชื้อยังไม่มีอาการป่วยเดินทางไปคลินิกแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครแม่สอด เพื่อขอใบรับรองแพทย์ จะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ และไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลแม่สอด จนทราบว่ามีเชื้อโควิด-19 และแพทย์ได้แยกห้องทำการรักษาทันที
ทั้งนี้ ช่วงเดือน พ.ย.63 หนุ่มชาวปากีสถานรายนี้ได้เดินทางมา กรุงเทพฯ ด้วยรถยนต์ส่วนตัว พักอยู่ในโกดังเก็บรถของเพื่อนย่านรังสิต
เย็นวันเดียวกัน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 72/2563 พร้อมด้วย นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เลขานุการคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ร่วมครบองค์ประชุม
หลังเสร็จสิ้นการประชุม นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ แถลงถึงผลการประชุมครั้งที่ 72/2563 โดยให้รายละเอียดสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 5 ธันวาคม 2563 ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายล่าสุด ถือเป็นรายที่ 46 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิงไทย อายุ 26 ปี ทำงานที่สถานบันเทิงในท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เดินทางเข้าประเทศทางพรมแดนธรรมชาติ มาพร้อมกับผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 43, 44 จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 และได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ผลตรวจไม่พบเชื้อ ได้กักกันสังเกตอาการอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม มีอาการไข้ต่ำๆ ไอเล็กน้อย จึงได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลยืนยันพบเชื้อ รับตัวเข้ารักษาในห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์
นพ.กิตติพันธุ์กล่าวว่า ผลจากการสอบสวนโรคไม่พบผู้สัมผัสเพิ่มเติม เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้เป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ป่วยโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่รายก่อนหน้านี้ ซึ่งมีประวัติการเดินทางและสัมผัสผู้อื่นในกลุ่มเดียวกัน และหลังจากที่ได้รับการตรวจหาเชื้อครั้งแรก แม้ผลจะเป็นลบ แต่ก็ได้รับการกักกันตัวทันที
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า ขณะนี้การแพร่กระจายเชื้อเริ่มต้นมาจากใน จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ยังไม่กระจายมาจากทั่วประเทศ ขณะนี้พยายามให้คนไทยที่ทำงานในฝั่งท่าขี้เหล็กกลับมาแสดงตน โดยประเทศไทยจะอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ทั้งการกักกันตัวและการตรวจเชื้อ รักษา และจะประสานกระทรวงการต่างประเทศ ข้ามขั้นตอนในการติดต่อสถานทูตที่เรียกว่า COE เพื่อให้คนไทยในท่าขี้เหล็กเข้ามาได้
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติม เพราะโอกาสที่จะมีการแพร่เชื้อเป็นเฉพาะกลุ่มแรกเท่านั้น ซึ่งจะใช้ระบบกระทรวงสาธารณสุขในการตรวจคนที่สัมผัสทั้งเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากประชาชนที่เดินทางจากท่าขี้เหล็ก ให้ขอรับการตรวจเชื้อ โดยไม่ต้องมีความกังวลใดๆ เพราะประเทศไทยมีความพร้อมในการรักษาทั้งด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้ หากมีความเข้าใจ ก็ไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ ปิดประเทศหรือปิดจังหวัด แต่ขอร้องว่าทุกคนที่เดินทางเข้ามาจะต้องเข้ารับการตรวจเชื้อ ขณะเดียวกันไม่ต้องกังวลเรื่องจัดกิจกรรม เช่น งานคอนเสิร์ต อีเวนต์ต่างๆ ทุกอย่างยังคงดำเนินกิจกรรมได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ต้องป้องกันตัวเองและระมัดระวังด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ส่วนประชาชนที่จะไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวนี้ ก็สามารถเดินทางไปได้ เนื่องจากเชื้อเหล่านี้มีข้อจำกัดในการแพร่ระบาด
ส่วนกังวลกับการชุมนุมว่าจะเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 หรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน ขณะนี้เป็นการควบคุมสถานที่ที่มีการแพร่กระจายและความเดือดร้อนอยู่ที่ภาคเหนือ ไม่เกี่ยวกับการเมือง และยืนยันว่าทั้งกิจกรรมปีใหม่ คอนเสิร์ต การชุมนุมยังสามารถทำได้
"ดีซะอีกครับ ทุกคนกลับมาใช้หน้ากากอนามัย ถึงตอนนี้ยืนยันไม่มีล็อกดาวน์ แต่ถ้าสถานการณ์แปรเปลี่ยนไป คนยังไม่ยอมมาแสดงตน แล้วยังไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ ห้างสรรพสินค้า ยังกินเหล้า เดินทางข้ามจังหวัด แบบนี้ก็ใช้มาตรการรุนแรงขึ้น ยันต้องเฝ้าระวังไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์จะนิ่ง" นายอนุทินกล่าว
รอบ 2 จะหนักกว่าเดิม 3 เท่า
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า กรณีของไทยเรานั้น กลุ่มเคสที่ลักลอบเข้าเมืองจัดเป็นกรณีศึกษาที่มีอัตลักษณ์ ต่างจากของต่างประเทศมากทีเดียว เพราะเข้ามาเป็นกลุ่ม แต่กระจายไปหลายจังหวัดหลายภาคพร้อมๆ กัน ซึ่งสถานการณ์แบบนี้น่ากังวลมาก
ยิ่งหากหน่วยงานรัฐบอกว่าประสบความยากลำบากในการสอบสวนโรค เพราะมีการปกปิดหรือปิดบังข้อมูล ให้การวกวน หรือเตี๊ยมกัน ดังที่เป็นข่าวในสื่อเมื่อวาน ก็ยิ่งทำให้โอกาสมีการแพร่เชื้อรับเชื้อโดยคนไม่รู้ตัวย่อมมีสูง และจะแพร่ต่อได้ในวงกว้าง
นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมบันเทิงต่างๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปกันนั้น ยังมีแนวโน้มว่าจะมีคนที่ไป แต่ไม่ได้เช็กอินไทยชนะ หรือไม่มีข้อมูลรายละเอียดบันทึกไว้ให้รัฐติดตามได้อย่างครบถ้วน ดังจะเห็นจากการต้องประกาศข่าวเรียกให้คนประเมินตนเองและมารายงานตัว ก็ยิ่งทำให้น่ากังวล เพราะจะมาในแนวเดียวกับที่เราเห็นบทเรียนในยุโรปหลายประเทศ ที่ระบบการติดตามตัวนั้นไม่สามารถตามตัวคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนนำมาสู่การระบาดซ้ำ
มาตรการแบบไล่ตามโรค ยากนักที่จะป้องกันโรคลักษณะนี้ได้ และหากมีการระบาดกระจาย จะควบคุมได้ยาก ใช้เวลานานกว่าเดิม จากบทเรียนต่างประเทศ ถ้าระบาดซ้ำ จำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงกว่าเดิมอย่างน้อย 3 เท่า (500-600 คนต่อวัน) และใช้เวลาคุมนานกว่าเดิม 1.6 เท่า (88 วัน) ดังนั้นเราต้องทำเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดขึ้น" รศ.นพ.ธีระระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |