สี จิ้นผิง เปิดเกมกดดันไบเดน ให้เข้าสู่โลกพหุภาคี


เพิ่มเพื่อน    

 

     การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศว่าปักกิ่งพร้อมจะพิจารณาเข้าร่วม CPTPP ท่ามกลางความประหลาดใจของคนทั้งโลกนั้นย่อมมีนัยทางการเมืองที่น่าวิเคราะห์ยิ่ง

                ประการแรกคือ การที่ผู้นำจีนสามารถจะกดดันให้โจ ไบเดน ที่กำลังจะเข้านั่งทำเนียบขาวว่า ถ้าสหรัฐไม่กลับมาเอเชีย จีนจะเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ CPTPP แล้วนะ

                จีนเป็นแกนหลักของ RCEP อยู่แล้ว ถือว่านั่งเต็มก้นในเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดของโลก

                ถ้าสหรัฐยังลังเลเรื่อง CPTPP ก็จะเปิดทางให้จีนไปร่วมอีกโต๊ะหนึ่งทันที

                แต่ก่อนนี้อาจมีคนมองว่า CPTPP อาจจะไม่สำคัญแล้ว เพราะไม่มีสหรัฐแล้ว แต่เมื่อสหรัฐถอนออกไปสมัยทรัมป์ มาตรฐานที่สหรัฐวางเอาไว้ก็ลดลงไประดับหนึ่ง

                “แต่เกมที่สองที่กดดันให้สหรัฐต้องกลับมา CPTPP คือถ้าสหรัฐบอกว่าไม่สนใจ จีนก็เล่นบทนำเลย...ก็เท่ากับปักกิ่งกำลังกดดันวอชิงตันให้กลับมาเพื่อเจรจากันใหม่ เป็นการกลับมาสู่โลกพหุภาคี...” ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร กูรูเรื่องเมืองจีนตั้งข้อสังเกต

                นั่นแปลว่าเมื่อทรัมป์ตกกระป๋อง ไบเดนมาแทน และยืนยันว่าเชื่อในเรื่องพหุภาคี จีนก็สำทับด้วยการแสดงความสนใจเข้า CPTPP เพื่อส่งสัญญาณกับไบเดนว่าเขาต้องกลับมาภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องเจรจากับจีน

                นี่ย่อมแปลว่าวันนี้จีนอยู่ในฐานะที่จะกดดันสหรัฐได้แล้ว

                หรือจะตีความอีกอย่างก็คือ จีนกำลังพยายามให้มีการเขียนกติกาการค้าโลกใหม่

                แต่ก่อนนี้อเมริกาเป็นคนกำหนดกติกาแต่เพียงผู้เดียว วันนี้จีนภายใต้สี จิ้นผิง กำลังส่งสัญญาณว่าจีนขอร่วมเขียนกติกานั่นด้วย

                “เหมือนจีนกำลังจะบอกอเมริกาว่าเรามาเจรจากัน จะประนีประนอมอะไรอย่างไรก็ต้องมานั่งร่วมโต๊ะกัน...” ดร.อาร์มบอก

                ข้อตกลง Phase 1 ที่ทรัมป์ทำกับสี จิ้นผิง ช่วงพยายามจะยุติสงครามการค้านั้นมีเงื่อนไขเหล่านี้บ้าง แต่ก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

                สี จิ้นผิง คงต้องการจะดึงให้ไบเดนมาเล่นเกมต่อรองกับจีนเพื่อให้มีกติกาการค้าโลกที่จีนสามารถต่อรองกับสหรัฐได้ในฐานะที่เท่าเทียมกัน

                วันนี้ สี จิ้นผิง กำลังส่งสัญญาณว่าปักกิ่งไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างหรือเป็นผู้ตั้งรับอย่างเดียวแล้ว

                จีนวันนี้ต้องการประกาศว่าตนต้องการจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหรัฐ

                แม้จีนจะไม่ได้ประกาศตัวเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในบางมิติ แต่ปักกิ่งก็ไม่ต้องการเป็นเบอร์สองในทุกๆ เรื่องอีกต่อไป

                จีนกำลังจะบอกอเมริกาภายใต้ไบเดนว่า จะต้องมาเล่นเกมพหุภาคี ไม่เล่นเกมประลองกำลังกันสองต่อสองอย่างที่ทรัมป์เล่นอีกต่อไป

                ดร.อาร์มบอกว่า ในยุคของทรัมป์ สหรัฐดำเนินนโยบายที่จะแยกโลกเป็น “สองห่วงโซ่” หรือ supply chain

                เรียกมันว่า “โลกทวิภพ”

                ก่อนทรัมป์ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐ โลกมีห่วงโซ่เดียวคือ global supply chain

                เช่น ทุนมาจากสหรัฐ ใช้แรงงานจีน ชิ้นส่วนมาจากหลายๆ ประเทศมาประกอบกัน

                แต่พอทรัมป์มา ก็เกิดคำว่า decoupling หรือการแยกโลกเป็นสองส่วน ต่างคนต่างทำการผลิตการตลาดของตัวเอง

                ภายใต้ทรัมป์ ความคิดของวอชิงตันคือการคบหากับจีนเป็นปัญหาทางยุทธศาสตร์และความมั่นคง จึงต้องการจะแยกตัวออกจากจีน

                ผลที่ตามมาคือ การเกิดสองห่วงโซ่...หนึ่งคือห่วงโซ่จีนเชื่อมโลก และสองคือห่วงโซ่สหรัฐเชื่อมโลก

                ห่วงโซ่สหรัฐจะกีดกันจีน (แบบที่โอบามาพยายามทำด้วยการตั้ง TPP โดยไม่มีจีน)

                ส่วนห่วงโซ่จีนเชื่อมโลกก็จะเห็นได้จากภาพของ RCEP ที่มีจีนเป็นแกนหลัก (ไม่มีสหรัฐ)

                “ผมจึงแนะนำคนที่มาพูดคุยว่า ถ้าจะทำธุรกิจต้องศึกษาว่าจะเข้าสู่ห่วงโซ่สหรัฐหรือจีน มันสลับซับซ้อนมากขึ้น อุตสาหกรรมไหนจะเชื่อมห่วงโซ่ไหน โจทย์จะซับซ้อนขึ้น”

                แต่สิ่งที่สี จิ้นผิง กำลังบอกชาวโลกด้วยการประกาศว่าพร้อมจะเข้าร่วม CPTPP ก็คือ

                จีนพร้อมจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่สหรัฐเชื่อมโลก

                นี่คือยุทธศาสตร์ที่น่าเกาะติดและวิเคราะห์ หลังจาก สี จิ้นผิง สร้างความฮือฮาเรื่อง CPTPP

                ไม่ยอมให้ไบเดนตั้งตัวก่อนด้วยซ้ำไป!.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"