สธ.ยันติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ก๊วนท่าขี้เหล็ก 699 คนไม่พบเชื้อ และถ้า14 วัน ไม่พบติดเชื้อเพิ่มถือว่าการระบาดจบ 


เพิ่มเพื่อน    

3 ธ.ค.63-  ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนโรคผู้ป่วยโควิด 19 ที่มาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา

    นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ทั่วโลก มีการติดเชื้อเกือบ 65 ล้านคน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านยังมีแนวโน้มการติดเชื้อมากขึ้น สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด 19 จำนวน 10 ราย ที่มาจากท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เข้ามาทางเส้นทางธรรมชาติ ทั้งหมดอยู่ในแผนการควบคุมโรคแล้ว คือ อยู่ในสถานที่เพื่อกักกันและรักษา สามารถสอบสวนโรคได้อย่างละเอียด ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ ขณะนี้ยังไม่พบผู้ใดติดเชื้อ หากภายใน 7 วันยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ หาก 10 วันไม่มีผู้ติดเชื้อเรียกว่าปลอดภัย และ 14 วันไม่พบการติดเชื้อเป็นการจบการระบาด อย่างไรก็ตาม คนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ ขอให้เดินทางกลับเข้ามาอย่างถูกต้อง การลอบเดินทางเข้ามาจะเพิ่มความเสี่ยงการนำเชื้อเข้ามาในประเทศไทย และขอความร่วมมือผู้ที่กลับเข้ามาโดยไม่ผ่านการกักกัน 14 วัน ให้มารายงานตัวกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข เพื่อรับการตรวจหาเชื้อและติดตามเฝ้าระวังเพื่อความปลอดภัย

ปลัดสธ. กล่าวอีกว่า   จังหวัดที่พบผู้ป่วยโควิด 19 ทั้ง 10 รายนี้ ยืนยันว่า ยังมีความปลอดภัย เนื่องจากพื้นที่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แม้จะอยู่ในอำเภอเดียวกัน แต่เป็นคนละตำบลก็ถือว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย ดังนั้น ความเสี่ยงไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ แต่อยู่ที่ว่าไปสัมผัสตรงไหนและกับใคร ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานหรือสถานที่ต่างๆ มีการควบคุมโรคที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สำหรับการเฝ้าระวังการข้ามแดนตามธรรมชาติมีการเตรียมความพร้อมแล้วในชายแดนทุกภูมิภาค ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงาน โรงเรียน และสถานประกอบการต่างๆ แล้ว

  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 10 รายที่มาจากท่าขี้เหล็ก อยู่ที่เชียงใหม่ 3 ราย เชียงราย 3 ราย กรุงเทพมหานคร 1 ราย พะเยา 1 ราย พิจิตร 1 ราย และราชบุรี 1 ราย ส่วนใหญ่เมื่อเดินทางกลับเข้ามามีการไปเที่ยวและกลับไปที่ภูมิลำเนาเดิม จากการติดตามสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงรวม 699 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 175 ราย ผลการตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อ และจะมีการตรวจซ้ำจนกว่าจะพ้นระยะฟักตัว มีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 524 ราย ได้คุมไว้สังเกตอาการ โดยในการพิจารณาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ ขึ้นกับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล หากผู้ติดเชื้อใส่หน้ากากความเสี่ยงจะน้อยลง และถ้าผู้สัมผัสใส่หน้ากากด้วย ความเสี่ยงก็จะลดน้อยลงอีก แต่ถ้าไม่ใส่หน้ากากเลยและพูดคุยกันเกิน 5 นาที จะเข้าข่ายมีความเสี่ยงสูง หรือการอยู่กับผู้ติดเชื้อในสถานที่แคบอากาศไม่ถ่ายเทเป็นเวลา 15 นาทีถือว่ามีความเสี่ยงสูงเช่นกัน สำหรับเครื่องบิน ผู้ที่นั่งอยู่ 2 แถวหน้าและ 2 แถวหลังผู้ป่วยโดยไม่ใส่หน้ากากถือว่ามีความเสี่ยงสูง แต่เนื่องจากข้อบังคับบนเครื่องบิน กำหนดให้ผู้โดยสารและพนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน โอกาสเสี่ยงจึงน้อยลง                                                                            

          “มาตรการป้องกันควบคุมโรคผู้เดินทางมาจากเมียนมา ฝ่ายความมั่นคงจะป้องกันตามแนวชายแดน นอกจากนี้ ได้มีการสำรวจความต้องการเดินทางกลับของคนไทยที่ทำงานในฝั่งท่าขี้เหล็ก เพื่อจัดระบบรองรับการกักกัน ฝ่ายปกครองจะช่วยสอดส่องค้นหาภายในประเทศและเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงทั้งในโรงพยาบาลและชุมชน โดยมี อสม.เคาะประตูบ้านช่วยดูแลชุมชน หากพบมีคนกลับมาจากท่าขี้เหล็กให้รายงานทันที และขอให้ประชาชน โดยเฉพาะเจ้าของบ้าน บ้านเช่า โรงแรม คอนโด สถานประกอบการ สถานบันเทิง ถ้าพบใครมาจากท่าขี้เหล็กตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะความเสี่ยงจะอยู่กับตัวเอง ครอบครัว และชุมชน รวมถึงคงมาตรการป้องกันส่วนบุคคล ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง สแกนไทยชนะ ติดตามข่าวราชการและปฏิบัติตามที่ราชการกำหนด ถ้าคนไทยร่วมมือกันจะควบคุมโรคได้ดี” นพ. โอภาสกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"