บิ๊กตู่ได้ไปต่อไม่ขัดรธน. ศาลชี้อยู่บ้านหลวงตามระเบียบทบ.มิใช่แสวงหาประโยชน์


เพิ่มเพื่อน    

 

"บิ๊กตู่" เฮ! ได้ไปต่อ ศาล รธน.มติเอกฉันท์อยู่บ้านพักหลวงไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ชี้เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกไม่ใช่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ย้ำรัฐพึงจัดที่พำนักให้ผู้นำประเทศและครอบครัวอยู่อย่างสมเกียรติ สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกายและจิตใจเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ขณะที่นายกฯ ลงพื้นที่แม่กลอง ไหว้พระ-พายเรือชมสวน ลั่นมีความสุข ชาวบ้านแห่ให้กำลังใจเชียร์ "ลุงตู่" อยู่นานๆ
    ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เวลา 10.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมเพื่อนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบ มาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ก่อนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น.
    โดยการอ่านคำวินิจฉัยครั้งนี้ ศาลมีคำสั่งกำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้รับมอบฉันทะ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้นอยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัย ส่วนประชาชนทั่วไป สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยผ่านยูทูบชาแนลชื่อ "สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ" รวมทั้งบริเวณลานหน้าเสาธงติดกับถนนแจ้งวัฒนะ ได้ติดตั้งลำโพง 2 ตัวสำหรับถ่ายทอดเสียงจากห้องพิจารณาคดีมาให้สื่อมวลชนและประชาชนที่จะมารับฟังการอ่านคำวินิจฉัยด้วย
    สำหรับบรรยากาศที่บริเวณหน้าอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยรอบอาคารมีการตั้งแผงกั้นรั้วเหล็ก พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนประจำจุดหน้าทางเข้าทุกประตู โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ทุ่งสองห้อง และ บก.น. 2 จำนวน 3 กองร้อย ยืนกระจายกำลังตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายที่ระบุข้อความ "ห้ามชุมนุมใกล้พื้นที่ศาลในระยะ 50 เมตร ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 8" และติดประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย 2563
    จากนั้น เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง จากเหตุยังพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบกหลังเกษียณอายุราชการตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.57 จนถึงปัจจุบัน
    ทั้งนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์ และนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัย ซึ่งระบุเหตุผลว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงข้อกล่าวหา คำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้อง เอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอจึงยุติการไต่สวน และกำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัย โดย พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.53 และเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.57 ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้พักอาศัยที่บ้านพักอาคารหมายเลข 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งบ้านพักหลังนี้ได้มีการปรับโอนสถานะให้มีสถานะเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบกในปี 2555 และปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ราชการของกองทัพบก มีประเด็นต้องวินิจฉัยก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์กระทำการอันมีลักษณะต้องห้ามตามที่กล่าวหาหรือไม่
"บิ๊กตู่"ได้ไปต่อไม่ขัด รธน.
    ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 ข้อ 5 กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก ต้องมีคุณสมบัติ 5.1 เป็นข้าราชการประจำการสังกัดกองทัพบก ที่มีชั้นยศพลเอก 5.2 เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบกซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.มาแล้ว ข้อ 7 กำหนดให้แบ่งประเภทของบ้านพักรับรองกองทัพบก สำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5 คือ 7.1 บ้านพักรับรองอาคารหมาย 70/25 เป็นบ้านพักของ ผบ.ทบ. 7.2 บ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งมีหลายหมายเลข และที่กองทัพบกกำหนดขึ้นในภายหลัง เป็นบ้านพักรับรองของผู้บัญชาการชั้นสูงของกองทัพบก และอดีตผู้บังคับบัญชาในข้อ 5.2 ข้อ 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกหมดสิทธิเข้าพักอาศัยในกรณีดังนี้ 8.1 ย้ายออกนอกกองทัพบก 8.2 ออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด 8.3 ถึงแก่กรรม 8.4 เมื่อกองทัพบกพิจารณาให้หมดสิทธิ์เข้าพักอาศัย ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่าสำหรับผู้มีสิทธิ์เข้าพักอาศัยตามข้อ 5.2 ถ้าหมดสิทธิ์เข้าพักอาศัยตามข้อ 8.1 หรือ 8.2 แล้ว กองทัพบกมีสิทธิ์พิจารณาให้เข้าพักอาศัยเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ และข้อ 11 กำหนดว่า บ้านพักรับรองที่กองทัพบกกำหนดให้พิจารณาตามความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นในการพักอาศัย และเหมาะสมในการใช้งาน
    ประกอบคำชี้แจงของผู้บัญชาการทหารบกได้ชี้แจงว่า ขณะพล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ส.ค.57 พล.อ.ประยุทธ์ยังคงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. จึงเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก โดยอาศัยระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรอง 2548 ข้อ 5 และเมื่อเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ขณะนั้นเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 57 แต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิ์พักอาศัยในบ้านพักรับรองดังกล่าว เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กองทัพและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.มาแล้วตามข้อ 5.2 หาใช่หาอาศัยในบ้านพักรับรองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงสถานะเดียว ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือน ย่อมไม่มีสิทธิ์ได้พักอาศัยในบ้านพักรับรองตามระเบียบของกองทัพบกมิได้
    นอกจากนี้ ข้อ 8 กำหนดให้อำนาจกองทัพบกพิจารณาให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบกที่หมดสิทธิ์เข้าพักอาศัยด้วยเหตุย้ายออกนอกกองทัพบก หรือออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด ให้มีสิทธิ์เข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ การที่กองทัพบกกำหนดให้อาคารหมายเลข 253/54 เป็นบ้านพักรับรอง แม้จะเป็นการกำหนดขึ้นภายหลังปรากฏตามหนังสือ กบ.ทบ.ด่วนมากที่ ต่อ กห.0404/1560 ลงวันที่ 19 มิ.ย.55 โดยอนุมัติให้ปรับโอนอาคารรับรองดังกล่าวเป็นบ้านพักรับรองกองทัพบกซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพบกก็ตาม แต่เป็นการกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 7.2 ให้กระทำได้ ส่วนการที่กองทัพบกสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปาในการใช้งานบ้านพักรับรองกองทัพบกพิจารณาตามความเหมาะสมในการพิจารณาค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัย ตามความเหมาะสมในการใช้งานตามข้อ 11 แล้ว
    นอกจากนี้ การให้สิทธิ์ดังกล่าวข้างต้น กองทัพบกได้พิจารณาให้สิทธิ์แก่บุคคลที่เข้าเงื่อนไขมีคุณสมบัติในการเข้าพักอาศัยบ้านพักอาศัยของกองทัพบก มิใช่ให้สิทธิ์เฉพาะกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เห็นได้ว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์อาศัยในบ้านพักรับรองที่กองทัพบกจัดให้ และได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปา เป็นไปตามดุลยพินิจของกองทัพบก ที่มีอำนาจพิจารณาตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ.2548 โดยระเบียบดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2548 ก่อนที่ผู้ถูกร้องจะดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ.และนายกรัฐมนตรี
รัฐพึงจัดบ้านพักสมเกียรติ
    "โดยที่นายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าของคณะรัฐมนตรีซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ยังมีฐานะเป็นผู้นำของประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวจึงมีส่วนสำคัญ รัฐมีหน้าที่จัดการดูแลให้ปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรีและครอบครัว ตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่ปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกายและจิตใจ การปฏิบัติภารกิจในการบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ส่วนรวม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักของผู้นำของประเทศในขณะที่ดำรงตำแหน่ง" นายวรวิทย์ ระบุ  
    กรณีประเทศไทย แม้รัฐเคยกำหนดให้สถานที่บางแห่งเป็นที่พำนักของนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง เช่นบ้านพิษณุโลกก็ตาม แต่ปัจจุบันการบำรุงรักษาไม่พร้อมใช้หรือจัดให้มีขึ้นใหม่ ดังนั้นเพื่อให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำของประเทศได้อย่างสมเกียรติ รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การที่กองทัพบกอนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรองของกองทัพบก และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เคยได้รับสิทธิ์ตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นกฎที่ยังคงใช้บังคับอยู่โดยไม่ได้ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน ประกอบกับกองทัพบกให้สิทธิ์ดังกล่าวกับผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้น โดยถือเป็นสิทธิ์ของบุคคลเนื่องมาจากการดำรงตำแหน่ง อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์รับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยราชการเป็นพิเศษ นอกเหนือจากปฏิบัติกับบุคคลอื่น
    จึงไม่เข้าข่ายเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5) จนทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่ เห็นว่าเมื่อวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์พักอาศัยบ้านพักรับรองของกองทัพบก ซึ่งกองทัพบกพิจารณาจัดบ้านพักรับรองกองทัพบก สนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาใช้งานในบ้านพักรับรอง เป็นไปตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก 2548 จึงไม่เป็นกรณีการถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ในประการที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่และไม่เป็นการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่เป็นการรับที่มีบทบัญญัติกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ให้รับได้
    ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานจริยธรรม ข้อ 27 ประกอบข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 ข้อ 10 ข้อ 11 อันเป็นกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (5) ซึ่งเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา  170 วรรคหนึ่ง (4) อาศัยเหตุผลดังกล่าวจึงวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง มาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3)
คนแม่กลองเชียร์อยู่นานๆ
    ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณีบ้านพักหลวงนั้น เมื่อเวลา 07.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม โดยจุดแรกไปสักการะหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของ จ.สมุทรสงคราม ที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร และนมัสการพระสมุทรวริโสภณ รักษาการแทนเจ้าอาวาส ทั้งนี้ พระสมุทรวริโสภณได้มอบพระพุทธจำลองหลวงพ่อบ้านแหลม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรและหนังสือพุทธธรรมฉบับขยายความให้กับนายกฯ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าวัดได้มีชาวบ้านกว่า 50 คนมารอต้อนรับและให้กำลังใจ ชูป้ายข้อความ “รักลุงตู่ อยู่นานๆ ประเทศไทยจะเจริญ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ” โดยได้นำกุหลาบสีแดงมามอบให้นายกฯ และพร้อมกับตะโกน “ลุงตู่ สู้ๆ ขอให้อยู่นานๆ ไป 20 ปี รักสถาบัน รักลุงตู่” ทั้งนี้ นายกฯ ได้ให้รถหยุดพร้อมกับรับดอกไม้ ทักทายชาวบ้านที่มาให้กำลังใจ และส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปยังจุดต่อไป ทั้งนี้ ชาวบ้านที่มาให้กำลังใจระบุว่า “ลุงตู่ไม่โกงกิน เป็นของจริง ทำจริง อยากให้ประเทศเจริญก้าวหน้า ไม่มีนายกฯ คนไหนพัฒนาได้เท่านี้ เรามากันด้วยใจ ไม่ได้มีการเกณฑ์มา”
    สำหรับบรรยากาศรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นไปอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองสรรพาวุธเข้าตรวจพื้นที่ โดยมีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้ระวังการแสดงสัญลักษณ์และให้ประชาชนอยู่ในจุดที่กำหนด
    ต่อมาเวลา 08.20 น.  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และคณะ เยี่ยมชมการท่องเที่ยวชุมชน ที่วิสาหกิจชุมชนริมคลองโฮมสเตย์ หมู่ที่ 6 ต.บ้านปรก โดยมีชาวบ้านมอบดอกกุหลาบแดง ให้กำลังใจให้สู้ๆ และพันผ้าขาวม้าให้
    นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า สมัยเด็กๆ ครอบครัวอยู่ริมแม่น้ำริมคลอง รู้สึกบรรยากาศเก่าๆ และตั้งแต่เช้าก็มีความสุข เพราะเห็นพี่น้องประชาชน พ่อแม่พี่น้องชาวสมุทรสงคราม และหลวงพ่อวัดบ้านแหลมบอกว่าทุกคนรักสามัคคีกันดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องรักษาสิ่งเหล่านี้ให้มากที่สุด ให้นานที่สุด เพราะควบคู่กับสังคมเรามา เรารักบ้านของเราเอง รักชุมชนของเราเอง นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้น
    จากนั้นเยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งนายกฯได้พายเรือด้วยตัวเอง โดยขอนั่งคัดท้ายพายแทนนายสวน พร้อมระบุว่าอยู่ริมคลองพายเรือมาตั้งแต่เด็ก ทั้งนี้ เมื่อนายกฯ ขึ้นจากท่าเรือ ผู้สื่อข่าวถามว่าการพายเรือครั้งนี้เหมือนคัดท้ายรัฐนาวารัฐบาลให้เดินหน้าต่อไปใช่หรือไม่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบ จากนั้นแวะชมกิจกรรมโคกหนองนาโมเดล กิจกรรมทำเกลือสปา ดูการบริหารจัดการน้ำสะอาดคลองผีหลอก บ้านพักริมคลองโฮมสเตย์ และผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนริมคลองโฮมสเตย์ ก่อนจะเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) หรือ ศบศ. ในเวลา 15.20 น. นายกฯ ได้เดินกลับขึ้นห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์ จากนั้นเวลา 17.00 น.ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อกลับบ้านพัก ร.1 พัน 1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต โดย พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"