ฝนถล่มภาคใต้ข้ามวันข้ามคืน นครศรีธรรมราชอ่วมหนัก 15 อำเภอเจิ่งน้ำ หลายพื้นที่ถูกตัดขาด ผู้ว่าฯ สั่งทุกหน่วยเร่งช่วยเหลือประชาชน เผยหนักสุดในรอบ 10 ปี พัทลุง สงขลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง ปัตตานี ก็ยังไม่คลี่คลาย นายกฯ เป็นห่วงผู้ประสบภัย อุตุฯ เตือนยังคงมีฝนหนักถึง 4 ธ.ค.
สถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้เข้าสู่ระดับวิกฤติในหลายจังหวัด เมื่อวันพุธที่ผ่านมายังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้น้ำท่วมพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชสูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยน้ำจากเทือกเขาหลวงใน อ.ลานสกา ไหลลงมาถึงเมืองนครศรีธรรมราช จนประชาชนต้องรีบขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันวุ่นวายโกลาหล โดยเฉพาะตัวหมู่บ้านธารริน หมู่ 8 ถนนเทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว ถนนริมคลองป่ามะพร้าวทางเข้าหมู่บ้านทั้งด้านหน้าและหลังถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยปริยาย นอกจากนี้ บริเวณสี่แยกศาลาหมูปาน หน้า อบจ.และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำท่วมสูง 50 ซม. ส่วนถนนเลียบทางรถไฟ น้ำท่วมสูงกว่า 60 ซม.
ที่ถนนกะโรม ย่านตลาดหัวอิฐ และ บขส.นครศรีธรรมราช น้ำท่วมสูง 30-50 ซม. ทำให้การสัญจรไปมาเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะฝั่งขาออกเมือง
เช้ามืดวันเดียวกัน ร.ต.อ.อมร มาศชู รอง สวป.สภ.ทุ่งใหญ่ รับแจ้งเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำ มีผู้โดยสารเต็มคันและได้รับบาดเจ็บหลายคน บนถนนสายเอเชีย บ้านควนลำภู หมู่ 7 ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ขาล่องใต้ ไปตรวจสอบพบรถ บขส. ทะเบียน 15-5617 กรุงเทพฯ ตกลงไปในร่องน้ำกลางถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน นำส่ง รพ.ทุ่งใหญ่ สาเหตุจากถนนลื่น
ด้านนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขังในจุดเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งกำชับ ปภ.จังหวัด และ ปภ.สาขา ติดตามสถานการณ์ ประสานงานในพื้นที่และเข้าช่วยเหลือผู้ประชาชนทันทีที่มีการร้องขอ
มีรายงานว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัย 15 อำเภอ รวม 78 ตำบล 351 หมู่บ้าน 7 ชุมชน ประกอบด้วย พื้นที่อำเภอชะอวด, จุฬาภรณ์,ทุ่งสง, เมืองนครศรีธรรมราช, พระพรหม, ร่อนพิบูลย์, ท่าศาลา, พิปูน, นาบอน, ลานสกา, สิชล, เฉลิมพระเกียรติ, เชียรใหญ่, นบพิตำ และอำเภอขนอม ประชาชนได้รับผลกระทบ จำนวน 47,939 คน 16,709 ครัวเรือน บ้านพักเสียหายบางส่วน จำนวน 8 หลัง (อ.นาบอน 1 หลัง, อ.ท่าศาลา 7 หลัง) สถานศึกษาได้รับผลกระทบ 15 แห่ง ประกาศหยุดการเรียนการสอน 6 แห่ง วัด/มัสยิด/โบสถ์อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 291,156 ไร่ แบ่งเป็น นาข้าว 28,278 ไร่ พืชไร่ 9,415 ไร่ (ข้าวโพดหวาน พริกขี้หนู มะเขือ ฟักเขียว มันแกว ถั่วลิงสง ถั่วฝักยาว) และพืชสวน 253,463 ไร่ (ปาล์มน้ำมัน ยางพารา)
ยังมีผู้เผยแพร่เฟซบุ๊กโพสต์คลิปมวลน้ำป่าเทือกเขาหลวง คีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ที่ไหลทะลักอย่างบ้าคลั่งลงสู่เบื้องล่าง โดยมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากติดอยู่ในหมู่บ้านคีรีวง และคาดภายใน 6-8 ชม. น้ำจะบ่าเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นสถานการณ์หนักสุดในรอบ 10 ปี
สำหรับอำเภอทุ่งสง ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมทุกตำบล นอกจากนี้ยังไหลเข้าท่วมย่านการค้าตลาด อ.ทุ่งสง ความสูงไม่ต่ำกว่า 1 เมตร ทำให้บ้านเรือนและตลาด อ.ทุ่งสง จมอยู่ใต้บาดาลในพริบตา ขณะที่โรงเรียนในเขต อ.ทุ่งสง และใกล้เคียง ประกาศปิดการเรียนจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. นอกจากนี้ ถนนสายเอเชีย 41 ช่วง อ.ทุ่งสง-สุราษฎร์ธานี ถูกน้ำท่วมหลายจุด รถไม่สามารถผ่านไปมาได้
นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เครื่องบินยังขึ้นลงได้ปกติ แม้จะมีภาพแชร์ทางโซเชียลมีเดียว่ามีน้ำท่วมขังสนามบิน ล่าสุดตนได้สั่งการรายงานสถานการณ์ทุกชั่วโมง โดยได้รับรายงานว่า ตอนนี้เครื่องสูบน้ำ 2 ชุด 8 เครื่อง เดินเครื่องภายในสนามบิน ส่วนที่ลานจอดเครื่องบินกับอาคารมีน้ำระบายไม่ทันเพราะฝนตกหนักมาก
สงขลาเฝ้าระวัง 4 อำเภอ
พัทลุง แม้ฝนจะเบาบางลงบ้าง แต่น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดก็ได้หลากเข้าท่วมอำเภอเมือง เขาชัยสน บางแก้ว ควนขนุน และอำเภอปากพะยูน โดยเฉพาะอำเภอเมือง บ้านควนกุฏิ หมู่ที่ 15 ต.ควนมะพร้าว ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 150 ซม. ชาวบ้าน 80 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนต้องอพยพไปพักชั่วคราวที่โรงเรียนบ้านควนกุฏิ และค่ายตำรวจตระเวนชายแดนที่ 343 พัทลุง
นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง กล่าวว่า หลังลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำท่วมที่บ้านควนกุฏิ พบว่า ระดับน้ำท่วมสูง ชาวบ้านหลายครัวเรือนต้องอพยพทั้งสิ่งของและสัตว์เลี้ยง เบื้องต้นได้สั่งให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำลงสู่คลองลำเบ็ด พร้อมกันนั้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลือชั่วคราวในจุดดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
สงขลา พื้นที่ ต.คูขุด อ.สทิงพระ ทั้ง 9 หมู่บ้านที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลา ถูกน้ำในทะเลสาบสงขลาเอ่อล้นเข้าท่วมทั้งถนนในหมู่บ้านและบ้านเรือนของชาวบ้าน บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ต้องใช้เรือเข้าออก ส่วนภาพรวมพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาขณะนี้น่าเป็นห่วงมาก เพราะเสี่ยงถูกน้ำท่วมทั้ง 4 อำเภอ ตั้งแต่ อ.ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และสิงหนคร
ขณะที่พันโทพีรวัจน์ จันทร์แก้ว ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 ได้สั่งการให้จัดกำลังพลจิตอาสาภัยพิบัติ และกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย เดินทางเข้าพื้นที่ ต.คูขุด อ.สทิงพระ จ.สงขลา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่มีบ้านเรือนอยู่ติดกับบริเวณทะเลสาบสงขลา หลังได้รับการร้องขอ เนื่องจากในช่วงนี้มีฝนตกลงมาสะสมเป็นจำนวนมาก และสภาพพื้นที่อยู่ติดกับทะเลสาบสงขลา
ส่วนนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผวจ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ โดยเฉพาะใน 5 อำเภอที่น้ำท่วมหนักอย่าง อ.เมือง สิงหนคร รัตภูมิ ควนเนียง หาดใหญ่ ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย ส่วนการช่วยเหลือระยะต่อไปต้องมีการสำรวจความเสียหายอีกครั้ง
สุราษฎร์ฯ อพยพประชาชน
สุราษฎร์ธานี ฝนยังตกหนักเกือบทุกพื้นที่ เกิดน้ำท่วมพื้นที่ ต.ท่าอุแท ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ ต.ชลคราม ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก เป็นพื้นที่รอยต่อกับจังหวัดนครศรีธรรมราช มีมวลน้ำป่าจำนวนมากจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีดไหลหลากลงมา บางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร
ล่าสุด นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัย อพยพจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ที่ปลอดภัยเป็นการด่วน นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เสี่ยงอีกหลายอำเภอที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ อ.บ้านนาเดิม บ้านนาสาร พุนพิน เคียนซา พระแสง เวียงสระ ท่าชนะ ไชยา ชัยบุรี
ตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ลงพื้นที่ประสบอุทกภัยที่หมู่ 7 ต.นาโยงใต้ อ.เมืองตรัง หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เนื่องจากท่อของกรมทางหลวงไปชนกับที่เอกชน และทางเอกชนมีการปิดปากท่อสนิทเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าสวนปาล์มน้ำมัน น้ำจึงออกไม่ได้ โดยได้หารือกับหัวหน้าส่วนราชการทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัย ในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด 58 อำเภอ 240 ตำบล 1,480 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 67,070 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 7 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี ตรัง และปัตตานี
นายกฯ ติดตามสถานการณ์
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งได้สั่งให้หน่วยงานสนธิกำลังให้ความช่วยเหลือ บรรเทาสถานการณ์ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และกระทรวงต่างๆ ตามแนวปฏิบัติที่ได้ดำเนินการมาในหลายพื้นที่แล้ว
"นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีพื้นที่น้ำท่วมขัง 7 จังหวัด ยกเว้นสตูลและยะลา ที่สถานการณ์ผ่อนคลายลงแล้ว อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังคงเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สั่งทุกฝ่าย ทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ และหน่วยแพทย์ดูแล ให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน ส่วนประชาชนหากต้องการความช่วยเหลือให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้กำลังใจประชาชนที่กำลังประสบปัญหาจากอุทกภัยในครั้งนี้"
นายอนุชากล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรียังให้หน่วยงานเร่งเตือนประชาชนให้ได้รับรู้ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และการรับมือในสถานการณ์ รวมทั้งรายงานผลการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกระยะด้วย
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 4 ธ.ค.2563)" ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 02 ธันวาคม 2563 ความว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย และจะเคลื่อนตัวทางตะวันตกเข้าสู่ทะเลอันดามันต่อไป (วันที่ 3 ธ.ค. 63) ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่มต่างๆ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในช่วงวันที่ 2 ธันวาคม 2563 มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ภาคใต้: จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ในวันที่ 3 ธันวาคม 2563 มีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง และชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 4 ธ.ค.63.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |