2 ธ.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบศ. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุม ศบศ.เห็นชอบมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 และมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามที่กระทรวงการคลัง โดยใช้เงินรวมประมาณ 43,500 ล้านบาท โดยขั้นตอนจากนี้จะเสนอให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณารายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะวันเวลาของการเริ่มมาตรการ จากนั้นจึงเสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบภายในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
นายพรชัย กล่าวว่า สำหรับคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จะทำเหมือนกับระยะแรก โดยเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมอีก 5 ล้านคน ได้รับวงเงินคนละ 3,500 บาท ซึ่งผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากโครงการระยะแรก เพราะไม่ได้ใช้จ่ายภายในวันที่กำหนด ยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระยะที่ 2 ได้ โดยจะเริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค.64 ส่วนผู้ได้รับสิทธิอยู่แล้วก็เพิ่มวงเงินให้อีกคนละ 500 บาท และขยายเวลาใช้สิทธิออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.64 เช่นกัน โดยผู้ที่มีสิทธิอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้จนหมดเหมือนที่มีข่าวลือออกมา โดยในขั้นตอนการขยายสิทธิให้จะเปิดให้ทำด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด
รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ส่วนมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้ถือบัตรคนละ 500 บาทต่อคน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค.64
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ที่ประชุม ศบศ.เห็นชอบปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการจากเดิม 5 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน โดยจำนวนห้องที่เพิ่มมาจะสนับสนุนเฉพาะ E-voucher แต่ไม่อุดหนุนเรื่องค่าที่พัก และขยายสิทธิห้องพักต่อคืนจากที่ได้คนละ 10 คืนต่อ 1 สิทธิ เพิ่มเป็น 15 คืน และขยายช่วงเวลาการจองที่พัก จากเวลา 06.00 – 21.00 น. เป็นเวลา 06.00 – 24.00 น. และยังขยายระยะเวลาการใช้สิทธิโครงการไปจนถึง 30 เม.ย.64 จากเดิมที่สิ้นสุด 31 ม.ค.64 ให้ครอบคลุมไปถึงช่วงสงกรานต์
ผู้ว่าฯ ททท. กล่าวว่า และยังเพิ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตฯ แต่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และอนุมัติธุรกิจการขนส่งภาคท่องเที่ยว ธุรกิจสปาหรือนวดเพื่อสุขภาพใช้ E-Voucher พร้อมกับปรับปรุงเกณฑ์สนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินจากเดิมสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เป็นสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อ 1 สิทธิ เฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวในจังหวัดที่ภาคท่องเที่ยวพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงและเจอผลกระทบจากโควิด ทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย สุดท้ายได้กำหนดหลักเกณฑ์การลาสำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ สามารถลาพักร้อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลาเมื่อใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
นายยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกทั้งยังปรับปรุงโครงการกำลังใจ โดยเปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ พร้อมกับเห็นชอบโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ 55 ปีขึ้นไป และจะต้องเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวโดยมีระยะเวลาของโปรแกรมการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน และเดินทางท่องเที่ยวได้เฉพาะวันธรรมดา (เข้าพักในวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี) โดยมีราคาค่าใช้จ่ายต่อโปรแกรมไม่น้อยกว่า 12,500 บาทต่อคน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายผ่านบริษัทนำเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายคนละ 5,000 บาท ส่วนบริษัทนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องจดทะเบียนทำธุรกิจ ก่อนวันที่ 1 ม.ค.63 และรายสามารถรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการได้ไม่เกิน 3,000 ราย โดยโครงการมีระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ครม.อนุมัติ ตั้งเป้าหมายมีคนกลุ่มนี้เที่ยว 1 ล้านคน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |