กกร.ปรับจีดีพีปี63ติดลบ6-7%หนุนรัฐบาลกระตุ้นต่อเนื่อง


เพิ่มเพื่อน    

 

2 ธ.ค.63-นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ห(กกร.)กกร.เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. มีความเห็นว่าเศรษฐกิจโลกและไทยในไตรมาส4/2563 แผ่วลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สาม ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่เป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของสหรัฐฯเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาส4 มีการฟื้นตัวมีสัญญาณแผ่วลง 

สำหรับการส่งออกของไทยยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้นภายหลังจากการกลับมาระบาดที่รุนแรงขึ้นในหลายประเทศ โดยเศรษฐกิจไทยคาดว่าปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ภาคการส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ในหลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี 

นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกยังน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า10%ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด รวมถึงตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง

ทั้งนี้ภาครัฐยังต้องเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2564 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของครัวเรือนที่มีความต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็นในการประคับประคองเศรษฐกิจประเทศ นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระยะยาว

สำหรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 กกร.ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ดีขึ้น โดยที่ GDP ปี 2563 จะหดตัวในกรอบ -7.0% ถึง -6.0% ขณะที่การส่งออกจะหดตัวในกรอบ -8.0% ถึง -7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัวอยู่ในกรอบ -1.0% ถึง -0.9%

โดยปี 2564 แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญในระยะข้างหน้า ที่ประชุม กกร. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบ 2.0% ถึง 4.0% ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3.0% ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.2%

อย่างไรก็ตามขณะที่มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทยได้มาเสนอในที่ประชุม กกร.ขอให้ภาครัฐพิจารณาข้อเสนอ 2 มาตรการ 1.มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2% พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี

ทั้งนี้เมื่อครบกำหนดแล้วให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้ามีหลักประกันไม่พอ ขอให้ บสย.หรือรัฐบาลเป็นผู้จัดตั้งกองทุนค้ำประกัน และไม่จำกัดสิทธิสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีวงเงินรวมเกิน 500 ล้านบาท 2.มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้าง50% Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม กกร.ได้มีการหารือเรื่อง ปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าอย่างรุนแรง โดยคาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้จะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2/ 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราค่าระวางเรือ และต้นทุนสินค้าของประเทศไทยด้วย โดย กกร.มีข้อเสนอประกอบด้วย 1.การแก้ปัญหาระยะสั้น เสนอให้สมาคมผู้ส่งออกสินค้าประเภทต่างๆประสานเจรจากับสายเดินเรือต่างๆโดยตรง เพื่อจัดทำสัญญาการใช้บริการ (Service Contract) ที่ระบุข้อตกลงในเรื่องค่าระวางเรือและการจัดสรรระวางเรือและจำนวนตู้สินค้าที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย

2.ส่งเสริมให้สายเดินเรือนำเรือแม่ขนาดใหญ่ของเส้นทางหลัก เช่น สายเอเชีย-ยุโรป สายเอเชีย-อเมริกา สายเอเชีย-ตะวันออกกลาง ฯลฯ เข้ามาเปิดบริการวิ่งตรง (Direct call service) ที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น โดยเสนอให้กรมเจ้าท่าปรับปรุงกฎระเบียบการนำร่องเรือเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบังที่ได้จำกัดความยาวเรือตลอดไว้ที่ 300 เมตรให้เพิ่มขึ้นเป็น 400 เมตร

3.ขอเสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าตู้เปล่าเข้ามา ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้สายการเดินเรือนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาเก็บไว้ในประเทศไทยมากขึ้น และยังจะช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจการบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศไทยอีกด้วย

อย่างไรก็ตามโดย กกร.ได้มีการหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชันที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประชุม กกร.จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"