เบื้องหลัง "หญิงหน่อย-คนใกล้ชิด" ไขก๊อกพ้นเพื่อไทย รับไม่ได้แกนนำพรรคบางคนเดินตามก้นก้าวไกล-ก้าวหน้า หนำซ้ำยังถูกดีดออกทุกวงอำนาจ ทั้งถูกบีบไม่ให้ไปช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียง สะพัด! อาจมีตั้งพรรคใหม่ ขณะที่ "จตุพร" ประกาศชัดไม่เผาผี พท.แล้ว ด้านสมาชิกรัฐสภาโหวตท่วมท้นรับหลักการร่างกฎหมายประชามติ

    เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า สาเหตุการตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค, นายโภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข และนายพงศกร อรรณนพพร คนใกล้ชิด เนื่องจากแนวทางการทำงานไม่ตรงกับกลุ่มผู้บริหารพรรคชุดใหม่ เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมที่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ รวมทั้งการแต่งตั้งกรรมการชุดอื่นๆ อีกหลายชุด
    ปรากฏว่าทีมงานสายตรงของคุณหญิงสุดารัตน์ถูกโละทิ้งแทบไม่เหลือ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการการเมืองขึ้นมาอีก 1 ชุด มีนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ทดแทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของคุณหญิงสุดารัตน์ที่ถูกยุบทิ้งไป
    และที่สำคัญ บทบาทการนำในพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์ ถูกตัดออกโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะคณะกรรมการชุดที่มีอำนาจสูงสุด หรือ “โปลิตบูโร” ไม่มีคุณหญิงสุดารัตน์หรือทีมงานเข้าไปเกี่ยวข้อง คณะกรรมการชุดดังกล่าวมีเพียง 7-8 คน นำโดย “คุณแจ๋ว” นางจุฑารัตน์ เมนะเศวต เพื่อนสนิทและเลขาฯ ส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล,  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด เป็นต้น  
    แหล่งข่าวระบุว่า คุณหญิงสุดารัตน์ยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางการขับเคลื่อนของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน บ่อยครั้งผ่านการหารือในกลุ่มแกนนำพรรคไม่กี่คน และรีบสรุปรวบรัดให้คนใกล้ชิดมาแจ้งต่อ ส.ส.ว่าเป็นมติพรรค แนวทางส่วนใหญ่ล้วนไปสอดคล้องกับทิศทางของพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า สอดรับกับการชุมนุมนอกสภาที่มีข้อเรียกร้องไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว ที่ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกพรรคและพรรคเพื่อไทย เพราะอาจถูกฝ่ายตรงข้ามหาข้ออ้างทางกฎหมายมาเล่นงานย้อนหลังได้  
    มีรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. ตามคำร้องขอจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะภาคอีสาน แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับผู้มีอำนาจในพรรค เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์ไปช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ที่พรรคไม่ได้สนับสนุน พร้อมตำหนิผู้สมัครนายก อบจ.และ ส.ส.ในพื้นที่ ถึงขั้นระบุว่า หากเชิญให้คุณหญิงสุดารัตน์ไปช่วยหาเสียง จะถูกตัดการสนับสนุนจากทางพรรค และจะไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์พรรคเพื่อไทยหาเสียงอีก จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจลาออกจากพรรคที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกในยุคพรรคไทยรักไทย
    มีรายงานอีกว่า ขณะนี้คนใกล้ชิดบางคนเสนอให้คุณหญิงสุดารัตน์ตั้งพรรคการเมืองของตนเอง แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ที่อาจจะไปจับมือกับกลุ่มการเมืองต่างๆ บางกลุ่มที่อยู่นอกวงการเมืองในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสี่กุมารของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ, พรรคกล้าของนายกรณ์ จาติกวณิช หรือแม้แต่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หนึ่งในแกนนำพรรคเศรษฐกิจใหม่
    อย่างไรก็ตาม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) อ้างว่ายังไม่ทราบเหตุผลการตัดสินใจในครั้งนี้ และไม่ทราบว่าบุคคลที่ลาออกไปนั้น จะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาหรือไม่ โดยตอนนี้ที่มีความชัดเจนคือการแยกกันทำงาน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าการแยกกันทำงานครั้งนี้เป็นปัจจัยจากรัฐธรรมนูญหรือเป็นยุทธศาสตร์ หรือมีปัญหาสั่นคลอนในพรรคเพื่อไทย โดยสามารถมองได้ทั้ง 2 แบบ แต่คิดว่ากลุ่มคนที่ลาออกไปยังคงมีอุดมการณ์เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย เพียงแต่อาจมีวิธีการทำงานที่ต่างกัน
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีแนวโน้มจะชวนให้มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ว่าเรื่องของเขา พร้อมปฏิเสธตอบคำถามว่าการลาออกดังกล่าวเป็นเกมอะไรหรือไม่
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ หากมีโอกาสตนจะโทรศัพท์ไปสอบถาม เพราะเคยเป็นผู้บังคับบัญชาตนในสมัยที่เข้ามาเล่นการเมืองช่วงแรกๆ โดยคุณหญิงสุดารัตน์เป็น รมว.สาธารณสุข และตนเป็น รมช.สาธารณสุข
      ผู้สื่อข่าวถามว่าจะชวนมาทำการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยบอกว่า “จะชวนนายเก่ามาอยู่ได้อย่างไร แต่ผมกับคุณหญิงสุดารัตน์สายสัมพันธ์ไม่มีจืดจาง เพราะเคารพนับถือกันมาตลอด และรู้จักกันมานาน ผ่านการเรียนหลักสูตรต่างๆ ร่วมกันมาตลอด หากมีจังหวะก็จะไปให้กำลังใจกัน ถามสารทุกข์สุกดิบ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา และในทางส่วนตัวคุณหญิงสุดารัตน์ก็ไม่ได้อยู่คนละขั้ว”
    เมื่อถามว่า คุณหญิงสุดารัตน์จะเล่นการเมืองต่อหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถามคุณหญิงสุดารัตน์
    ทางด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk กล่าวถึงนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงโดยนำรูปการ์ตูนการเมืองของเซียไทยรัฐ ซึ่งเปรียบเทียบตนเป็นแรมโบ้สอง แต่นายพิชัยมาเขียนกำกับว่า "เสียเลย" เพื่อให้คนแห่เข้าไปด่าในโพสต์ดังกล่าวว่า นายพิชัยไม่มีสิทธิ์มาหมิ่นน้ำใจตน หรือทั้งพรรคเพื่อไทยถ้าคิดจะรบกันก็รบกัน เอากันฉิบหายไปกันข้างหนึ่งก็ได้ เมื่อมาใช้วิธีการอย่างนี้กับตน เชื่อว่าใช้ไม่ได้มากที่สุด ความจริงความโสมม ถ้าจะยึดมาตรฐานกันแล้ว คุณพิชัยต้องชะโงกหน้าไปดูที่ภาคอีสานบางจังหวัด ไปเอาคนประชารัฐที่ประกาศตัวแท้ๆ มาลงนายก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย แล้วเพื่อไทยก็ขนกำลังไปไชโยโห่ร้องสนับสนุนเป็นนักประชาธิปไตย คุณปิดตาประชาชนได้ แต่ปิดตาตนไม่ได้
    นายจตุพรกล่าวต่อไปว่า ในจังหวัดเชียงใหม่นั้น การต่อสู้ช่วง 10 ปีนี้ แกนนำคนใดจากส่วนกลางไปเชียงใหม่แล้วมีแต่ตระกูลบูรณุปกรณ์คอยดูแลเท่านั้น แต่เขาไม่มายุ่งการเมือง ช่วงทำประชามติรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เป็นตระกูลเดียวที่ติดคุกทหารและพลเรือน อีกทั้งคนแวดล้อมก็พลอยโดนจับขังคุกหมดเช่นกัน แต่การที่พรรคเพื่อไทยไปเลือกอีกคนหนึ่งนั้น จึงต้องกล้ายืนยันอยู่ข้างเขา ถ้าต่อไปใครถูกกระทำเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยก็เป็นสิ่งถูกต้องทุกอย่างอย่างนั้นหรือ จะผลักใครออกจากพรรคก็ยัดข้อกล่าวหาให้ แล้วตัวเองดีหรือยัง ถ้าเรียงหน้ามาจะซัดให้ร่วงเลย
    "ขอถามว่าคุณหญิงหน่อย อาจารย์โภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข เขาต้องถูกข้อกล่าวหาอะไรอีกหรือเปล่า ตัวเองทำอะไร กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ทำงานการเมืองไร้ความเป็นมนุษย์ คนในสนามต่อสู้ถ้าไม่เจอแบบเราก็ไม่เข้าใจ" นายจตุพรกล่าว และว่า นายพิชัยมาตั้งหัวข้อแรมโบ้สอง และเขียนตั้งคำถามเสียเลยนั้น น้ำหน้าอย่างคุณ ผมน้อยชนิดหัวล้านไม่รู้สึกรู้สาอะไร เคยเล่าให้ฟังแล้วเมื่อเป็น รมต.พลังงาน 4 เดือนแต่ถูกปลดออกตำแหน่ง ตนยังช่วยตามหาความเป็นธรรมให้ เพราะอยากรู้
    ประธาน นปช.กล่าวด้วยว่า เตือนให้คิดดีๆ จะผลักตนให้เป็นศัตรูอีกคนก็ได้ไม่ขัดข้อง พร้อมจะรบกัน อย่ามาโพสต์ทะลึ่งแบบนี้ คุณไม่มีค่าอะไรกับผม หรือต้องการพิสูจน์มาดีเบตกัน ผมจะพูดให้ตาตั้ง ใครอยู่ตรงไหนอย่างไร วันนี้ชักมากไปใหญ่ ถ้าบริหารดีจะยกทีมกันออกมามากมายหรือ ซึ่งกำลังจะพังกันอยู่แล้ว ชอบกล่าวหาคนเห็นต่าง ทั้งที่พวกคุณตัวดีที่สุดเลย ข้อกล่าวหาคนอื่นไม่ดูตัวเองกันบ้าง บางจังหวัดถูกฟอกเป็นนักประชาธิปไตย ส่วนจังหวัดที่ติดคุกถูกย่ำยีว่าไปพลังประชารัฐ ทั้งที่ คสช.ขังเขา พักงานเขา พรรคนี้ไม่มีความเป็นคนเอาเสียเลย
    วันเดียวกัน ที่ประชุมสมาชิกรัฐสภา มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 1 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยลงมติด้วยคะแนน 560 เสียงต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 50 เสียง ทั้งนี้ ได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 49 คน.