ระทึก! ลุ้นคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดี พล.อ.ประยุทธ์อาศัยบ้านพักหลวง ศาลสุดเฮี้ยบออกประกาศคุมพื้นที่ 24 ชม. กำหนดบุคคลเข้าฟังคำตัดสิน พ่วงเตือนเรื่องละเมิดอำนาจ อ้างหน่วยงานความมั่นคงแจ้งสถานการณ์สุ่มเสี่ยง “ตร.” ส่ง 3 กองร้อยดูแล “เพนกวิน” ไหวตัวนัดชุมนุม 5 แยกลาดพร้าวแทน “บิ๊กตู่” ยังอารมณ์ดีแซว รมต.ใครจะทิ้งผม แต่หงุดหงิดสื่อหลังถามไปทัวร์สมุทรสงคราม “ก้าวไกล-ก้าวหน้า” สอดรับเป็นลูกคู่เตือนระวังสะเทือนหลักนิติรัฐ-นิติธรรมของประเทศ
เมื่อวันอังคารที่ 1 ธ.ค.2563 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าวที่ 25/2563 มีเนื้อหาตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยเรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ในวันพุธที่ 2 ธ.ค. เวลา 15.00 น.นั้น
เพื่อรักษาความเรียบร้อยในบริเวณที่ทำการศาล และเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และเพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ศาลจึงมีคำสั่งดังนี้ 1.กำหนดบุคคลให้เฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้รับมอบฉันทะ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น อยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลในวันดังกล่าว และให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจัดให้มีช่องทางการรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสื่อมวลชน และ 2.ออกประกาศศาลรัฐธรรมนูญเรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย พ.ศ.2563
ในช่วงท้ายของเอกสารข่าวยังมีข้อความเรื่องความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์สังคมระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 34 แต่หากเป็นกรณีการแสดงความเห็นในลักษณะของการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีที่มิได้กระทำโดยสุจริต โดยใช้ถ้อยคำที่มีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 38 และมาตรา 39 และอาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญยังเผยแพร่ประกาศศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง อาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ซึ่งลงนามโดยนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญด้วย โดยเนื้อหามีจำนวน 2 หน้า โดยหน้าแรกเป็นเนื้อหาประกาศ ส่วนหน้าสองเป็นแผนที่แนบท้ายประกาศดังกล่าว
ประกาศคุมพื้นที่ 24 ชม.
สำหรับเนื้อหานั้นสรุปว่า หน่วยงานทางความมั่นคงได้แจ้งต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่าจะมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุหรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น เพื่อให้กระบวนการพิจารณาของศาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงออกประกาศนี้ โดยได้กำหนดให้อาณาบริเวณหรือพื้นที่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายประกาศนี้ ใช้เป็นอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. เวลา 00.01 น. ถึงเวลา 23.59 น.
ทั้งนี้ อาณาบริเวณและพื้นที่ที่ศาลรัฐธรรมนูญประกาศนั้น กินพื้นที่เต็มทั้งอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรืออาคารเอ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ
มีรายงานแจ้งว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ศาลรัฐธรรมนูญออกประกาศลักษณะนี้ในการอ่านคำวินิจฉัย
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ศาลยังขึ้นข้อความพร้อมลิงก์รับชมการถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยของศาล โดยสามารถชมผ่านยูทูบในชื่อ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หรือ h ttps://www.youtube.com/channel/UC1V68XwFdV88jDKGGWBPFqQ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจดูความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัยศาลรัฐธรรมนูญว่า ผบช.น.มีความเป็นห่วงจึงสั่งให้ บก.น.2 และ สน.ทุ่งสองห้องที่เป็นเจ้าของพื้นที่ดูแลความเรียบร้อย ซึ่งจะเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. โดยเบื้องต้นจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ผลัดละ 3 กองร้อย ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นกำลังของ บก.น.2 และเสริมด้วย บช.น.
“มาตรการรองรับผู้ชุมนุมจะทำตามความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งขออนุญาตชุมนุมจากแกนนำกลุ่มราษฎรหรือกลุ่มใดๆ ซึ่งประชาชนสามารถติดตามการถ่ายทอดได้ที่บ้านอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาที่ศาลให้เกิดความเดือดร้อนหรือเกิดการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นสถานที่ราชการ มีเขตอำนาจศาล การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้ เพราะการมาชุมนุมมีความผิดทั้งทางอาญาและการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งต้องดำเนินคดีทุกกรณี” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว และว่า ยังได้มีการจัดกำลังไปดูแลตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่บ้านพัก และการเดินทางเข้า-ออกศาลรัฐธรรมนูญ รวมพร้อมที่จะพาตุลาการไปในที่ที่ปลอดภัยได้หากมีเหตุชุลมุน
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันที่ 2 ธ.ค. 16.00 น. โปรดไปที่ห้าแยกลาดพร้าว ถ้าศาลรัฐธรรมนูญให้ พล.อ.ประยุทธ์รอด เราจะไล่มัน แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญให้ พล.อ.ประยุทธ์ออก เราจะฉลองชัย #ม็อบ2ธันวาไล่จันทร์โอชาออกไป
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งตัวแทนไปฟังคำวินิจฉัยว่า ไม่รู้ ฝ่ายกฎหมายเขาคงไปฟังกันอยู่แล้ว สนใจว่าศาลจะตัดสินอย่างไรมากกว่า จะมาถามว่าจะเอาใครเข้าไปติดตามอะไรต่างๆ เข้าไปฟังก็ทำอะไรให้ตนเองไม่ได้อยู่แล้ว มันอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แยกหน้าที่กันให้ดีหน่อย
เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม ในวันที่ 2 ธ.ค. นอกเหนือจากตรวจราชการติดตามงานตามนโยบาย ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับตัวเองก่อนศาลตัดสินหรือไม่ นายกฯ กล่าวอย่างมีอารมณ์เล็กน้อยว่า มันเกี่ยวอะไรกันเนี่ย ตนก็ทำงานแบบนี้ ที่ผ่านมาก็มีคดีมีความอยู่ก็ชี้แจงไป เมื่อมีการตรวจสอบก็ชี้แจงไป ก็เท่านั้น ผิดคือผิด ไม่ผิดก็ไม่ผิด ก็จบ มันก็เหมือนคดีทั่วๆ ไป
มึน! บิ๊กตู่สองอารมณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับถอนหายใจแสดงความเบื่อหน่ายกับคำถาม และกล่าวต่อไปว่า ก็เคารพ และมันเป็นการวางกำหนดการไว้ล่วงหน้า เวลาทำงานจะวางกำหนดการไว้ล่วงหน้าประมาณสัก 2-3 สัปดาห์ เพราะมันต้องใส่ในตารางว่าสัปดาห์ไหนทำอะไรบ้าง ถึงวันนี้มีตรงนี้ ตอนบ่ายก็มีอย่างอื่นอีก และเอกสารก็มีรออยู่ข้างบนใช่หรือไม่ มีคนเข้ามาปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไรกันต่อ มีหน่วยงานมาพบ ทำงานทั้งวันอยู่แล้ว กลับบ้านก็มีการติดต่อทางโทรศัพท์บ้าง ถามทางไลน์บ้าง ก็ตอบไป ไม่เคยหยุดทำงาน ไม่อย่างนั้นทุกคนก็มองว่าวันนี้นายกฯ อยู่ที่ไหน มันก็ไม่ใช่ มันมีวิธีการทำงานตั้งหลายอย่างไม่ใช่หรือ โอเคนะ Thank you
ภายหลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายกฯ ได้เดินออกจากโพเดียมพร้อมกับกล่าวว่า แหม ถ่ายภาพกันใหญ่เลย จากนั้นระหว่างเดินไปห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์แสดงอาการหงุดหงิด บ่นว่า ถามอะไรให้มีความคืบหน้า ให้มีความสร้างสรรค์บ้าง ไม่ใช่ถามแต่ให้เกิดความขัดแย้ง
รายงานข่าวจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า ก่อนเข้าประชุม พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างอารมณ์ดี ได้เดินทักทายและแซวรัฐมนตรีต่างๆ อย่างเป็นกันเอง และในช่วงท้ายมีรัฐมนตรีหลายคนให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอบคุณ และเน้นย้ำให้ ครม.มาร่วมงานในวันที่ 5 ธ.ค. ทำให้มีรัฐมนตรีบางคนแซวว่า อย่างนี้แสดงว่าสบายใจ ไม่ต้องกังวลแล้วใช่หรือไม่ เพราะนัดหมายงานล่วงหน้าแล้ว ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ยังได้แซวรัฐมนตรีต่างๆ ว่า “พรุ่งนี้ใครจะอยู่กับผมบ้าง หรือใครจะทิ้งผมวันนี้ก็เอา”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยบริเวณศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธ.ค.ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการศาล ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ศาล ส่วนเรื่องการชุมนุมของกลุ่มราษฎรมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล
เมื่อถามว่า จะไม่มีเหตุไม่คาดฝันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีหรอก ไม่มี ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไปอยู่ในที่ของศาลอยู่แล้ว จะอยู่ดูแลข้างนอก ไม่มีปัญหาอะไร
ถามอีกว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่ถึงคำตัดสินที่จะออกมาว่ากังวลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้กังวล เป็นเรื่องของศาล และเมื่อถามย้ำว่าพรรคพลังประชารัฐได้เตรียมรายชื่อนายกฯ สำรองไว้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรได้หันมาตอบผู้สื่อข่าวทันทีว่า "ไม่มี"
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเลือกนายกฯ คนใหม่ หากศาลตัดสินเป็นผลทางลบ ว่าไม่ได้มีการเตรียมการ เพราะเป็นเรื่องที่ศาลจะวินิจฉัยในวันที่ 2 ธ.ค.
นายอนุทินกล่าวตอบคำถามกรณีมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขณะเรียกนายกฯ ได้หรือยัง ซึ่งนายอนุทินได้หัวเราะพร้อมกล่าวสั้นๆ ว่าเป็นนายกสมาคม พตส. (สมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ) ก็ดีแล้ว
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคแต่ได้ลาออกไปแล้ว ว่ายังมีข้อสงสัยในข้อกฎหมาย ว่าเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ลาออก จะยังคงอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ที่พรรคยื่นไว้ต่อ กกต.หรือไม่ แต่หากเทียบเคียงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จึงคาดว่าคุณหญิงสุดารัตน์น่าจะยังคงอยู่ ซึ่งพรรคก็ไม่ได้เตรียมพร้อมกับการอ่านคำวินิจฉัย แต่เป็นกังวลผลที่จะเกิดจากคำวินิจฉัย โดยหวังว่าคำวินิจฉัยที่ออกมาจะมีเหตุผลทำให้ทุกฝ่ายยอมรับได้
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวในประเด็นนี้ว่า สังคมกำลังจับตา ซึ่งหลายคนให้ความเห็นว่ารอด จากกระบวนการและสถิติที่ผ่านๆ มาว่ารอดมาโดยตลอด ชกเหมือนนายสามารถ พยัคฆ์อรุณ นักมวยชื่อดัง ต่อให้ต้อนเข้ามุมอย่างไรก็หลบได้ทุกหมัดอยู่แล้ว ที่สำคัญตัวรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ห้ามรับประโยชน์อื่นใด ระเบียบของกองทัพที่มีการยกเว้นต่างๆ ไม่อาจเทียบเคียงได้กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งในเดือน ก.พ.2563 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ได้โทรศัพท์ไปบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยตัวเองว่า พี่ครับ ผมต้องทำกรณีบ้านพักสวัสดิการทหารกำหนดให้นายทหารที่เกษียณแล้วออกจากบ้านพักภายในสิ้นเดือน ก.พ. 2563 ก่อนที่จะมีข้อยกเว้นออกมา ดังนั้นหมายความว่า ผบ.ทบ.ขณะนั้นก็ยอมรับว่าจริงๆ แล้วนายทหารที่เกษียณแล้ว จะอยู่บ้านพักต่อไปไม่ได้ แต่มีการปล่อยปละละเลย สุดท้ายก็ได้บังคับในระเบียบข้อที่ 14.2 ระบุไว้ว่า บุคคลที่พ้นจากการเป็นข้าราชการไม่ว่าจะกรณีใด ต้องย้ายออกจากบ้านพัก ประกอบกับข้อ 15.1 จะต้องย้ายออกภายใน 180 วัน
กางตัวเลขอัดบิ๊กตู่
"ดังนั้นหากคำนวณจริงๆ ถ้านับจาก พล.อ.ประยุทธ์เกษียณสิ้นเดือน ก.ย.2557 ในวันที่ 1 เม.ย.2558 จะต้องไม่อยู่แล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็อยู่มาเรื่อยๆ รวม พล.อ.ประยุทธ์อยู่บ้านพักแบบฟรีๆ ทั้งหมด 4 ปี 11 เดือน ซึ่งตรวจสอบแล้วมูลค่าบ้านเช่าย่านพญาไท ตกเดือนละ 4.9 หมื่นบาท คำนวณคร่าวๆ ทั้งหมดก็เป็นเงินประมาณ 2.9 ล้านบาท ซึ่งเกิน 3,000 บาท ตามประกาศ ป.ป.ช.อยู่แล้ว”
นายวิโรจน์กล่าวว่า มีข้อโต้เถียงว่านายกฯ ไม่อยู่บ้านพิษณุโลก เพราะต้องซ่อมแซม ต้องมาอยู่บ้านพักทหารที่กรมทหารราบ ได้สอบถามไปยังกรมยุทธโยธาทหารบก ว่ามีการซ่อมแซมและตกแต่งภายในไปกี่ครั้ง ซ่อมแซมเหล่านั้นเป็นไปตามแบบบ้านพักของข้าราชการปกติหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ต้องติดตามคำวินิจฉัยของศาลว่าจะเป็นอย่างไร แม้หลายคนจะเชื่อว่านายกฯ อยู่ต่อ แต่เชื่อว่าจะต้องตามดูว่าจะอยู่ต่อแบบช้ำขนาดไหน
น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวว่า หากประเทศไทยยังมีนิติรัฐและนิติธรรม พล.อ.ประยุทธ์ก็ควรต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ไม่มั่นใจว่าประเทศนี้ปกครองด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม จึงเป็นไปได้ว่าคำพิพากษาอาจไม่ออกมาตามที่ควรจะเป็น แต่การพ้นตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีมากนัก เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้เพียงแต่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก แต่เรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถามว่า หากกรณีศาลตัดสินไม่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ คาดการณ์ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เป็นไปได้สูงว่าความไม่พอใจของประชาชนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตกจากเก้าอี้ แต่นี่จะเป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าหลักนิติรัฐไม่สามารถใช้งานได้ และจะทำให้ประชาชนหมดศรัทธาในสถาบันหลักของประเทศ อย่าให้ประชาชนหมดศรัทธาสถาบันอันเป็นหนึ่งในอำนาจหลักของประเทศเลย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ในอดีตศาลเคยมีการพิจารณาคดีในทางเทคนิคในทางกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือกฎหมายพรรคการเมือง อย่างเรื่องนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ก็เป็นการขัดผลประโยชน์ มีผลทำให้นายสมัครพ้นจากการเป็นนายกฯ รวมถึง ครม.ทั้งคณะก็พ้นจากตำแหน่งเช่นกัน อีกคดีก็มีอดีตกรรมการผู้บริหารพรรคหนึ่งไปทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วก็ถูกใบแดง ก็มีผลทำให้ต้องยุบทั้งพรรค จนส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ รวม ครม.ในขณะนั้นต้องพ้นตำแหน่งจากเรื่องเล็กๆ เท่านั้น ทำให้ช่วงนั้นหลายคนมองว่าศาลรัฐธรรมนูญนำเรื่องเล็กๆ มาแก้ปัญหาทางการเมือง เพื่อยุติการชุมนุม ซึ่งไม่ถูกต้อง ถ้าเอาเรื่องทางเทคนิคมาใช้การแก้ปัญหาทางการเมือง
“กรณี พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าถูกผิดอย่างไร เพราะเคยเสนอความคิดไปก่อนหน้านี้ในชั้นที่ยังไม่ขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่คิดว่าคนอยากเห็นระบบนิติธรรมถูกต้อง ผมไม่อยากฝากความหวัง คาดหวังให้เอาเรื่องทางเทคนิคข้อกฎหมายเช่นนี้มาแก้ปัญหาทางการเมือง ไม่ขอแสดงความเห็นกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพียงให้ข้อคิดเห็นแก่คนที่คาดหวังว่าจะใช้เรื่องนี้มาแก้วิกฤติทางการเมืองได้หรือไม่ การแก้ปัญหาการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมือง และประชาชนต้องช่วยแสดงความเห็นให้ชัดเจนหนักแน่น” นายจาตุรนต์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |