ไม่กังวลคดีบ้านหลวง ‘บิ๊กตู่’ลั่นอย่าตีตนไปก่อนไข้ยันเคารพคำตัดสิน/3นิ้วร่วมขย่ม


เพิ่มเพื่อน    

 

"ประยุทธ์" ลั่นไม่กังวลคดีบ้านพักหลวง  บอกอย่าตีตนไปก่อนไข้ รับไม่กลัวอาถรรพณ์บ้านพิษณุโลก เพราะห้อยพระ ทำความดี มีหิริ โอตตัปปะ "เพื่อไทย" ตีปลาหน้าไซยกความผิดสารพัดเพิ่มเติม "อานนท์" ร่วมขย่มใช้สามัญสำนึกก็รู้ว่าผิด "บิ๊กกวิ้น" ไม่กลัวละเมิดอำนาจศาลเพราะไม่เคยยอมรับ
    เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน มีการวิเคราะห์กันอย่างมากถึงกำหนดนัดที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่กรณีพักบ้านหลวงทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว ในวันพุธที่ 2 ธันวาคมนี้ ในเวลา  15.00 น.
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องการวินิจฉัยของศาลอย่าไปคาดเดา เห็นว่าทุกคนให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าว ในส่วนของตนไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่เคารพ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร วันนี้ไม่ขอวิจารณ์ ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมนัดรวมตัวกันที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้น คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง การเดินทางไปกดดันในสถานที่ต่างๆ อาจผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านั้นศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมาตรการมาแล้วหลังจากที่คนไปประกาศและกดดันมาตรการต่างๆ ของศาลจนกลายเป็นคดีความ ขอให้ระมัดระวัง
    เมื่อถามว่าได้เตรียมแผนรองรับหรือไม่หากศาลวินิจฉัยในทางลบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องว่ากันอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป อย่าเพิ่งไปคิดล่วงหน้า เมื่อคำตัดสินออกมาค่อยว่ากัน ย้ำว่าเคารพคำตัดสินของศาล ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
    เมื่อถามว่ามีแนวคิดไปอยู่บ้านพักนายกฯ ที่ถนนพิษณุโลกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดูความเหมาะสมเพราะขณะนี้ยังซ่อมแซมไม่เรียบร้อย แม้เคยซ่อมแซมมาแล้วแต่ก็ชำรุดไปตามกาลเวลา
    เมื่อถามว่าการเข้าพักบ้านพิษณุโลกไม่สะดวกอย่างไร  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใหญ่โตเกินไป ต้องไปดูว่าความเหมาะสมเป็นอย่างไร ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าบ้านดังกล่าวมีอาถรรพ์นั้น คิดว่าคงไม่ เพราะเมื่อเราตั้งใจไปทำความดีก็คงไม่ต้องกลัวอะไร พระตนก็ไหว้และคล้องพระด้วย อีกทั้งพระก็อยู่ในใจ หากเราทำความดีเพื่อชาติ แผ่นดิน และพระมหากษัตริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครองเรา
“ที่ผมยืนมาได้ทุกวันนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผม  เพื่อทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า ผมก็ระมัดระวังหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการทุจริตและทำผิดกฎหมายที่ระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวสักอย่าง ที่ผ่านมาทั้งหมดรู้แก่ใจดี และมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป รวมทั้งมีหิริ โอตตัปปะ ผมนับถือศาสนาพุทธก็ต้องนำสิ่งเหล่านั้นมาปฏิบัติ ผมพยายามทำเต็มที่” นายกฯ ระบุ
    เมื่อถามว่าได้เตรียมบ้านพักข้างนอกไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็มีบ้านพัก ถ้าเขาไม่ให้อยู่ก็ต้องไป  เพียงแต่พื้นที่บ้านมีความจำกัด คิดว่าคงไม่มีใครทำร้าย  แต่ผู้นำทุกประเทศต้องได้รับความคุ้มครอง จะให้ตนเองโดดเดี่ยวคนเดียวคงไม่ใช่ ในต่างประเทศมีการคุ้มครองดูแล
    เมื่อถามว่าได้หารือกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่  เพราะหากศาลตัดสินว่าผิดก็ทำให้ ครม.หลุดทั้งคณะ  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้หารือกัน ขอให้ผลคำตัดสินออกมาก่อนค่อยว่ากัน อย่าไปคิดล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาก็ตัดสินใจง่ายอยู่แล้ว ผลออกมาอย่างไรก็ตามนั้น ทุกอย่างมีคิดแบบระยะสั้นและยาว ไม่ได้กังวลอะไร แต่กังวลอย่างเดียวคือการทำอย่างไรให้ประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์มีความปลอดภัยและเดินไปข้างหน้าได้ เพราะเป็นแกนหลักของประเทศ
ย้ำนายกฯ ไม่กังวล
    นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 ว่านายกฯ ไม่มีความกังวลอะไร มีการพูดคุยหยอกล้อตามปกติ
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ปฏิเสธตอบคำถามในเรื่องนี้ โดยระบุว่าศาลจะตัดสินอยู่แล้ว ไม่ควรพูดอะไรตอนนี้ ต้องถามทางทหาร ไม่ทราบเรื่อง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยอยู่บ้านพักทหาร  
    เมื่อถามว่านายกฯ ได้เคยปรึกษาข้อกฎหมายเรื่องดังกล่าวบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เคยมีพูดคุยเมื่อช่วงเดือน ม.ค.63 เมื่อครั้งถูกยื่นฟ้องใหม่ๆ โดยมีทหารกรมสวัสดิการทหารบกมาพูดคุยกันแล้ว จากนั้นก็ไม่ทราบเรื่องต่อจึงไม่รู้เรื่อง ซึ่งทหารชี้แจงได้บอกว่าจะเป็นพยานและให้การหากศาลเรียก จึงทราบเพียงเท่านี้ เพราะเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ก.พ. หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทราบเรื่องแล้ว
    ถามอีกว่านายกฯ ระบุว่าขณะนี้บ้านพิษณุโลกอยู่ระหว่างซ่อมแซม นั่นหมายความว่านายกฯ จะมาใช้บ้านพิษณุโลกใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามนายกฯ เอง  
    เมื่อถามว่าตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ  แล้วไม่มีนายกฯ คนใดพักอาศัยที่บ้านพิษณุโลกเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เข้าพักไม่มี แต่เข้าไปทำงานนั้นมี  และเมื่อปี 2557 เมื่อครั้งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) เข้ามาใหม่ๆ จึงต้องซ่อมแซม ซึ่งรองนายกฯ สมัยนั้นคือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เข้าดำเนินการซ่อมแซมเป็นการใหญ่อยู่เกือบปี ส่วนใกล้เสร็จสิ้นหรือยังก็ไม่รู้ ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
    นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ครม.ทุกคนยังคงทำหน้าที่ตามปกติ ไม่มีใครกังวลอะไร และไม่มีรัฐมนตรีคนไหนหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกัน เพราะถือว่าเรื่องนี้มีระเบียบภายในของกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว ซึ่งพรรคก็ไม่มีความเป็นห่วง เพียงแต่ห่วงเรื่องทำความเข้าใจกับประชาชนว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่เงื่อนไขเพิ่มระดับการชุมนุม
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า พรรคไม่พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาก็ถือว่าผูกพันทุกองค์กร
ยกความผิด 'บิ๊กตู่' เพิ่มเติม
    ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเรื่องนี้ว่า การพักอาศัยของ พล.อ.ประยุทธ์ในบ้านพักรับรอง นอกจากเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนแล้ว ยังมีประเด็นที่อยากนำเสนอเพิ่มเติม คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งกำหนดว่าต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะไม่ดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ และใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายบ้านเมือง 2.การนำเอาเรื่องการรักษาความปลอดภัยมาเป็นข้ออ้างนั้นฟังไม่ขึ้น  เพราะข้อเท็จจริงที่อดีตผู้บัญชาการทหารบกกล่าวอ้างเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย เป็นเพียงการคาดคะเน รวมทั้งนายกฯ ในอดีตหลายท่านต่างก็พักบ้านส่วนตัวกันทุกท่าน หรือพักบ้านพิษณุโลก หากห่วงเรื่องความปลอดภัย สามารถส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลได้อยู่แล้ว หากคนที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่กล้าอยู่บ้านพักตนเอง แล้วเรื่องความปลอดภัยจะมาคุ้มครองดูแลประชาชนได้อย่างไร และ 3.รัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคท้าย กำหนดว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ
    “คำวินิจฉัยนี้จะเป็นบรรทัดฐานในอนาคตว่า ข้าราชการเกษียณอายุราชการไปแล้วสามารถอยู่บ้านหลวงฟรีได้ ใช้น้ำประปาฟรีได้ ใช้กระแสไฟฟ้าฟรีได้หรือไม่” นายประเสริฐกล่าว
    น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า เป็นอีกคดีที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศเฝ้าจับตามองการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2540  แต่ที่มาผ่านองค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้การแต่งตั้งของ  คสช. ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ขององค์กรเหล่านั้น เพราะบางเรื่องขัดกับความรู้สึกของประชาชน จึงขอเชิญชวนประชาชนเฝ้าติดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ จะเป็นอีกครั้งที่ทำให้ประชาชนได้เห็นบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจลาออกก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จะเป็นทางออกที่ตรงกับข้อเรียกร้องของประชาชนที่ออกมาชุมนุม และเป็นทางลงเดียวที่สง่างามที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ในเวลานี้” น.ส.อรุณีกล่าว
    ขณะที่นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ระบุเรื่องนี้ว่า ถ้าตามกฎหมายก็ต้องออก อยู่บ้านหลวงถ้าไม่ออกเราก็อยู่บ้านหลวงกันหมดถ้าเกษียณแล้ว จริงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน อยู่บ้านหลวงรับประโยชน์เกินกว่า 3,000  บาทก็ผิดกฎหมาย ถ้ามองจากสามัญสำนึกมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว โดยในวันที่ 2 ธ.ค.การชุมนุมเหมือนเดิมคือชุมนุมอย่างสงบ ส่วนจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์หรือไม่นั้น ถ้าตอบมันก็ไม่เซอร์ไพรส์
นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กล่าวตอบคำถามที่ว่าศาลเคยให้โอกาสจากการละเมิดอำนาจศาล แล้วหากไปชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญจะกลัวเป็นคดีอีกหรือไม่ว่า ตนไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาล การที่ศาลจะได้รับการยอมรับต้องวางตัวเป็นกลาง ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม  พิทักษ์ไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ แต่หลายครั้งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าศาลนี้หลักลอยไร้แก่นศาล นายว่าอย่างไร ใบสั่งว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น
“อยากสื่อไปถึงอาจารย์นครินทร์ที่ไปเป็นคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้อาจารย์มีสามัญสำนึก มีกระดูกสันหลัง ไม่อยากให้เพื่อนนักศึกษาเผาอาจารย์ ที่ผ่านมาฝ่ายเผด็จการตั้งโจทย์ให้เราตอบตลอด ทั้งโจทย์การรัฐประหาร โจทย์เรื่องการรณรงค์ประชามติ วันนี้เราตั้งโจทย์บ้างว่าจะเอาประยุทธ์ออกหรือไม่ ถ้าอยากประนีประนอมกับประชาชนก็ต้องเอาประยุทธ์ออก ถ้าไม่เอาประยุทธ์ออกคือการท้าทายเจตจำนงประชาชน” นายพริษฐ์ระบุ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"