"บิ๊กตู่" ฮึ่มจับตาเพื่อแม้วบินพบ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ส่อผิดกติกาไปไม่ได้ "ประวิตร" ไฟเขียวอ้างไร้ระเบียบห้าม กกต.ขู่ขืนรับใบสั่งระวังถูกยุบพรรค-ตัดสิทธิ์การเมือง พท.แห่หารือนายใหญ่ ไขปมดูด ส.ส. ปรับยุทธศาสตร์สู้ศึกเลือกตั้ง นปช.อีสานเอาแน่เตรียมตั้งพรรค

    เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า เท่าที่ คสช.ดูอยู่ จริงๆ แล้วไม่ได้ และจะไปหาเสียงอะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ตอนนี้กำลังให้ติดตามดูอยู่ว่าใครทำผิดกติกาเหล่านี้บ้าง หลายคนฉวยโอกาสเหมือนกัน แม้กระทั่งช่วงสงกรานต์ไปเดินที่นั่นที่นี่ คุยกับคนนั้นคนนี้ เป็นการหาเสียงหรือไม่ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่
    เมื่อถามว่า คสช.จำเป็นต้องออกคำสั่งใหม่ห้ามนักการเมืองเดินทางออกนอกประเทศ หรือต้องแจ้งก่อนเดินทางหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มี ทุกคนต้องรู้ จะสั่งอะไรกันบ่อยนัก เมื่อคำสั่งออกมา ถ้าทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งก็จบ และคำสั่งที่ออกมาไม่ได้ให้เอื้อประโยชน์ใคร เพียงแค่ให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยเพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง หากมีความขัดแย้งกันตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง แล้วจะไปเลือกตั้งกันได้อย่างไร นั่นคือวัตถุประสงค์ของตน 
    "จะออกคำสั่งอะไรกันบ่อยๆ พอออกมาก็มีโต้กันอีกแล้ว จะให้ออกกันถึงเมื่อไหร่ ทำไมไม่รู้จักทำงาน เพื่อความสงบสุขสันติของสังคมโดยรวมกันบ้าง ทุกคนพยายามจะสร้างเรื่องสร้างเหตุการณ์กันตลอด แล้วก็ให้รัฐบาลใช้อำนาจออกคำสั่ง เสร็จแล้วก็มีการโต้กลับมาที่รัฐบาล หาว่ารัฐบาลต้องการจะสืบทอดอำนาจ มันก็วนกันอยู่อย่างนี้ สื่อก็รู้ดีอยู่" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า มีระเบียบห้ามหรือไม่ ซึ่งคำสั่ง คสช.ที่ 21/2557 เรื่องห้ามบุคคลออกนอกราชอาณาจักรยกเลิกไปแล้ว ก็สามารถไปได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ประเมินว่าการปรากฏตัวของสองอดีตนายกฯ สอดคล้องกับการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค.นี้
    แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงเปิดเผยว่า การปรากฏอีกครั้งของนายทักษิณ หวังการตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในช่วงที่มีกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายไปสังกัดพรรคเล็ก รวมถึงกลุ่มทุนที่เคยให้การสนับสนุนพรรคมาก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งเชื่อว่าจะมีการพูดคุยบุคคลที่จะมาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ ที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แม้จะมีชื่อของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยเป็นตัวเลือกอยู่ก็ตาม
    พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช. กล่าวว่า อยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคน หากอะไรที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงในประเทศ ตนก็ไม่อาจไปอะไรเท่าใดนัก และขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็น ซึ่งทางการข่าวไม่ได้ติดตาม เพราะเป็นเรื่องของระหว่างประเทศดำเนินการไป ส่วนการเคลื่อนไหวของ 2 อดีตนายกฯ ช่วงเดียวกับจะมีการชุมนุมในประเทศนั้น ไม่ทราบ เพราะทุกอย่างมีกลไกในการติดตามการเคลื่อนไหวของนายทักษิณอยู่แล้ว
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า กรณีมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปหานายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในต่างประเทศนั้น ต้องดูว่าเข้าลักษณะการครอบงำชี้นำโดยบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง ไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว รวมถึงการนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาสู่พรรคก็ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อน หากพบว่าผิดจริง ตามกฎหมายกำหนดโทษให้ต้องยุบพรรคและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
แห่พบนายไขปมดูด
    ทางด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จะมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เพื่อไปพบกับนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค.นี้ โดยอดีต ส.ส.ที่เดินทางไปครั้งนี้ไปในนามส่วนตัว เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้ปลดล็อกการเมือง อาจจะมีเรื่องการหารือเรื่องกระแสดูดและหาตัวผู้นำพรรคคนใหม่ แต่เรื่องนี้พรรคไม่เร่งรีบ เพราะตัวบุคคลที่เป็นแคนดิเดต ทั้งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค หัวหน้ากลุ่ม กทม.เพื่อไทย สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ทั้งนั้น
        นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเดินทางไปพูดคุยของอดีต ส.ส.เพื่อไทย กับอดีตนายกฯ เป็นเรื่องปกติ ที่พรรคจะต้องประเมินสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง คสช.คงห้ามไม่ได้ ขนาดเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ยังหันกลับมาจับมือกัน
        มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่า การเดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รวมถึงครอบครัว คนใกล้ชิดไปพบ โดยจะวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในไทยขณะนี้ ที่กำลังมีปรากฏดูดนักการเมืองจากพรรคและกลุ่มต่างๆ ไปเป็นแนวร่วมของรัฐบาล คสช. ชิงการนำในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องปรับยุทธศาสตร์ทางการเมืองใหม่
         รวมทั้งหารือแกนนำพรรคในการเตรียมวางตัวรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ โดยเฉพาะตัวบุคคลขึ้นเป็นผู้นำหรือหัวพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ที่จะนำพรรคต่อสู้ในศึกเลือกตั้งสมัยหน้า เนื่องจากหลังจากนี้จะเริ่มเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ผู้สมัครจะต้องลงพื้นที่ รวมถึงยอดสมาชิกพรรคที่ลดฮวบ ขณะเดียวกันจะติดตามความเคลื่อนไหวร่วมกับแกนนำพรรค กรณีที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งและอีกหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มพีมูฟ กลุ่มไอลอว์ นัดชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปในวันเสาร์ที่ 5 พ.ค.
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าไม่มีคนชวนก็ไม่ไป ถ้ามีคนชวนก็อาจจะไป เพราะไม่ได้มีโปรแกรมอะไรกับนายทักษิณ ไม่ได้มีปัญหาหัวใจ เฉพาะคนที่มีปัญหาหัวใจถึงจะไปกัน 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธข่าวที่ระบุอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนายทักษิณ เนื่องจากเกิดปัญหาการส่งผู้สมัคร ส.ส.บางพื้นที่เกิดความทับซ้อนว่า ไม่ทราบว่าข่าวนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมาก ขณะนี้ยังไม่มีการปลดล็อกทางการเมือง พรรคการเมืองยังไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ยังไม่มีใครทราบว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร จึงยังไม่มีใครทราบว่าใครจะได้ลงพื้นที่ไหนหรือไม่ได้ลงอย่างไร และเมื่อปลดล็อกทางการเมืองแล้ว พรรคจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด 
    ทั้งนี้ ระหว่างที่การเมืองติดล็อก พรรคการเมืองมีข้อจำกัดมากมาย คงไม่สามารถไปกระทำการใดๆ ได้ ส่วนคนที่เดินทางไป ถ้ามีคงเป็นเพราะความเคารพรักกัน ไม่มีนัยทางการเมืองใดๆ ไม่มีการไปแก้ปัญหาการเมืองในพรรคนอกพรรคอะไรทั้งสิ้น จึงขออนุญาตเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
    นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์อินสตาแกรมถ่ายรูปคู่กับนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยระบุข้อความว่า "วันนี้ผมได้มีโอกาสพบนายกฯ ทั้งสองท่าน ทุกคำที่พูดกันคือความเป็นห่วงพ่อแม่พี่น้อง ระบบการศึกษาของประเทศ และวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ในแง่มุมของท่าน แถมก่อนกลับผมได้ของฝากด้วย เป็นถั่ว pistachio จากดูไบ รักและคิดถึงท่านทั้งสองเสมอนะครับ"
แดงอีสานจ่อตั้งพรรค
    นายสิระ พิมพ์กลาง แกนนำคนเสื้อแดงสกลนคร และหนึ่งในผู้ต้องหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์เมื่อปี 2552 เปิดเผยว่า ในนามกลุ่มสภาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เคยร่วมต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยกับกลุ่ม นปช.มาโดยตลอด ยืนยันจะเดินหน้าจัดตั้งพรรคการเมือง แม้ตนจะเป็นแนวร่วมเสื้อแดง แต่ไม่ได้ปิดกั้นกลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อหลากสี ที่มีแนวคิดอุดมการณ์เรื่องประชาธิปไตยตรงกัน ขอเชิญชวนให้มาร่วมงานกัน 
    อย่างไรก็ตาม วันนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า นปช.ส่วนกลาง นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะไม่ก่อตั้งพรรคคนเสื้อแดง ส่วนแนวร่วมคนอื่นๆ หากใครมีแนวคิดตรงกัน ทั้งระดับแกนนำส่วนกลาง แกนนำพื้นที่ ระดับจังหวัด ท้องถิ่น สามารถมาร่วมงานกันได้ หลังจากเคยพูดเรื่องแนวคิดทำพรรคก่อนหน้า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแนวร่วมคนเสื้อแดง ได้ติดต่อมาหาสนับสนุนแนวทางการทำพรรคที่ต้องนำพาประเทศสงบสุข ไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก หากใครสนใจในแนวทาง ตนยินดีพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย
    นายสิระกล่าวว่า จุดประสงค์เพื่อทำให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนเป็นใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ของกลุ่มทุน มีเศรษฐีคอยชี้นิ้วสั่งการ มีอำมาตย์ มีพวกอนุรักษนิยมแทรกเข้ามาในระบอบประชาธิปไตยในพรรคการเมือง ประชาธิปัตย์หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทย ต่างมีกลุ่มของตัวเอง ไม่ได้มองประชาชนเป็นหลัก ไม่เห็นหัว ถามว่าสมาชิกพรรคก่อนหน้านี้มีใครเคยได้รับเชิญไปร่วมแสดงความเห็น มีส่วนร่วมเสนอนโยบายบ้าง เราต้องการทำพรรคเป็นเนื้อเดียวกับประชาชน มีแนวทางที่จะทำหลายอย่าง อาทิ สนับสนุนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ให้เติบโตได้ด้วยความรู้ความสามารถของตัวเอง ไม่ต้องคอยยึดติดกับรุ่น สิงห์สีนั้นสีนี้ แล้วไปสร้างระบบมาเฟียในกระทรวงหรือในรุ่น ควรต้องสนับสนุนให้เกิดการแข่งขัน วัดกันที่ผลงานกันจริงๆ ในส่วนของความเป็นพรรค.