มีม็อบก็เลือกตั้งยาก ประยุทธ์เตือนก๊วนชุมนุมสงครามนํ้าลาย‘ดูด’ไม่จบ


เพิ่มเพื่อน    

 "ประยุทธ์" สั่ง ก.พ.เปิดหลักสูตร ป.ย.ป.เชิญนักการเมืองเข้าอบรมร่วมกับ ขรก.ทุกภาคส่วน  หวังปรับกระบวนการความคิดก่อนจะเลือกตั้ง ขู่ก๊วนชุมนุม 5 พ.ค. ทำแบบนี้ยิ่งจะไม่ได้เลือกตั้ง "เพื่อแม้ว" ซัด ครม.สัญจรบุรีรัมย์สร้างเพาเวอร์ดูด "ก๊วนอนุทิน-เนวิน" เตือน ส.ส.เหนือ-อีสาน ออกไปสอบตกแน่  "วัชระ" โต้ "สมคิด" อยู่กับรัฐบาลเผด็จการ ไม่มีสิทธิ์มาแนะนำ "มาร์ค" ชี้รู้อยู่แก่ใจ ให้เอาความจริงมาพูด  อย่าเอาประโยชน์มาต่อรอง

    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมานั้นเราคงคุ้นเคยการทำงานของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนฯ หรือ ส.ส.ในสภา ที่แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาลกับ ฝ่ายค้าน ซึ่งต่างก็ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนกัน เรามักจะเรียกว่าฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล ทำไมเราไม่ลองเรียกดูว่าในทางปฏิบัติก็เรียกว่าฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายรัฐบาล อีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายค้านและสนับสนุน ฝ่ายค้านก็คือว่ามีการตรวจสอบ มีการทักท้วงแต่เรื่องใดก็ตามที่เป็นยุทธศาสตร์ชาติ เป็นนโยบายที่มีการปฏิรูป ก็ต้องสนับสนุนกัน ไม่งั้นมันก็ล้มกันไปหมด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง ประเทศชาติก็ไม่มีแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน 
    "มันอาจเปลี่ยนชื่อไม่ได้นะ แต่ผมอยากให้สร้างความรู้สึกใหม่ๆ ขึ้นมา เรียกว่าฝ่ายรัฐบาล อีกฝ่ายก็ฝ่ายค้านและสนับสนุน เพื่อจะได้มีการตรวจสอบด้วย ไม่อยากให้ค้านกันไปกันมาทุกเรื่อง ค้านก็เพื่อเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุลในสิ่งที่มันควรจะเป็น ติเพื่อก่อ มีข้อเสนอแนะ บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง เพื่อสนับสนุนให้การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ไม่ว่าจะจากพรรคใดก็ไม่สำคัญ แต่ต้องมีธรรมาภิบาล มีโครงการ มีแผนงาน มีนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสม"
    นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ถ้าหากเป็นเช่นนั้นได้ เราก็จะเป็นการสร้างวัฒนธรรมการปรองดองที่ไม่ใช่การเอาชนะคัดค้านกัน เหมือนการโต้วาที ที่มุ่งเป้าหมายของตัวเองเป็นหลัก โจมตีกันไปกันมา แล้วก็ปิดทุกประตูทางออก ปฏิเสธทุกข้อเสนอ ทุกความเห็นต่าง เหมือนพยายามผลักปัญหาเข้าสู่ทางตัน สุดท้าย แล้วประเทศชาติและเราทุกคนก็เป็นผู้เสียหาย จึงขอฝากให้ช่วยกันพิจารณาการสร้างวัฒนธรรมการปรองดองนี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานใหม่กับสังคมไทย
    ที่อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ว่าวันนี้ได้ย้ำกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าจะต้องเปิดหลักสูตรการสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือ ป.ย.ป.รุ่นที่ 3 ขึ้นมา เพื่อให้ข้าราชการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะท้องถิ่นเข้าอบรม และเปิดโอกาสให้นักการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองที่สนใจเข้าอบรมด้วย เพื่อให้รู้ว่าเราจะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร ประเทศเราควรจะต้องมียุทธศาสตร์อย่างไรเพื่อสร้างความเข้าใจ
เชิญนักการเมืองอบรม
    “ก็ขอเชิญนักการเมืองส่งตัวแทนเข้ามารับอบรม เพื่อปรับกระบวนการความคิด เพิ่มพูนหลักคิดว่าระบบราชการเป็นอย่างไร วันหน้าการเมือง ระบบราชการ และประชาชน ต้องไปด้วยกัน ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ผมก็คาดหวังเพียงแค่นั้น ถ้าเราไม่มีการร่วมกันคิดร่วมกันทำ วันหน้าทุกอย่างกลับไปกลับมา ก็ทำให้เกิดปัญหา” นายกฯ กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังกับการเปิดหลักสูตรครั้งนี้อย่างไร จะต้องจบก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องจบก่อน แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะมารึเปล่า แต่มีแน่นอนในระดับปลัดอำเภอ อบต. อบจ. เพราะเหล่านี้อยู่ในการบริหารงานของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ซึ่งที่ผ่านมาครั้งที่ 1-2 เป็นการอบรมระดับกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี และรองผู้ว่าฯ และในครั้งนี้จะเป็นในระดับท้องถิ่น ซึ่งทั้งหมดเป็นการทำงานสอดประสานกันอย่างดี จะต้องมีการเข้าใจกระบวนการเหล่านี้ เพราะจะสอดคล้องไปในเรื่องการทำแผนงาน การใช้จ่ายงบประมาณในวันหน้า
    ด้านนางเมธินี เทพมณี เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า หลักสูตร ป.ย.ป.มาจาก ปฏิรูป ยุทธศาสตร์ และปรองดอง จะเชื่อมโยงกับท้องถิ่นและระดับการเมือง ซึ่งเป็นความท้าทายมาก โดยนายกฯ ได้สั่งการให้ ก.พ.ดำเนินการหลักสูตรนี้ให้รวดเร็วก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งโดยปกติหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพจะใช้เวลาอบรมเป็นเดือน เพราะไม่ได้เรียนกันทุกวัน แต่จะมีเวิร์กช็อปการลงพื้นที่ เพื่อร่วมกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหาท้องถิ่นอย่างไร และผู้บริหารท้องถิ่นและส่วนกลางจะมีโอกาสนำเสนอต่อนายกฯ ด้วย
    นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่ จ.สุรินทร์และบุรีรัมย์วันที่ 7-8 พ.ค.นี้ว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไปเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ไม่มีไปสัญญาอะไรกับใคร ไม่ได้ต้องการพบนักการเมือง ทั้งหมดคือประชาชนของประเทศไทย เป็นรัฐบาลต้องไปทุกจังหวัด ส่วนที่นักการเมืองจะมาให้การต้อนรับนั้น ตนเห็นว่าจะไปห้ามเขาได้หรือไม่ สื่อก็ห้ามเขาสิ จะให้ตนห้ามไม่ให้มารับหรืออย่างไร มันทำได้หรือไม่ อย่าเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย พอแล้ว เรื่องการเมืองรู้ว่าหลายคนอยากถามตน ก็ยังไม่มีคำตอบ เพราะก็ยังไม่มีการตัดสินใจอะไรเลยตรงนั้น
    ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ จ.บุรีรัมย์ นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ร่วมติดตามผลการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดสถานที่ประชุม ครม.สัญจรระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.นี้ และกล่าวยืนยันว่า ทั้งส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสำหรับการประชุม ครม.สัญจร  
    ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ครม.ประยุทธ์เดินทางไปประชุม ครม.สัญจรช่วงวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ จ.บุรีรัมย์และ ศรีสะเกษ ท่ามกลางกระแสข่าวหาก พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่จังหวัดใด คล้อยหลังไม่นานมักมี ส.ส.ในจังหวัดนั้นย้ายเข้ามาร่วมงานการเมืองด้วยว่า เท่าที่รู้ เขาก็สนับสนุนกันอยู่แล้ว การที่ พล.อ.ประยุทธ์นำครม.ลงพื้นที่ เพื่อไปสร้างเพาเวอร์ พยายามจะส่งสัญญาณ หากมาอยู่กับเรา จะยิ่งใหญ่ ใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์สร้างอำนาจ ทำให้ดูว่าตัวฉันมีพลังอำนาจนะ มาอยู่กับฉันไหม 
    "ส่วนที่นายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรคภูมิใจไทยจะบอกไม่เข้าร่วมประชุมด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือคณะช่วงลงพื้นที่นั้น การจะประชุมหรือไม่ประชุมด้วยไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงอย่างไรคนก็รู้ชัดเจนอยู่แล้วจะไปฝั่งไหน แม้การเปลี่ยนขั้วการเมืองเป็นสิทธิส่วนบุคคล พล.อ.ประยุทธ์เคยก่นด่านักการเมืองมาตลอด แล้วทำไมวันนี้จึงพยายามชวนนักการเมืองให้ไปร่วมสนับสนุนตัวเอง สำหรับ จ.อุบลฯ ในเวลานี้พรรคที่เข้ามาทำพื้นที่มากที่สุดคือพรรคข้าราชการ ที่มาในรูปแบบโครงการไทยนิยมยั่งยืน มีการใช้งบประมาณของรัฐมากกว่าสมัยโครงการประชานิยมเสียอีก" นายสมคิดกล่าว 
โต้สมคิดไม่มีสิทธิ์มาสอน
    นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯแนะพรรคการเมืองให้ไปคิดเรื่องนโยบายดีๆ และปฏิเสธไม่เคยพูดว่าจะไปตั้งพรรคการเมืองว่า นายสมคิดอยู่ในคณะรัฐบาลเผด็จการทหาร ไม่เคยมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่มีสิทธิ์มาเสนอแนะพรรคการเมืองอื่น พรรคการเมืองทุกพรรคต่างรู้หน้าที่ที่จะคิดค้นนโยบายที่ดีมานำเสนอต่อประชาชนอยู่แล้ว ตัวนายสมคิดเองสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติไว้มาก สมัยแรกที่อยู่กับนายทักษิณ ชินวัตร ได้ร่วมคิดค้นนโยบายประชานิยมจนก่อปัญหาให้กับประเทศชาติถึงวันนี้ ขณะนี้ก็เป็นต้นตำรับคิดค้นนโยบายประชารัฐร้ายแรงกว่าประชานิยมสมัยนายทักษิณเสียอีก
     ส่วนกรณีที่นายสมคิดบอกว่าทำไมคนอยากจะย้ายบ้าน เป็นเพราะบ้านอยู่แล้วไม่มีความสุขหรือเปล่านั้น นายวัชระกล่าวว่า นายสมคิดน่าจะยุ่งกับเรื่องระดมทุนตั้งพรรคการเมืองจนไม่มีเวลาฟัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่พูดว่าการดูดเป็นครรลองของระบอบประชาธิปไตย ไม่ทันครบ 7 วันเลยรีบออกมาปฏิเสธทั้งคนพูดและลูกน้องพูดเท็จ หรือเป็นผู้นำประเทศพูดกลับไปกลับมาพูดสับปลับ ผิดกฎหมายไหม ส่วนที่อ้างว่าไม่คิดตั้งพรรค แล้วที่โทร.ให้อดีต ส.ส.ไปพบที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วชวนดูดเข้าพรรคทหาร ให้ลาออกจากพรรคเก่าแล้วยื่นตำแหน่งต่างๆ ให้ นายสมคิดได้ทำและกำลังทำอยู่หรือไม่ เป็นการเมืองแบบใหม่หรือเก่า จะทำอะไรก็ขอให้คิดถึงพระคุณของแผ่นดินไทยบ้าง
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงพรรคการเมืองถูก คสช.ดูดไปร่วมงานว่า ไม่อยากตอบโต้ไปมา อยากให้ทุกฝ่ายพูดความจริง เพราะคนที่เกี่ยวข้องรู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลที่ตนทราบจากผู้เกี่ยวข้องตรงกัน ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่านักการเมืองอยากไปทำงานร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายสมคิด ที่พูดขัดแย้งในตัวเอง เช่น กรณีนายสนธยา คุณปลื้ม ที่อ้างว่าดึงตัวมาช่วยงานอีอีซี ขณะเดียวกันก็บอกว่านักการเมืองต้องการมาทำงานกับรัฐบาลเอง เช่นเดียวกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม.พรรค ปชป. ก็ยอมรับว่าไปพบกับนายสมคิด และพูดคุยเรื่องการเมือง และอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะไปร่วมงานกับรัฐบาลหรือยังทำงานการเมืองกับ ปชป. ซึ่งตนไม่ได้มีปัญหาเรื่องสมาชิกย้ายพรรค แต่อยากให้ย้ายเพื่ออุดมการณ์และประโยชน์ของประเทศเป็นหลักมากกว่าการที่รัฐบาลจะใช้อำนาจ ผลประโยชน์และตำแหน่งมาต่อรอง
    ส่วนกรณีนายสมคิดระบุว่าพรรคการเมืองควรทำนโยบาย ดีกว่ามาจับผิดรัฐบาล และพูดเรื่องการดึงตัว ส.ส. นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ คสช.ย้อนกลับไปดูว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากคำสั่ง คสช.ที่ทำให้ต้องเสียเวลาในการยืนยันสมาชิกด้วยเวลาที่จำกัด ดังนั้นหากต้องการให้พรรคการเมืองทำนโยบาย ก็ควรบอก คสช.ให้ยกเลิกคำสั่ง 53/2560 ด้วย และขอให้เอาความจริงมาพูดกันจะดีกว่า อย่าใช้ผลประโยชน์หรือตำแหน่งมาต่อรอง เพราะท่านก็อยู่ในวงเจรจานั้นด้วย
       นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแกนนำ นปช.เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า นายสมคิดพูดแสดงออกแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่มีลักษณะของคนที่จะเป็นลูกพี่ทางการเมืองจริง ถ้าอยากจะเป็นพรรคการเมืองที่เติบโตเป็นที่พึ่งของประชาชน ก็ทำแบบที่คุณสอนคนอื่น แต่ดูแล้วเหมือนกำลังหลอกฝ่ายการเมือง หลอกกองทัพเหรือเปล่า พรรคการเมืองที่จะเติบใหญ่และเป็นพรรคจริงต้องเริ่มด้วยแนวทางอุดมการณ์จริง แล้วระดมคนใหม่ ๆ ระดมสมอง ดูตัวอย่างนายธนาธร นายปิยบุตร ที่ตั้งพรรคเพื่อหวังเติบโต เขาไม่มีต้นทุนแบบคุณ แต่เขากล้าและไม่กลัว เพราะเขายอมเจ็บและรู้ว่าจะต้องเจออะไร แต่นายสมคิดบอกว่าไปเลี้ยงหลานดีกว่าสบาย ๆ ไม่รู้ว่าใครหลอกใครกันแน่
ใครออกจากเพื่อแม้วสอบตก
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องพลังดูดว่า มีบ้าง โดยมีคนมาถามๆ เป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ พูดชวนให้ไป แต่เราไม่ได้ตอบเขาไป สุดท้ายคงรู้ได้ว่าเราไม่ไปด้วย ต้องเข้าใจว่าไปไหนไม่ได้หรอก ส.ส.เหนือ อีสาน อย่าคิดไปไหนเลย ใครไปก็สอบตกได้เลย จะว่า ส.ส.เขาไม่ได้ เพราะอยู่ที่ประชาชนจริงๆ สำหรับพรรคนี้ สำหรับตอนนี้ คนที่ไปก็ไปด้วยเหตุผลความจำเป็น คือถูกบังคับ แต่ถ้าใครไปก็เหนื่อย คนไปจะตอบชาวบ้านอย่างไร ไปหาเสียงอย่างไร ตอบอย่างไรว่าไปทำไม ตนเองไปไม่ได้ มันยาก ถ้าไปก็เลิกเล่นดีกว่า วันนี้ต้องเอาบ้านเมืองให้กลับสู่สภาพปกติก่อน ขนาดประชาธิปัตย์ยังทนไม่ไหวเลย
     เช้าวันเดียวกัน ที่ทำการพรรคพลังชล ต.แสนสุข อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล พร้อมด้วยอดีต ส.ส. คณะกรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารท้องถิ่น เดินทางมาร่วมงานเนื่องในวันก่อตั้งพรรคครบรอบ 7 ปีอย่างคึกคัก
    นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวว่า พรรคพลังชลจะทำงานทางการเมืองในนามพรรคต่อไป ไม่ไปรวมหรือควบรวมกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่านายสนธยายังเป็นหัวหน้าและผู้นำพรรค ในอนาคตจะไปสนับสนุนใครจัดตั้งรัฐบาล สนับสนุนใครเป็นนายกฯ นั้น ยังไม่ทราบ รู้เพียงแต่เราจะทำงานภายใต้กรอบกติกาตามรัฐธรรมนูญ จะร่วมกับใครจัดตั้งรัฐบาลยังตอบไม่ได้ ต้องรอให้ถึงในวันนั้นก่อน แต่วันนี้ อดีต ส.ส.ของพรรคอยู่กันครบ ไม่ได้ไปไหน และได้มายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว สำหรับการยืนยันสมาชิกจนถึง 30 เม.ย. มีสมาชิกทั่วประเทศมายืนยัน และผ่านตรวจสอบรายละเอียด ความถูกต้องเกินกว่า 2,700 คน จากเดิม 10,800 คน จากนั้นเตรียมทำเป็นเอกสารยื่นให้ กกต.ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง    
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นัดชุมนุมวันที่ 5 พ.ค.นี้ นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 พ.ค. จะจัดกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ลานปรีดี พนมยงค์ เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ ไม่มีการเคลื่อนมวลชนออกนอกพื้นที่ และจะประกาศจุดยืนในการเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งภายในปี 2561 รวมถึงย้ำจุดยืนที่จะให้ คสช.เลิกเป็นรัฐบาลรักษาการ และทหารจะต้องไม่สนับสนุน คสช.
     "การที่ สนช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ป.ส.ว. เป็นไปได้ว่าจะทำให้การเลือกตั้งยืดออกไป ไม่ใช่ ก.พ.2562 แน่นอน และในวันพรุ่งนี้ทางกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวในเดือนของการครบรอบ 4 ปี วันรัฐประหารด้วย สำหรับการจัดกิจกรรม ได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว" นายรังสิมันต์กล่าว
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนัดชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค.นี้ว่า อย่าทำผิดกฎหมายฝ่ายความมั่นคงดูแลอยู่ ส่วนที่หวั่นว่าจะเกิดความบานปลายนั้น สื่อก็อย่าให้เขาออกมา ต้องบอกเขาว่าขอให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย หากอยากจะเลือกตั้ง แต่ถ้ายิ่งทำแบบนี้ก็ไม่ได้เลือก 
    "ฉะนั้นการที่จะได้เลือกตั้งหรือไม่ได้เลือก ไม่ได้อยู่ที่ผม อยู่ที่คนเหล่านี้นั่นแหละ ซึ่งการเลือกตั้งผมก็วางไว้แล้ว ต้นปี 62 จบ เลิกพูดเรื่องเหล่านี้ พอแล้วเหนื่อย บ๊ายบาย ซาโยนาระ ลาก่อน" พล.อ.ประยุทธ์  กล่าว
     พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช. กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม คิดว่าไม่มีอะไรต้องเพิ่มเป็นพิเศษ และไม่น่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น เพราะที่ผ่านมาเรามีการพูดคุยทำความเข้าใจกันมาตลอด และขอความร่วมมือในบางเรื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชน ซึ่งต่างฝ่ายต่างยืนในจุดที่เหมาะสม ซึ่งพวกเขาอยากแสดงความคิดเห็นก็แสดงออกมาได้ แต่ต้องไม่มีผลกระทบต่อสังคม     
กกต.ไม่หลากหลาย     
     ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งการในที่ประชุมสภากลาโหมในกองทัพบกจัดทำคู่มือการบังคับใช้กฎหมายและคำสั่ง คสช.ให้เจ้าหน้าที่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าคู่มือดังกล่าวเป็นคู่มือเดิมที่เราเคยใช้อยู่ เพื่อดูแลความเรียบร้อยกรณีมีการชุมนุม แต่สถานการณ์ผ่านมานานพอสมควรแล้ว จึงนำคู่มือนี้มาปรับปรุง เป็นสิ่งที่เราทำระยะยาว ไม่เกี่ยวข้องกับการรองรับการชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ซึ่งจะมีรูปแบบ เป็นรายละเอียดที่แจกให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจ ขณะที่กำลังพลที่เป็นลูกแถว ก็จะมีรายละเอียดเฉพาะในการปฏิบัติอยู่ด้วย 
    พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ขอประชาชนไม่ต้องห่วง เพราะเป็นการชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
     ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวนัดชุมนุมกันภายใน ม.ธรรมศาสตร์ ไม่ใช่ที่สาธารณะ ไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ชุมนุม แต่ตำรวจทหารได้วางมาตรการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่ไปร่วมชุมนุม ได้จัดกำลังไว้ส่วนหนึ่งออกปฏิบัติในพื้นที่อีกส่วนหนึ่งสแตนด์บายไว้ที่หน่วย ต้องบังคับใช้กฎหมายไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ต้องขออนุญาตชุมนุมให้เรียบร้อย ถ้าไม่เรียบร้อย ฝ่าฝืน ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ส่วนคนที่มีหมายจับค้างเก่า ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้สอดส่อง ถ้าเข้าข่ายก็ดำเนินการจับกุม จากการข่าวของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการเคลื่อนไหวของพวกจะอาศัยสถานการณ์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ชัดเจน คาดว่าไม่ออกฤทธิ์ออกเดชอะไรมาก ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาลคอยเช็กอยู่ตลอด ไม่ได้หนักใจอะไร 
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงขณะนี้เริ่มมีกลุ่มการเมืองออกรายการโทรทัศน์ในลักษณะของการหาเสียงเพื่อหวังผลของการเลือกตั้ง ว่า กกต.ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะยังไม่อยู่ในช่วงของการควบคุมการหาเสียง จึงเป็นเรื่องของเสรีภาพ การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องระมัดระวังว่าอย่าให้ไปละเมิดผู้อื่น
    ส่วนการสรรหา กกต.ชุดใหม่ ล่าสุดคัดเลือกมาแล้ว 5 คน เป็นนักวิชาการและอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น นายสมชัย ศรีสุทธิยาธร อดีต กกต.เฟซบุ๊กไลฟ์กล่าวถึงการสรรหา กกต.ชุดใหม่ว่า รู้สึกว่ายังขาดความหลากหลาย เพราะไม่ค่อยเห็นคนที่มาจากแวดวงวิชาชีพอื่นๆ อาทิ ทนายความ เอ็นจีโอ แต่กลายเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงเกือบทั้งหมด ดังนั้นจะต้องดูว่าคนเหล่านี้จะต้องเข้าไปจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความหวังของคนทั้งประเทศ ก็จะเป็นปัญหาอุปสรรคอย่างหนึ่งว่าจะทำได้ดีหรือไม่อย่างไร ก็ขอฝากความหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าคัดได้ดี ภายใต้กรอบกติกาที่มีอยู่ เท่าที่พอทำได้ แต่หากยังทำได้ไม่ดีก็ควรจะต้องแก้กติกากันในอนาคต
    ด้าน น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ หนึ่งในผู้สมัครสายประชาสังคม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ส่งประวัติพร้อมผลงานไปรวม 500 หน้า มีประวัติทำงานเลือกตั้ง 20 ปี เลือกตั้งทั่วไป 12 ครั้ง ส.ส. 9 ครั้ง ส.ว. 3 ครั้ง เชื่อว่าประสบการณ์ตรงมากที่สุดในบรรดาผู้สมัครทุกคน แค่ไม่ได้อยู่ในสายตากรรมการสรรหามากพอ เลยไม่ผ่าน อาจเพราะภาคประชาสังคมไม่พึงอาจเอื้อมมาทำหน้าที่นี้”
    ส่วนนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยอ้างว่ายังไม่เห็นรายชื่อ และไม่สามารถจะให้ความเห็นได้ เป็นหน้าที่ของ สนช.ในการพิจารณา แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะ กกต.ชุดปัจจุบันและผู้บริหารสำนักงานได้เตรียมอะไรต่างๆ ไว้พร้อมหมดแล้ว ที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการล้มการสรรหา หรือจะใช้การล้มเพื่อยื้อออกไปอีก ก็ไม่ทราบ ไม่อาจไปก้าวล่วงความเห็นของผู้อื่นได้ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดต่อไป และเชื่อว่าผู้ที่ได้รับการสรรหาเข้ามาเป็น กกต.ก็น่าจะทำงานได้ แม้อาจจะเข้ามาในช่วงที่ใกล้เลือกตั้งก็ไม่มีปัญหา เพราะผู้บริหารสำนักงานและพนักงาน มีหน้าที่ในการปฏิบัติ กกต.เป็นเพียงผู้ควบคุมนโยบายให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมเท่านั้น.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"