เพนตากอนกล่าวหาว่าพลเมืองจีนในจิบูตีฉายแสงเลเซอร์พลังแรงสูงก่อกวนนักบินของเครื่องบินทหารสหรัฐที่ปฏิบัติการบินภายนอกฐานทัพที่จิบูตีหลายครั้ง พร้อมยื่นประท้วงและเรียกร้องให้จีนสอบสวน อีกด้านทำเนียบขาวเตือน จีนจะเผชิญ "ผลลัพธ์" ของการติดตั้งมิสไซล์ครูซบนเกาะพิพาททะเลจีนใต้
แฟ้มภาพ เครื่องบินลำเลียง ซี-130 ของกองทัพอากาศสหรัฐ / US Air Force
รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 กล่าวว่า ฐานทัพแคมป์เลอมงนีเยร์ของสหรัฐซึ่งตั้งอยู่ในสนามบินระหว่างประเทศจิบูตี เป็นฐานทัพถาวรเพียงแห่งเดียวของสหรัฐในทวีปแอฟริกา สหรัฐใช้ฐานทัพแห่งนี้สำหรับปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและในเยเมนเป็นส่วนใหญ่ เมื่อปีที่แล้วจีนได้เปิดฐานทัพเรือของตนที่ประเทศแอฟริกาแห่งนี้ด้วยเช่นกัน โดยเป็นฐานทัพนอกประเทศแห่งแรกของกองทัพจีนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ที่ตั้งของฐานทัพจีนอยู่ห่างจากฐานทัพของสหรัฐเพียงไม่กี่กิโลเมตร
คำแถลงของดานา ไวต์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ยื่นหนังสือแสดงร้องเรียนทางการทูตอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลจีนแล้ว และต้องการให้จีนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
"เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงมาก" ไวต์กล่าว และว่า การกระทำลักษณะนี้เป็นอันตรายคุกคามนักบินของสหรัฐอย่างแท้จริง
พันตรีเชอรีล คลิงเคล โฆษกเพนตากอนอีกคนหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพี โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ว่า เคยมีนักบิน 2 นายของเครื่องบินลำเลียง ซี-130 มีอาการเจ็บตาเล็กน้อย ระหว่างที่นำเครื่องลงจอดที่ฐานทัพของประเทศในภูมิภาคฮอร์นออฟแอฟริกาแห่งนี้
ไวต์กล่าวด้วยว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้วเกือบ 10 ครั้ง และถึงแม้จะยังไม่ทราบชัดเจนถึงเจตนา แต่เพนตากอน "มั่นใจ" ว่าผู้ที่ยิงลำแสงเลเซอร์พลังแรงสูงใส่เครื่องบินของสหรัฐเป็นคนสัญชาติจีน
เจ้าหน้าที่สหรัฐหลายคนกล่าวกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลเช่นกันว่า แสงเลเซอร์น่าจะมาจากฐานทัพของจีน
รายงานเอเอฟพีกล่าวด้วยว่า เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ (เอฟเอเอ) ได้ออกคำเตือนนักบินให้ใช้ความระมัดระวังถึงขีดสุดขณะทำการบินในพื้นที่ดังกล่าว โดยในคำเตือนระบุว่ามีเหตุการณ์ยิงลำแสงเลเซอร์พลังแรงสูงหลายครั้งในบริเวณนั้น
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีน โดยหัวชุนอิง โฆษกกระทรวง แถลงที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ ปฏิเสธคำกล่าวหาของสหรัฐว่า "ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง" และว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในสหรัฐควรให้ความสนใจกับข้อเท็จจริง และไม่ควรกล่าวหาอย่างไร้หลักฐาน
ขณะเดียวกัน ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐได้แสดงปฏิกิริยาต่อรายงานของสถานีซีเอ็นบีซีที่บอกว่าจีนได้ติดตั้งระบบมิสไซล์ครูซต่อต้านเรือและมิสไซล์ชนิดยิงจากพื้นสู่อากาศ ที่เกาะไฟเออรีครอสรีฟ, ซูบิรีฟ และมิสชีฟรีฟ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เกาะเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีในทะเลจีนใต้ที่หลายชาติอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับจีน
"เรารู้ดีเรื่องที่จีนขยายแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้" ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวกล่าว "เราได้แสดงความห่วงกังวลโดยตรงต่อจีนเรื่องนี้แล้ว และจะมีผลลัพธ์ตามมาในระยะสั้นและระยะยาว"
จีนไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้ แต่เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงการต่างประเทศของจีนยังยืนกรานว่าจีนมีสิทธิที่จะปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของจีนเหนือหมู่เกาะแห่งนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |