มีความเห็นจากฝ่ายต่างๆ หลังคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เลือกผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.จำนวน 5 ชื่อ เพื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ

    ที่ประกอบด้วย 1.สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2.ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายแห่ง-อดีต สปท. 3.พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีต ผวจ.หลายแห่ง 4.อิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ 5.สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร 
    อาทิ "สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต." ที่ให้ความเห็นว่ายังขาดความหลากหลาย เพราะไม่ค่อยเห็นคนที่มาจากแวดวงวิชาชีพอื่นๆ เช่น ทนายความ เอ็นจีโอ มีแต่อดีตข้าราชการระดับสูงเกือบทั้งหมด คงต้องดูว่าคนเหล่านี้จะเข้าไปจัดการเลือกตั้งได้ดีหรือไม่เพียงใด ก็ขอฝากความหวังไว้ 
    จากนี้ต้องดูว่าที่ประชุม สนช.ที่คาดว่าจะลงมติเรื่องนี้ในช่วงเดือน ก.ค.จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบชื่อไหน หรือว่าจะลงมติคว่ำทั้งกระดานซ้ำรอยเดิมอีก?
    ทั้งนี้ในรายชื่อว่าที่ กกต.ชุดใหม่ 5 คนดังกล่าว หากดูเป็นชื่อๆ ไปก็มีหลายคนน่าสนใจ อาทิ "พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า" ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นคนของสายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย  เพราะเคยผลักดันให้ขึ้นมาเป็นระดับ 10 ในตำแหน่ง ผวจ.บุรีรัมย์ ฐานการเมืองใหญ่ของนายเนวิน ในช่วงพรรคภูมิใจไทยคุมกระทรวงมหาดไทยในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากนั้นก็ถูกดันให้ไปเป็น ผวจ.ปทุมธานี
    แต่ "พีระศักดิ์" มาถูกย้ายในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ปทุมธานี โดยถูกเด้งเข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แต่ต่อมารัฐบาลเพื่อไทยก็คืนตำแหน่งให้ไปเป็น ผวจ.ระนอง และตามด้วยชุมพรตามลำดับ แต่ก็เป็นจังหวัดเล็กๆ
    จนมาถึงยุค คสช.ทำรัฐประหาร ได้ย้ายนายพีระศักดิ์มาเป็นอธิบดีกรมที่ดินในเดือน มิ.ย.57 แต่ปรากฏว่าระหว่างการเข้าทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ เกิดเหตุคาดไม่ถึงเมื่อพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยได้ย้ายเขาไปเป็นผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ทั้งที่ พล.อ.อนุพงษ์เป็นผู้ดันพีระศักดิ์เป็นอธิบดีกรมที่ดินเอง  
    อนึ่งก่อนหน้านี้ นายพีระศักดิ์เคยลงสมัคร กกต.รอบที่แล้ว แต่ถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากพบว่าถือครองหุ้นบริษัทเอกชนบางแห่งที่ขัดกับการเป็น กกต. แต่มาครั้งนี้ได้เคลียร์เรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จนมายื่นใบสมัครเป็น กกต.คนแรกในรอบนี้
    ขณะที่ “ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย” ก่อนหน้านี้เคยเป็นอดีต ผวจ.ระยอง-ลำปาง และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยตั้งให้เป็น สปท.
    แต่ที่ถูกวิจารณ์ไม่น้อยก็คือการที่มีชื่อของ "สมชาย-อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร" ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ เพราะประวัติการศึกษาและการทำงานไม่เคยผ่านงานด้านรัฐศาสตร์ หรืองานด้านกฎหมายมาก่อน
    ส่วน "อิทธิพร บุญประคอง" พบว่าสมัยเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายทั้งในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ทางคดีเรื่องปราสาทพระวิหาร ในศาลโลก โดยนายอิทธิพรเป็นหนึ่งในแกนนำคณะทำงานและที่ปรึกษาฝ่ายไทยในการสู้คดีที่ศาลโลก  กรุงเฮก ซึ่งเวลานั้นทีมงานฝ่ายกองทัพมีพลเอกธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด-บอร์ด คสช.-สนช.เป็นหัวหน้าทีม
    ทั้งนี้รายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาฯ คัดเลือกมาทั้ง 5 คนดังกล่าว ที่ประชุม สนช.จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตรวจสอบประวัติอีกครั้งหนึ่ง โดยเมื่อ กมธ.ตรวจสอบประวัติทั้งทางเปิดเผยและทางลับเสร็จจะส่งรายงาน "ลับ" ให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาว่าใน 5 รายชื่อดังกล่าว มีใครมีประวัติอย่างไร คนไหนมีปัญหาถูกร้องเรียนเรื่องอะไรบ้างทั้งเรื่องส่วนตัวและการทำงาน
     จากนั้นที่ประชุม สนช.จะประชุมลับและลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบรายชื่อที่ส่งมาต่อไป  ซึ่ง สนช.มีสิทธิ์ลงมติไม่เห็นชอบอีกรอบก็ได้ หากเห็นว่าชื่อที่ส่งมามีปัญหาหรือไม่มีคุณสมบัติดีพอจะเป็น กกต.ได้ โดยอาจจะไม่เห็นชอบบางชื่อ หรือไม่เห็นชอบทั้งหมดก็สามารถทำได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นกรรมการสรรหาฯ ก็ต้องเปิดรับสมัครใหม่กันต่อไป
    หลังมีการเลือก 5 รายชื่อดังกล่าว ทำให้หากสุดท้ายได้ว่าที่ กกต.ชุดใหม่ 7 คน คือตามชื่อข้างต้น  5 คนและอีก 2 ชื่อจากศาลฎีกา คือ ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ศาลฎีกาลงมติเลือกมา
    หากได้ทั้ง 7 ชื่อดังกล่าวโดยไม่มีใครหลุดโผถูก สนช.ตีตก ก็ทำให้มีการคาดหมายกันว่า แคนดิเดตประธาน กกต. ยังน่าจะเป็นชื่อเดิมคือ นายฉัตรไชย แต่หากว่าที่ กกต. 5 คนจากสายสรรหาจับมือกันแน่นดันคนของฝ่ายตัวเองเป็นประธาน กกต. ก็อาจทำให้ประธาน กกต.มาจากชื่อใดชื่อหนึ่งใน 5 ชื่อที่กรรมการสรรหาฯ คัดเลือกมา.