สธ.ประชุมติดตามสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ชี้กรมปศุสัตว์มีการฉีดวัคซีนในสุนัขหลายล้านตัวทำให้ความเสี่ยงลดน้อยไปด้วย เตือนประชาชน การฉีดก่อนการสัมผัสเชื้อมีประโยชน์น้อยเพราะหลังจากโดนกัดข่วนก็ต้องไปฉีดซ้ำ ดังนั้นอย่าตื่นตระหนก เพราะอาจทำให้ประเทศผู้ผลิตขึ้นราคาวัคซีน อย่างไรก็ตามมีการสั่งการให้จังหวัดดูแลเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าวัคซีนจะไม่เพียงพอ
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์พิษสุนัขบ้า และติดตามข้อสั่งการเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากเชื้อดังกล่าวไปแล้ว 8 ราย แต่ขณะนี้มีแนวโน้มการระบาดของโรคจะลดลง โดยโรคดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากสุนัขและแมวเป็นพาหะนำโรค แต่ก็มีสัตว์ประเภทอื่นเช่นเดียวกัน เช่น กระรอกเป็นต้น โดยพิษจะอยู่ในน้ำลายของสัตว์ ดังนั้นวิธีการป้องกันคือ 1.เจ้าของต้องนำสัตว์ไปรับวัคซีน 2. หลีกเลี่ยงการถูกสุนัข แมว หรือสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคกัด ข่วน 3.หากถูกกัด ข่วนให้รีบไปรับวัคซีน อย่างไรก็ตามทางงส่วนของกรมปศุสัตว์ก็ได้มีการระดมฉีดวัคซีนในสุนัขหลายล้านตัว ส่งผลให้ความเสี่ยงในคนลดน้อยลงด้วย
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในคนนั้นหากมีการฉีดวัคซีนก่อนแล้ว หากถูกกัดหรือข่วนต้องมาฉีดซ้ำเหมือนเดิม ดังนั้นประโยชน์ของการฉีดป้องกันล่วงหน้าจึงมีน้อย แต่การฉีดล่วงหน้าก็จำเป็นในกลุ่มเสี่ยง เช่น สัตวแพทย์ อสม. ที่ลงไปช่วยฉีดในพื้นที่ ทันตาภิบาล หรือบุคคลที่ต้องสัมผัสกับหมาหรือแมว ทั้งนี้.สำหรับคนที่มาขอฉีดโดยให้เหตุผลว่า ต้องเดินผ่านสุนัขทุกวัน อันนี้ก็เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตามไม่ได้ห้ามไม่ให้ฉีดแต่ขอให้ประชาชนฉีดตามเวชปฎิบัติ โดยวัคซีนนั้นอยู่ในงบสิทธิ์หลักประกันสุขภาพ ซึ่งก็ได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดดูแล หาก รพสต.ขาดแคลน ก็ให้แจ้งไปที่จังหวัด และหากจังหวัดขาดแคลนก็ให้แจ้งไปที่แขด ซึ่งในภาพรวมนั้นไม่มีปัญหา แต่หาก โรงพยาบาลใดมีปัญหาหากยังขาดแคลนอยู่ก็ขอให้แจ้งมายัง กรมควบคุมโรค ในส่วนของการสต็อกนั้นก็ไม่เยอะ ขณะนี้เนื่องจากมีการระบาดก็มีการสต๊อกไว้ประมาณ 1 แสนโดส
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ซึ่งในส่วนของประชาชนที่กังวลว่าวัคซีนจะไม่เพียงพอนั้นก็ขอให้สบายใจได้ เพราะเราสั่งซื้อมาจาก จีน อินเดีย ที่สามารถผลิตเองได้ โดยในส่วนของจีนมีกำลังผลิต 30 ล้านโดส แต่จีนมีการใช้ในประชากร 12 ล้านโดสที่เหลือขายส่งออก ดังนั้นไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตามวัคซีนที่นำเข้านั้นได้ผ่านการรับรองจากจีน และ WHO ว่าได้มาตรฐานโดยจังหวัดที่ยังน่าเป็นห่วงคือ เขตสุขภาพ ที่ 12 ที่ยังมีความเสี่ยงสูง คือ ชายแดนใต้ และอิสานใต้ ส่วนในจังหวัด เชียงราย และสิงห์บุรีไม่มีการระบาดเลย
“ ปกติประเทศไทยจะมีการนำเข้าวัคซีนในคนประมาณ 3 ล้านโดส แต่คาดว่าในปีนี้จะมีปริมาณการใช้วัคซีนในคนประมาณ 4-5 ล้านโดส โดยพบว่า 4เดือน ที่ผ่านมา มีการฉีดวัคซีนป้องกันในคนไปแล้วทั้งงหมด 156,000 คน โดยฉีดมากที่สุดใน เดือน มี.ค. ประมาณ 58,000 คน และน้อยลงในเดือน เม.ย.เหลือ 30,000 คน โดยส่วนมากฉีดหลังจากการสัมผัสเชื้อ ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มปริมาณการใช่ในเดือน พ.ค.-มิ.ย. จะลดน้อยลง อยากฝากถึงประชาชว่าไม่ต้องกังวล เพราะบางคนกลัวแล้วไปฉีดก่อน ก็อาจทำให้วัคซีนไม่เพียงพอ และเนื่องจากเราผลิตเองยังไม่ได้ หากต่างประเทศที่เป็นผู้ผลิตรู้ว่ามีการตื่นตระหนักก็จะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นก็อาจจะมีการเพิ่มราคา”นพ.โอภาส กล่าว. และว่า ทั้งนี้ในส่วนของเขตสุขภาพที่ 16 นั้น เช่น จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง มีการจัดการที่ดีมาก โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีที่ในรอบ 2ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยเกือบ 10 ราย แต่ปีนี้จากการตรวจสอบคัดกรอง และการจัดการแดวัคซีนที่ดี ทำให้ไม่พบการระบาดเลย.