ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนประกาศเป็นนโยบายหลักของมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลกว่า
America is back!
อเมริกากลับมาแล้ว!
คำถามก็คือ อเมริกาหายไปไหนมา? และการกลับมาครั้งนี้จะทำให้โลกมีความสงบและได้ประโยชน์อะไรมากขึ้นกว่ายุคสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์เพียงใด?
ทั้งหมดอยู่ที่การกระทำตามนโยบายใหม่ของไบเดนที่ตอกย้ำว่า
"สหรัฐฯ จะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อทำงานร่วมกับพันธมิตรของเรา"
นั่นหมายความว่าโจ ไบเดนต้องการขีดเส้นใต้คำแถลงของเขาว่า ทรัมป์ได้นำพาสหรัฐฯ ออกนอกลู่นอกทาง ย้ำแต่เพียงการที่อเมริกาต้อง "มาก่อน" หรือ America First
แต่ไบเดนรับปากว่าสหรัฐฯ ในยุคของเขาจะยื่นมือมาร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ใหม่ที่จะมีแบบแผนและเป็นระบบที่ควรจะเป็น
ผมเห็นรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ของไบเดนหลายคนก็พอจะยืนยันได้ว่า ไบเดนต้องการจะ "สร้างความแตกต่าง" จากทรัมป์อย่างเห็นได้ชัด
ถึงขนาดที่ไบเดนจะตั้งคนจากพรรครีพับลิกันของทรัมป์มาอยู่ในคณะรัฐมนตรีของตัวเอง
เพื่อตอกย้ำคำมั่นสัญญาของเขาว่า เขาจะบริหารประเทศเพื่อความสมานฉันท์ จะพยายามปิดบาดแผลของความขัดแย้งในสังคมที่เกิดจากการดำเนินนโยบายแบ่งแยกของทรัมป์ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา
เช่น Avril Haines จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นผู้อำนวยการ CIA หรือสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
หรือ Alejandro Mayorkas จะเป็นชาวเชื้อสายลาติโนคนแรกที่จะขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (Department of Homeland Security)
ไบเดนเริ่มกระบวนการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ทรัมป์แสดงท่าทีอ่อนลง แต่ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และไม่ยอมแสดงความยินดีกับไบเดน
แต่องค์กรกํากับการบริหารงานภาครัฐแห่งสหรัฐฯ หรือ GSA ประกาศยอมรับว่า "โจ ไบเดน" คือผู้ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน
องค์กรนี้ชื่อเต็ม General Services Administration มีหน้าที่อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายให้ราบรื่น
ดังนั้นเมื่อ GSA รับรองว่าไบเดนเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศ ซึ่งมีสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรและข้อมูลต่างๆ ตามที่กฎหมายระบุไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเปลี่ยนถ่ายอำนาจระหว่างสองรัฐบาลให้ราบรื่นที่สุด
วันที่ 20 มกราคม 2564 เป็นวันประกอบพิธีปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน
จากวันนี้ถึงวันนั้นเมื่อ GSA ยอมร่วมมือเพื่อเตรียมการส่งมอบอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว "ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน" ก็จะได้รับข้อมูลที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มชั้นความลับ
รวมไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับปฏิบัติการลับทางทหาร
และเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นกรณีการตัดสินใจต่างๆ ที่ยังค้างคาอยู่ของรัฐบาลทรัมป์ซึ่งเกี่ยวกับการใช้กำลังทหาร
ที่สำคัญเมื่อเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านแล้ว ทีมงานของไบเดนจะได้งบประมาณ 6.3 ล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินการต่างๆ
และยังสามารถเข้าใช้งานพื้นที่ทำงานของรัฐบาลในหน่วยงานรัฐบาลทั้งหลาย
รวมถึงพื้นที่สำหรับประธานาธิบดีคนใหม่ที่ใช้รับฟังสรุปรายงานข่าวกรองทั้งหลายด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตำรวจลับและหน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งหลายก็เข้าประจำการในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
"อเมริกากลับมาแล้ว" ของไบเดนจึงเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะต้องปรับเปลี่ยนสิ่งที่ทรัมป์ทำเอาไว้ใน 4 ปีที่ผ่านมามากมายเหลือเกิน
อีกทั้งหากทรัมป์อ้างว่ามีคนลงคะแนนให้เขาถึงกว่า 73 ล้านเสียง (ขณะที่ไบเดนได้กว่า 80 ล้านเสียง) เขาก็ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อคนเหล่านั้นด้วยการเดินหน้าทำกิจกรรมการเมืองต่อเนื่อง
ซึ่งก็เท่ากับตั้งตนเป็น "ประธานาธิบดีเงา" ที่คอยขัดขาไบเดนในฐานะประธานาธิบดีตัวจริงได้ตลอดเวลา
นี่คือความกังวลว่าไบเดนจะทำงานด้วยความยากลำบากไม่น้อย เพราะสำหรับทรัมป์แล้ว ทันทีที่ย้ายออกจากทำเนียบขาววันที่ 20 มกราคมปีหน้า เขาก็จะเริ่มหาเสียงเพื่อกลับมาสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่งใน 4 ปีข้างหน้า
America is back but Trump will not leave the scene!
อเมริกาอาจจะกลับมาแล้ว แต่ทรัมป์ยังไม่จากไปไหน!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |