"ธีรัจชัย-ส.ส.ก้าวไกล" ฟันธง 2 ธ.ค. ศาล รธน.ตัดสิน "ประยุทธ์" พ้นเก้าอี้นายกฯ กรณีอาศัยบ้านพักค่ายทหาร ชี้แม้ระเบียบกองทัพบกจะเสนอให้ผู้ทำคุณประโยชน์พักอาศัยได้ แต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองห้ามชัดเจนไม่ให้รับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท เช่นเดียวกับเบี้ยผู้สูงอายุ แนะหากคิดได้ให้ลาออกก่อน
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาลงมติและอ่านคำวินิจฉัย ในวันพุธที่ 2 ธ.ค.2563 เวลา 15.00 น. กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยังคงอาศัยบ้านพักของข้าราชการทหาร แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว ถือเป็นการรับประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ
นายธีรัจชัยกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ซึ่งการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญคือ ห้ามรับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท การอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการทหารภายหลังเกษียณอายุราชการมาแล้วหลายปี ย่อมเกินมูลค่า 3,000 บาทอย่างแน่นอน
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงข้อโต้แย้งที่มีการอ้างกันว่ากองทัพบกมีระเบียบว่าผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ จะสามารถพักอาศัยอยู่บ้านพักข้าราชการทหารได้ ซึ่งในประเด็นนี้มีข้อสังเกตคือ แม้ระเบียบของทางกองทัพบกจะเสนอให้ได้ แต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่า ส.ส. ส.ว. นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ได้ถูกบัญญัติห้ามไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน แม้จะมีผู้เสนอมาก็รับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาทไม่ได้ และไม่นับว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง แต่มาทำให้ประเทศชาติมีปัญหาซับซ้อนมากขึ้น ตั้งแต่เป็นหัวหน้า คสช. จนสืบทอดอำนาจมาเป็นนายกรัฐมนตรี
นายธีรัจชัยกล่าวด้วยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ ได้ใช้อำนาจ กลไกของคณะรัฐประหารวางบุคคลใกล้ชิดมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งตุลาการในศาลรัฐธรรมนูญหลายคนก็ได้รับการแต่งตั้งและได้รับผลพลอยได้มาจาก คสช. อาทิ การสรรหาโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดย คสช.ออกคำสั่งที่ 48/2557 และมี สนช.ซึ่งแต่งตั้งโดย คสช.เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบ จึงหวังว่ากระบวนการยุติธรรมต้องไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจให้กับผู้มีอำนาจ หรือใช้เป็นทางลงให้กับผู้มีอำนาจ เพราะจะเป็นการทำลายหลักการนิติรัฐของประเทศ ไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นและเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน
"แม้กองทัพบกจะให้สิทธิในการอยู่ แต่ก็ห้ามรับ นี่คือข้อกฎหมายที่สำคัญ เขาให้แต่รับไม่ได้ เช่น กรณีเบี้ยผู้สูงอายุที่รัฐบาลให้ผู้สูงอายุทุกคน สมมติว่าเกิน 3,000 บาท คนอายุเกิน 60 ปี สามารถรับเบี้ยตรงนี้ได้ แต่ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีจะมารับไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามมาตรา 184 ของรัฐธรรมนูญ จะตีความเป็นอย่างอื่นว่าเขาให้มีสิทธิ์รับไม่ได้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์คิดได้ คงไม่ต้องให้เป็นภาระศาลในการวินิจฉัย แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้ศาลวินิจฉัย ก็หมายความว่าต้องการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมาวินิจฉัย เพื่อหนึ่งรับรองสิทธิ์ตัวเอง สองตัดสิทธิ์ตัวเอง กรณีนี้มีข้อเสี่ยงทางกฎหมาย สมมติว่ามีการใช้อำนาจตุลาการมาวินิจฉัยที่ดูแล้วฝืนความรู้สึกประชาชน คือมองว่าเขาให้ก็มีสิทธิ์รับ ก็จะทำให้กระทบกระเทือนถึงความน่าเชื่อถือไปยังองค์กรตุลาการ แต่หากตัดสินว่าผิด นายกฯ ก็จะเสียเอง กลายเป็นคำถามว่าทำไมจึงทำผิด"
นายธีรัจชัยกล่าวด้วยว่า ข้อดีเรื่องนี้คือจะเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่กรณีนี้จะกระทบกระเทือนไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้วย ในกรณีนาฬิกาเพื่อนซึ่งเป็นการรับประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท แม้ ป.ป.ช.จะบอกยุติเรื่องหรือบอกว่าเป็นการยืมใช้คงรูปก็แล้วแต่ แต่ก็ถือเป็นประโยชน์อื่นใดจากเพื่อน จากบุคคลภายนอก ถ้าปล่อยให้มีการสงสัยว่ามีการใช้กลไกช่วยเหลืออีก ก็จะเป็นการทำลายระบบนิติรัฐของประเทศอย่างร้ายแรง และอาจจะเกิดวิกฤติขึ้นมาอีกในอนาคตก็ได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |