แล้วก็กลายเป็น “เด็กเลี้ยงแกะ” กันอีกรอบ สำหรับการนัดชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่เดิมนัดชุมนุมที่ “สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” โดยได้เปลี่ยนโลเกชั่นมา “สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์” ซึ่งก็แปลกอย่างมากที่บรรดากองเชียร์และม็อบต่างดีใจสะใจกันอย่างมากในโลกโซเชียล ที่สามารถทำให้ “ฝ่ายความมั่นคง” และ “รัฐบาล” ต้องหัวหมุนกับการสกัดกั้นการชุมนุมแบบไม่ทันตั้งตัว โดย มีการอ้างไปถึงเรื่อง “ภาษี” ที่ต้องใช้จ่ายไปว่าสะใจ ดีกว่าให้รัฐบาลนำไปใช้ในเรื่องต่างๆ ...๐

ไม่รู้ว่า “ใคร” ยัดเยียดหรือคิดกันเองว่าการผลาญภาษีโดยใช่เหตุนี้เป็นการ “ทวงคืนภาษีราษฎร” เพราะความเป็นจริงมันเป็นการทำร้ายทำลายภาษีของคนทั้งประเทศมากกว่า  แทนที่จะได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ นี่หรือความคิดของคนที่บอกว่าเป็น “คนรุ่นใหม่” แล้วที่เป็นตลกร้ายอย่างมากคือ การหลงใหลได้ปลื้มกับการโกหกพกลมว่าเป็นเรื่องที่ดี!!! ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเขาก็พร่ำบอกหลายครั้งว่าไม่มีชนชั้นและศาสนาอยู่แล้ว ...๐ สงสัยเรียกว่าเป็นสายเลือดซึมจากตัวพ่อนั่นเอง ที่ “โกหก” จนเคยตัวนั่นแล เพราะในเมื่อบ่มเพาะกันมาตั้ง 8-9 เดือนแล้ว ใกล้ชาดก็ย่อมเป็นสีแดงฉันใด ใกล้คนโกหกหลอกตัวเองทุกวันก็ย่อมเป็นฉันนั้น ...๐

ที่สำคัญบรรดา ทั่นผู้ทรงเกียรติก้าวไกลและเพื่อไทยทั้งหลายเลิกเรียกว่าเป็น “ม็อบเด็ก” และ “ม็อบเยาวชน” ได้แล้ว เพราะภาพที่เห็นที่ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 55 รายที่บาดเจ็บจากการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เกียกกายนั้น มีถึง 10% ไหมที่เรียกว่าเป็น “เด็กและเยาวชน” ...๐

“กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” ดังที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีได้ไขขานเอาไว้ในเรื่องการใช้กฎหมายมาตรา 112 นั้น ดูเหมือน  “พริษฐ์ ชิวารักษ์” หรือ “เพนกวิน” จะไม่ยี่หระแต่ประการใด เพราะในการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ถนนอักษะก็ประกาศกร้าวไปแล้ว และในการชุมนุมที่ไทยพาณิชย์ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน เรียกว่า “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ว่างั้นเถอะ ...๐

ในขณะที่กองเชียร์ก็น่าสนใจ โดยเฉพาะ “เหวง โตจิราการ” แกนนำ นปช. ที่เมื่อคราวได้รับพระราชอภัยโทษปล่อยตัวออกมาเมื่อเดือน ก.ย. จากโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือนในคดีบุกบ้านสีเสาฯ ซึ่งประโยคแรกๆ คือซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ดูเหมือนในช่วงหลังๆ กลับกลายเป็นเรื่องกินบนเรือนขี้บนหลังคาเสียแล้ว เพราะ ดูเหมือนสนับสนุนม็อบราษฎรแบบสุดลิ่ม ทั้งที่ก็รู้ว่า “เป้า” ของม็อบคืออะไร แต่หากดูประวัติศาสตร์ก็ไม่แปลกใจ เพราะในกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีแนวคิดอยู่ในเส้นเลือดมิใช่เหรอ ...๐

แปลกแต่จริงคูณสองคือกรณีการแถลงข่าวเบื้องลึกเบื้องหลังม็อบ โดยไล่ไทมไลน์อย่างชัดเจนของ “ถาวร เสนเนียม” รมช.คมนาคม ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้าบรรยายที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2559 รวมถึงกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ในหนังสือ “Portrait ธนาธร” ที่ถูกตีพิมพ์เมื่อเดือน พ.ย.2561 และมาถึงจุดพีกที่สุดเมื่อ 21 ก.ย.63 หลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งไม่เห็นมีบรรดาสาวกหรือเจ้าตัวออกมาโต้ “ถาวร” แบบชัดๆ เลย ...๐

แม้ล่าสุด “ทอน” ของ สาวกจะโบ้ยว่าเป็นการสร้าง "ปีศาจ” และ “แพะ” ขึ้นมารับบาป รวมยังลากโยงไปถึง “จอร์จ โซรอส” ที่บริจาคเงินให้ไอลอว์แบบเรียกว่าหาสมัครพรรคพวกเข้าไปอีกแล้ว ก็ได้แต่มึนว่า “พ่อฟ้า” ตีมึนได้สุดยอดสาวกจริงๆ เพราะในที่สุดก็ไม่มีใครหรือสื่อไหนถามในเนื้อหาหนังสือของ “ธนาธร” เลย ...๐

หันกลับไปเรื่องปากท้องชาวบ้านที่ท็อปฮิตอย่าง “คนละครึ่ง” กันบ้าง เพราะมีคำยืนยันจาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมย้ำชัดๆ ว่ามีเฟส 2 แน่ แต่ดูเหมือนเนื้อหาที่หลุดจากปาก “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดกระทรวงการคลัง ช่างแปร่งปร่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการบอกว่าผู้ใช้ช้อปดีมีคืนไม่ได้สิทธิ อย่างนี้เรียกว่า “2 มาตรฐาน” หรือไม่ เพราะผู้ลงทะเบียบนเฟสแรกแล้วอาจได้ต่อเฟส 2 ทันที เท่ากับวงเงินรวม 6 พันบาทต่อรายทีเดียว ในขณะที่ช้อปดีมีคืนนั้นไม่ใช่ทุกคนจะได้สิทธิ์ 3 พันบาทด้วยซ้ำ เพราะ บางรายรายได้แตะการเสียภาษีเงินได้แค่ 5% ซึ่งก็เท่ากับหักภาษีได้แค่ 1,500 บาทเท่านั้นเอง อย่างนี้ตกลงว่าจะช่วยคนมีรายได้เยอะหรือน้อยกันแน่ ...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวชาวบ้านอีกเรื่อง ซึ่งเป็นความทุกข์ร้อนของชาวบ้านที่ต้องนั่ง รถเมล์สาย 519 สวนสยาม-สาธุประดิษฐ์ โดยเฉพาะชาวคลองเตย-อ่อนนุช เพราะต้องรอรถยาวถึง 2-3 ชม.กว่าจะมาคัน โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ก็ หวังว่า “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม จะลงมาใส่ใจในเรื่องเล็กๆ บ้างไม่ใช่มัวแต่พะวงเรื่องเมกะโปรเจ็กต์ว่าด้วยการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอยู่เลย ...๐

...ท.ศักดิ์