25 พ.ย.63 - เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฏร แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามประกาศคปก.อนุญาตให้ใช้ที่ดินสปก.เพื่อกิจการอื่นๆที่เป็นการสนับสนุนเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร โดยเห็นว่า กมธ.ให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ สร้างผลกระทบต่อเกษตรที่ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งที่ผ่านมาการจัดสรรที่ดินก็มีความเหลื่อมล้ำไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว พอมีประกาศนี้ออกมาก็กระทบต่อเกษตรกรจำนวนมาก โดยตรง ที่ยังรอการจัดสรรที่ดินของสปก.อยู่ เราจึงได้เชิญเลขาธิการสปก.มาชี้แจงถึงรายละเอียดของประกาศดังกล่าว
นายอภิชาติ กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวในการกำหนดรายการกิจการที่เป็นการกำหนดรายการกิจการอื่น เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของกิจการ ทางกมธ.เห็นว่าประกาศดังกล่าวยังขาดความชัดเจนในเรื่องคุณสมบัติของผู้เช่าในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ใช้ที่ดินที่ประกาศนี้ได้ขยายความการเช่าที่ดิน การจัดการ หรือการก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ในที่ดินสปก. เช่น โรงงานน้ำตาล โรงงานแปรรูปผลผลิตการเกษตร ซึ่งลำพังศักยภาพของเกษตรกรคงจะทำไม่ได้ ในการประกาศดังกล่าวขาดความชัดเจนและขอบเขตของกิจการที่จะใช้ที่ดิน และเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่ขอเช่าหรือขออนุญาตทำกิจการเหล่านี้
“ทางตัวแทนสปก.ชี้แจงว่าใครก็ได้สามารถเข้ามาขอเช่าที่ดินสปก.ใช้ ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกร จึงเกรงว่าจะมีกลุ่มทุนเข้ามาขอใช้พื้นที่ทำโรงงานหรือขอทำที่พัก หอพักได้ด้วย ถือเป็นการเปิดช่องว่าง ให้โอกาสคนที่ไม่ใช่เกษตรกร ถือเป็นการริดรอนสิทธิ์ของเกษตรกรตามกฎหมายที่ดิน จะยิ่งทำให้การเข้าถึงที่ดินของเกษตรกรที่มีน้อยอยู่แล้วจะน้อยลงไปอีก ถือว่ากระทบต่อเจตนารมณ์ของพรบ.ปฏิรูปที่ดิน เพราะกฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อเน้นช่วยเหลือเกษตรกรที่ยากจน ไม่มีที่ดินทำกิน ดังนั้น กมธ.จึงเห็นว่ากระทรวงเกษตรฯควรจะทบทวนการบังคับใช้ประกาศนี้ เพราะเรากังวลว่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดิน การเปิดช่องว่างให้บุคคลที่ไม่ใช่เกษตรกรที่จะนำไปสู่การขายสิทธิ์ นิติกรรมอำพราง การกำหนดประเด็นให้เช่าพื้นที่สปก.หรือการอนุญาตให้ประกอบกิจการอื่นๆตามแนบท้ายประกาศที่ออกมานี้ รวมถึงการกำหนดคุณสมบัติถือว่าไม่ชัดเจน” นายอภิชาติ กล่าว
ด้านายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวเสริมว่า ประกาศนี้ลงนามโดยร.อ.ธรรมนัส ลงวันที่ 31 ตุลาคม 63 หลังกมธ.รับฟังการชี้แจงของสปก.แล้ว เราเห็นว่าประกาศฉบับนี้มีบทบัญญัติที่เปิดช่องให้มีการเช่าที่ดินสปก. เมื่อกมธ.ซักถามว่าที่ที่เช่าสปก.เอามาจากไหน ได้รับคำตอบว่า 1. จากที่ว่าง มีที่มา 2 ทาง คือ 1.ที่ว่างที่มีผู้สละสิทธิ์ในที่ดินสปก. และ2ที่ว่างที่สำนักงานสปก.ยังไม่ได้ขึ้นรูปแปลงที่ดิน และรังวัดให้กับประชาชนที่ต้องการที่สปก. เมื่อถามต่อว่าคุณสมบัติของผู้เช่าเป็นใครบ้าง ได้รับคำตอบว่าเป็นการเปิดกว้าง เพื่อเปิดโอกาสให้สหกรณ์สามารถเข้ามาเช่าได้ และเปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาเข้ามาขอเช่าใช้ที่ดินสปก.ได้เช่นเดียวกัน โดยไม่มีการกำหนดคุณสมบัติว่าคนจะมาขอเช่าต้องเป็นเกษตรกร และไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการเช่าว่ากี่ปี โดยเบื้องต้นระบุว่าให้เช่า3 ปี แต่ถ้ามีการลงทุนที่ต้องใช้เวลามากกว่า3 ปีก็สามารถให้คณะกรรมการสปก. ซึ่งตามระเบียบนี้ใช้คำว่า”ผู้มีอำนาจ” อนุญาตให้เช่าต่อได้ด้วย
“ขณะนี้ยังมีเกษตรกรยากจนที่ไร้ที่ดินทำกินยังต้องการใช้พื้นที่ดินทำกินอีกนับเป็นล้านราย จึงเกิดคำถามว่าทำไมรัฐมนตรีและสปก.ถึงออกระเบียบเปิดช่องนี้มา กลับไม่จัดที่ว่างเหล่านี้ให้กับเกษตรกรผู้ยากจนตัวจริงที่รอคิวการอนุมัติ แต่กลับเปิดช่องให้นายทุน คนทั่วไป เข้ามาใช้ที่สปก.โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา กรรมาธิการเกรงว่านี่จะเป็นการเปิดตลาดที่ดินสปก.ให้นายทุนเข้าใช้พื้นที่ได้ทั่วประเทศ โดยไม่มีการกำหนดแบ่งแยกพื้นที่ เช่น กรณีฟอร์ล่า พาร์ค ที่จ.นครราชสีมา ที่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ และระเบียบฉบับนี้ออกมาโดยไม่มีการรับฟังความเห็นของประชาชน การทำเช่นนี้ถือเป็นการสุ่มเสี่ยงขัดเจตนารมณ์กฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ปี2518 ซึ่งที่ผืนแรกเป็นที่พระราชทานส่วนพระองค์ของในหลวงรัชการที่9 ดังนั้น เราจึงเรีกยร้องให้รัฐมนตรีที่ลงนามทบทวนระเบียบเรื่องนี้ และจะยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้หยุดการบังคับใช้ระเบียบฉบับนี้ทันที โดยต้องมีการเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนก่อน” นายสาทิตย์ กล่าว
ขณะที่นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ตนอยู่ในสภายังไม่ทราบเรื่องนี้เลยว่ามีการออกระเบียบประกาศนี้ ก็ตกใจมาก ถือเป็นเรื่องประหลาดที่แอบกระทำอย่างเงียบเชียบ เป็นการเปิดโอกาสให้รุกป่าอย่างมโหฬารในอนาคตอันใกล้ วันนี้พื้นที่ไข่ขาวต่างๆในเขตปฏิรูปที่ดิน ทั้งภูเขา ที่ราบ และไหล่เขาเต็มพื้นที่ทั่วประเทศไปหมด แต่กลับเปิดโอกาสให้มีการใช้พื้นที่ทั้งหมดโดยเท่าเทียม คนเมื่อเข้าใช้พื้นที่แทนที่จะบอกว่าเปลี่ยนอาชีพไม่แล้ว กลไกลเปลี่ยนแปลงแล้ว แทนที่จะให้คนที่มีที่ดินสปก.หรือให้ลูกหลานเข้าไปทำใช้ประโยชน์ สร้างที่พักอาศัย ของบรรพบุรุษอย่างนี้ไม่มีปัญหา แต่กลับมาเปิดโอกาสให้ใครก็ได้เข้ามาใช้ที่ดินสปก.ทำธุรกิจ ซึ่งที่สุดแล้วปลาใหญ่จะกินปลาเล็กทั้งหมด ชาวบ้านก็ต้องขายที่ดินต่อให้นายทุนอยู่ดี แล้วก็ไปรุกป่าในพื้นที่ไข่แดงพื้นที่ต้นน้ำสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่รู้จบ ป่าสงวนแห่งชาติจะอยู่กันได้อย่างไรในอนาคต หากเปิดให้คนเข้าไปใช้พื้นที่ได้ทั้งหมด เรื่องนี้ตนเชื่อว่าไม่จบลงง่ายและได้เสนอกมธ.ไปข้อหนึ่งว่าหากจะอนุญาตให้ใช้ที่ดินสปก.ต้องให้กับผู้มีสิทธิ์ในสปก.เดิมสามารถทำได้เท่านั้น ไม่ใช่เปิดเปิดให้คนที่ไม่ใช่เกษตรกรมาใช้ที่ดินตรงนี้มันขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทำอย่างนี้ไม่ถูกไม่ต้อง เป็นถึงผู้ใหญ่ทำมาได้อย่างไร
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |