เฮ้อ.....
ปลงสังขารตัวเองน่ะครับ!
เห็น "เด็กส้ม" ในเข่งธนาธรกับ "เด็กแดง" ในเข่งทักษิณ หลอมเป็น "ม็อบล้มเจ้า" เกิดผลิตภัณฑ์ "รุ่นใหม่ ๓ นิ้ว"
จะบุก "สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์" วันนี้ (๒๕ พ.ย.๖๓) แล้ว "โรคหัวใจ" ผม กำเริบ
เลยต้องไปนอนพยาบาลใจอยู่โรงพยาบาลหลายวัน
หมอบอก แก่แล้ว หัดเจียมสังขารซะบ้าง อย่าหลงตัวว่าสำคัญในงาน ชนิดที่ใครๆ จะมาทำแทนไม่ได้
หมอเทศน์ เอ้ย..หมอพูดถูก
ความจริงทุกวันนี้ ก็แทบไม่ได้ทำอะไร ทีมงานกอง บ.ก. "คุณกรรณิกา-คุณฉัตรชัย" เขาทำ ส่วนผม ทำตัวให้วุ่นวายไปวันๆ แล้วก็บอกว่า "งานยุ่ง"
จึงเป็นสาเหตุที่ผมจะเรียนท่านว่า "คุณผักกาดหอม" จะมาห่อข่าววิเคราะห์ประเด็นประกอบข้อมูลแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านตรงนี้แทนผมบ่อยมากขึ้น
และต่อไป ก็คงประจำการตรงนี้!
ส่วนผม หยั่งว่า "แก่อยู่ส่วนแก่" ตั้งใจจะไปเกาะแกะอยู่หน้าอื่นในไทยโพสต์นี่แหละ
กำลังเล็งอยู่ว่า ตรงไหนไม่เป็นเนื้อที่ผูกขาด หมายถึงว่าวันไหนไม่ได้เขียน ก็เหมือน "คืนพื้นที่ข่าว" โดยอัตโนมัติ ไม่เป็นตัวถ่วงให้กระบวนการผลิตเขาล่าช้า
เนี่ย....
อย่างคุยวันนี้ ก็แทบคลุมโปงคุย เพราะขี้หด-ตดหายกับข่าวอึกทึกครึกโครม "แดงส้ม ๓ นิ้ว" บุก "สำนักงานทรัพย์สินฯ"
การบุกสำนักงานทรัพย์สินฯ วันนี้ ถือว่า "แดงส้ม ๓ นิ้ว" เปิดหน้าให้เห็นกันจะจะ แจ้งแจ้งไปเลย ว่า
พวกกูต้องการ "ล้มกษัตริย์"!
หลังจากใช้คำว่า "ปฏิรูป" ซ่อนเจตนาในการทำมานาน ก็คงหวังใช้คำ "ปฏิรูป" เป็นเงี่ยง ไว้ยักตอนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น
การประกาศระดมคนไปบุก "สำนักงานทรัพย์สินฯ" ทั้งให้ตระเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงประกาศรับบริจาคยุทธภัณฑ์เพื่อการชุมนุม
แม้ ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ คณะก้าวหน้า, พรรคก้าวไกล, พรรคเพื่อไทย จะมีมุมมองว่า นั่น...เพื่อการปฏิรูป ไม่ใช่การล้มล้าง ก็เถอะ
แต่ผม มันคนรุ่นเก่า ใคร่ครวญแล้ว ปฏิรูป-แค่คำอ้าง, แต่ล้มล้าง นั้นแหละ คำจริง
เพราะการบุกสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ บวกกับคำผรุสวาทของแกนนำ หยามเย้ย ท้าทาย อาฆาตมาดร้ายต่างๆ นานา ต่อองค์ "พระมหากษัตริย์"
สมบูรณ์ในตัวมันเองแล้วว่า นี่คือ........
ก่อการกบฏ "ล้มล้างสถาบัน" เป็นอื่นไปไม่ได้!
ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์-ก้าวไกล-เพื่อไทย ใจแข็ง มองว่า เป็นความสวยงามทางประชาธิปไตย เป็นกระบวนการปฏิรูปเพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ก็เถอะ
แต่ผม รุ่นเก่า ไม่ว่ามองแง่ไหน ยังไงๆ มันเพื่อล้มล้างชัดๆ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ผมไม่ใช่นักกฎหมาย พูดจากความรู้สึกตอบสนอง ไม่มีหลักให้ยึดถือ แต่เมื่อวาน "คุณถาวร เสนเนียม" รมช.คมนาคม ประชาธิปัตย์ พูดมีหลัก เพราะท่านเป็นนักกฎหมาย
"ยืนยันได้ว่า........
มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มนี้ และมีขบวนการ 'ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์' อย่างแน่นอน
รวมถึงมีการใช้เยาวชนเป็นสะพานเชื่อมนำไปสู่การ 'เปลี่ยนแปลงการปกครอง' ที่มีเป้าหมาย
คือ 'การล้มล้างสถาบัน' แม้เลี่ยงไปใช้คำว่า 'ปฏิรูป'
เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่างหลักคิดของคนบงการที่ถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าว 'เป็นหลักคิดชุดเดียวกัน'
คือ ต้องการ 'เปลี่ยนแปลงสถาบัน' ที่เป็นอุปสรรคต่อการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของกลุ่มตัวเอง"
ฟันธง แล้ว รมช.ถาวรนำคลิปนายปิยบุตร ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เรื่อง "Thailand in a Deeper State of Crisis?" เมื่อ ๑๑ มิ.ย.๕๙ มาเปิดให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วย ว่า
ที่นายปิยบุตรไปบรรยาย.......
กล่าวหา "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙" ว่า "มีอำนาจอิทธิพล เหนือผู้พิพากษา" ซึ่งเป็นการ "บิดเบือนข้อเท็จจริง"
เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๙ นั้น ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ไม่ได้สั่งการอะไรที่ไม่มีกฎเกณฑ์ต่อศาล
และพระองค์ไม่เคยดำเนินการตามใจชอบนอกเหนือที่รัฐธรรมนูญกำหนด รวมถึงทรงย้ำว่า ไม่เคยใช้อำนาจของพระองค์ ตามที่นายปิยบุตรบิดเบือน
นอกจากนี้แล้ว.......
รมช.ถาวรยังนำคำพูด "นายธนาธร" ในหนังสือ "Portrait ธนาธร" ตีพิมพ์เมื่อ พ.ย.๖๑ มาชี้ให้เห็นถึงการ "ร่วมสมคบคิด" ที่ธนาธรพูดว่า
“...วิธีการของเรา คือ
ต้องมีอำนาจและต่อรอง(กับ)....นี่ต่างหากคือเป้าหมาย
ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้...”
รมช.ถาวรยังบอก เฝ้าติดตามกลุ่มนี้มากว่าปี ผ่านพฤติกรรมต่างๆ เช่น
-ธนาธรพูดในงานวิชาการหลายแห่ง มีเนื้อหาตอกย้ำการปฏิรูปสถาบัน
-ธนาธร-ปิยบุตร จัดตั้งพรรคการเมืองมาดำเนินการต่างๆ พุ่งเป้าเรื่องสถาบัน
-จัดชุมนุมแบบแฟลชม็อบหลายครั้ง หัวข้อชุมนุมมักเกี่ยวกับการล้มล้างสถาบัน
-มีความพยายามเปลี่ยนชื่อสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง อาทิ "สนามหลวง" เปลี่ยนเป็น "สนามราษฎร"
-ปิยบุตรโพสต์ข้อความ ๒๗ ก.ค.๖๓ อ้างอิงปฏิวัติฝรั่งเศสกับการเปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ
-ปิยบุตร-ธนาธรใช้เวลา ๘ เดือน ปลุกปั่นให้เยาวชนเกลียดชังสถาบัน ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายหลอมความคิด
-ใช้สื่อโซเชียลสร้างวาทกรรมที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง (Hate Speech)
ครับ.........
นี่เป็นมุมมองทั้งด้านกฎหมายและด้านสำนึกต่อความผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี ผ่านพฤติกรรมแดงส้ม ๓ นิ้ว และพฤติกรรมธนาธร-ปิยบุตร ของคุณถาวร และท่านระบุ
เข้าข่าย "ล้มล้าง"
ทั้งบอก ตำรวจ ฝ่ายมั่นคง ฝ่ายปกครอง ต้องดำเนินคดีต่อผู้บงการทุกระดับอย่างเด็ดขาด อย่าขี้ขลาด!
นี่ มุมมองระดับผู้ใหญ่.......
แล้วระดับเด็กๆ ที่ไม่ใช่ "ซอมบี" ของสามสัส ที่อนาคตจะเป็นผู้ใหญ่ รับมรดกชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ นำพาประเทศต่อไปล่ะ เขามีมุมมองกันอย่างไร ผมมีตัวอย่างให้ปลื้ม
เมื่อวาน Arnond Sakworawich เอากระดาษทำข้อสอบนักเรียนมาโพสต์ เรียกเสียงฮือฮามาก
เป็นกระดาษทำข้อสอบของ "ด.ญ.จุฑามาส ละอองแก้ว" ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านใหม่ อ.สะเดา จ.สงขลา
ข้อสอบแบ่งเป็น ๒ ตอน.......
ตอนที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนคำควบกล้ำ ๕ คำ แล้วแต่งประโยคจากคำนั้น มี ๑๐ คะแนน
ในข้อสอบ "ให้ตัวอย่าง" คำควบกล้ำ เช่น เปลี่ยนแปลง = ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงควรสวมเสื้อกันหนาวบ้าง
นักเรียนหาคำควบกล้ำมาแต่งประโยคได้ ดังนี้
๑.พระมหากษัตริย์ = ครอบครัวฉันรักพระมหากษัตริย์
๒.ประชาชน = ประชาชนในประเทศไทยมีประมาณ ๗๐ ล้านคน
๓.ประเทศ = กรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส
๔.พระบาท = พระบาทในคำสามัญ แปลว่าเท้า
๕.ประท้วง = เยาวชนปลดแอกออกมาประท้วง
ตอนที่ ๒ ให้เขียนเรื่องพร้อมตั้งชื่อเรื่องจากคำที่หามาได้ในตอนที่ ๑ ความยาว ๑๐ บรรทัด มี ๑๕ คะแนน
นี้เป็นเรื่อง ๑๐ บรรทัด ด.ญ.จุฑามาส ชั้น ป.๕ เขียน
พลังเงียบที่จะไม่เงียบอีกต่อไป
-----------------------------------
"วันนี้ ฉันได้นั่งดูข่าวเกี่ยวกับคนที่ออกมาประท้วงชู ๓ นิ้ว พวกเขาบอกว่า พวกเขาจะปฏิรูปพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ล้มล้าง
แต่พอฉันไปดู ๑๐ ข้อที่เขาเรียกร้องให้ปฏิรูปแล้ว ฉันก็คิดว่า มันก็ไม่ได้ต่างจากการล้มล้างเลย
ประชาชนกว่า ๙๔% ของประเทศอังกฤษ ต้องการให้มีพระมหากษัตริย์ของประเทศเขาอยู่ต่อไป พระมหากษัตริย์ของไทยมีมานับ ๑,๐๐๐ ปี แต่บางคนที่ไปประท้วง มีอายุไม่ถึง ๒๐ ปี
ฉันอยากให้พวกคุณมองย้อนกลับไปว่า ถ้าไม่มี ร.๑ เราก็เป็นทาสพม่า ถ้าไม่มี ร.๕ เราก็เป็นทาสรับใช้ ถ้าไม่มี ร.๗ เราก็ไม่ได้ประชาธิปไตย ถ้าไม่มีพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประเทศไทยคงไม่เจริญมาถึงจนทุกวันนี้
นักการเมืองบางคนใช้เด็กเป็นเส้นทางในการหาประโยชน์ให้ตนเอง ซึ่งเราไม่ควรทำตาม
เพราะคนพวกนี้อยู่ไปก็ไม่เจริญ และเราควรรักสถาบัน"
คะแนนเต็ม ๒๕ ได้เต็ม ๒๕ ไปเลย!
ความจริง น่าจะได้เพิ่ม ๑ คะแนนเป็น ๒๖ โดยตัดจากครูผู้ตรวจข้อสอบ เพราะไม่ขีดแดงคำว่า "ฝรั่งเศส" ให้นักเรียนจดจำ เพราะเขียนเป็น "ฝรั่งเศษ"
ทั้งเป็นวิชาภาษาไทย แต่โรงเรียนกลับเขียนตกหล่นเสียเองในข้อสอบ ในคำว่า "ชั้นประถม" ปล่อยออกมาเป็น "ชั้นปรถมศึกษาปีที่ ๕"
แต่เล็กๆ น้อยๆ นั้น ถูกความสูงค่าทางการสอนของครูอาจารย์ที่บ่มเพาะศิษย์ให้เก่ง "ทั้งเรียน-ทั้งเขียน-ทั้งคิด-ทั้งค้นคว้า" เข้ามาทดแทนได้ประทับใจยิ่ง
ชนิดที่ท่าน "รัฐมนตรีศึกษา" จะไม่เชิดชูให้สังคมได้รับรู้ไม่ได้เลยว่า .......
ทั้งครู-ทั้ง ด.ญ.จุฑามาส โรงเรียนบ้านใหม่ คือตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ระบบศึกษาไทย ไม่ได้ล้มเหลว-ผิดทิศ-ผิดทาง อย่างที่พูดและที่กล่าวหากัน
เอาข้อสอบ ป.๕ นี้ ไปให้แกนนำ ๓ นิ้วทำ
ต่อให้ดอกเตอร์อย่างปิยบุตร รวมถึงธนาธรทำด้วย คะแนนเต็ม ๒๕ ได้ซัก ๕
จะลดโทษประหารให้เหลือ "ตลอดชีวิต" เลย...เอ้า!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |