23 พ.ย.2563 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอขยายอายุมาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 เข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาจำนวนผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ที่มาแย่งกันลงทะเบียนผ่านระบบของธนาคารกรุงไทย โดยกระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะเก็บตกกลุ่มตกหล่นให้ครบเพิ่มเติมจากกลุ่มที่ลงทะเบียน 10 ล้านคนในรอบแรก
“กระทรวงการคลังขอเวลาไปพิจารณาตัวเลขกลุ่มที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์ อาจจะเป็น 14-15 ล้านคนก็ได้ โดยได้สั่งให้กรุงไทยไปดูตัวเลขของคนที่เข้ามาลงทะเบียนพร้อมกันใน 3 รอบที่เปิดรับลงทะเบียน ว่ามีปริมาณสูงสุดเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้วงเงินกู้จาก พ.ร.ก. โควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ยังเหลือก็จะนำมาใช้ในส่วนนี้ โดยจะเสนอพร้อมกันกับมาตรการอื่น ๆ เป็นแพคเก็จเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่” นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ การขยายอายุมาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 ก็จะลากยาวให้พ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนออกไปอีก แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะยาวถึง 3 เดือนหรือไม่ ซึ่งในหลักการจะเป็นการต่อเวลาออกไป และเป็นการให้เงินรอบใหม่ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะให้ถึง 3,000 บาทเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะส่วนที่เหลือจากรอบแรกที่ใช้ไม่ทันภายในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ อาจจะไม่ได้ถูกนำไปรวมกับรอบใหม่
นอกจากนี้ รมว.การคลังยังได้สั่งการให้ไปดำเนินการตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ไปดูแลกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐอีก 14 ล้านคน ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ว่าจะมีแนวทางการช่วยเหลืออย่างไร โดยเบื้องต้นจะมีการเสนอเพิ่มสวัสดิการให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ เช่น การให้เงินอุดหนุนเพิ่มเติม ไปพร้อมกับการเสนอมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 เข้าที่ประชุม ศบศ. เป็นแพคเก็จ
อย่างไรก็ดี มาตรการคนละครึ่ง เป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ให้มาใช้สิทธิ์ในมาตรการนี้ ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่ามาตรการช้อปดีมีคืน ดังนั้นการขยายมาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 ออกไปอีก คนที่เข้าร่วมมาตรการช้อปดีมีคืนก็จะไม่สามารถเข้าร่วมคนละครึ่ง เฟส2 ได้เหมือนเดิม
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4/2563 จะฟื้นตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3/2563 ก่อนจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ที่ระดับ 4% ในปี 2564 จากแรงสนับสนุนสำคัญในเรื่องความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการส่งออกของประเทศไทยให้มีทิศทางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชัดเจนเรื่องการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่ในส่วนนี้จะส่งผลดีกับภาคการท่องเที่ยวของไทยในระยะต่อไปที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยกลับเข้ามา โดยทั้งหมดยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับการดำเนินนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไปของกระทรวงการคลัง จะเน้นเรื่องการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจผ่านการรักษาระดับการจ้างงาน แม้ว่าที่ผ่านมากระทรวงการคลังจะมีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือในหลายด้าน ผ่านมาตรการด้านภาษีและสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ เพื่อเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง
“กระทรวงการคลังพร้อมสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ลืมเรื่องวินัยทางการเงินและการคลัง ซึ่งยืนยันว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติต่าง ๆ ของรัฐบาลในขณะนี้เป็นการดำเนินการที่ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินการคลัง และรัฐบาลพร้อมจะดำเนินการในทุกเรื่องเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเชื่อว่าหลังจากนี้กระทรวงการคลังจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมาได้” นายกฤษฎา กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |