โฆษก พปชร.มั่นใจ "บิ๊กตู่" เหมาะสมเป็นผู้นำในสถานการณ์ขณะนี้ ยันการให้ จนท.บังคับใช้กฎหมายทุกมาตราเพื่อความสงบสุขเป็นทางออกตามหลักสากล เพราะการชุมนุมสุ่มเสี่ยงนำไปสู่ความรุนแรง ตร.แจงใช้ ม.112 พิจารณาระดับกองบัญชาการเท่านั้น "เพนกวิน-อานนท์" ปูดอีก "อภิรัชต์" เดินสายเตรียมทำรัฐประหาร ยุให้สาดสีสิ่งปฏิกูลใส่เพื่อแสดงออกว่าไม่กลัว ม็อบ 3 นิ้วตั้ง "การ์ดภาคีเพื่อประชาชน" รวม 10 เครือข่าย ถึงบางอ้อ! นัดชุมนุมที่ถนนอักษะให้มวลชนเสื้อแดงมาร่วมรำลึกเหตุการณ์ปี 57 ลั่นจะเอาคืน ชนะแน่นอน "บิ๊กกวิ้น" ท้าให้ตั้งข้อหา ม.112 ลั่นไม่หนี จะปรับการชุมนุมให้เข้มข้นร้อนแรงยิ่งขึ้น
เมื่อวันอาทิตย์ กลุ่มคณะราษฎร 2563 ได้นัดรวมตัวทำกิจกรรมนิทรรศการงานเฟสติวัล รวมพลังประชาธิปไตย บริเวณถนนอุทยาน-อักษะ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป และตกลงจะสลายการชุมนุมในเวลา 03.00 น.
ทั้งนี้ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ว่า เป็นสิ่งที่กระทำได้ แต่ต้องไม่ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่การชุมนุมในระยะหลังมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงที่อาจพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้ จึงจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนที่มีการขยายความว่า จะใช้มาตรา 112 เพื่อจัดการนั้น แถลงการณ์นายกรัฐมนตรีเน้นให้ใช้กฎหมายทุกมาตราตามความผิดที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีการเน้นที่มาตราใดมาตราหนึ่งเป็นกรณีพิเศษ
"พรรคพลังประชารัฐยังเชื่อมั่นในบทบาทผู้นำประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ได้ดำเนินการด้วยความจริงใจ ทั้งการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ กทม. รวมถึงแนวทางการเจรจาอย่างสันติวิธี ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราในทุกระดับ จึงเป็นทางออกตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก และเชื่อมั่นว่านายกฯ จะไม่ถอดใจ และเดินหน้าเพื่อการปฏิรูปประเทศ รวมถึงฟื้นฟูประเทศหลังสถานการณ์โควิด-19 เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทุกคนและเทิดทูนไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" น.ส.พัชรินทร์ กล่าว
นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ประกาศจะใช้กฎหมายทุกฉบับกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้ตัวเองตั้งแต่แรกแล้วว่าสถานะความชอบธรรมเริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ถ้ายังอยู่ในตำแหน่งไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เสียสละตัดสินใจเพื่อประเทศชาติ เพื่ออนาคตของชาติ อนาคตของคนรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังประท้วงตัวเวลานี้ ควรลาออกไปก่อน จะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นเยอะ แต่ตรงกันข้าม กลับเคร่งครัดมากยิ่งขึ้น ใช้มาตรการที่แรงมากๆ ขึ้น ซึ่งกังวลว่ามันจะนำไปสู่ทางตันมากกว่า
นายปิยบุตรกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มนิสิตนักศึกษาทั่วไปผ่านสถานการณ์ล่อแหลมอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยวุฒิภาวะของเด็กๆ ก็สามารถจัดการชุมนุมผ่านไปได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นต่อไปก็คงไม่มีปัญหาในการชุมนุมแต่อย่างใด เพราะนี่คือการใช้เสรีภาพในการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว คือส่วนตนเองรวมถึงคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไม่มีปัญหาอะไรกันโดยตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกวันนี้ที่รณรงค์กันอยู่ ก็อยากเห็นบ้านเมืองกลับไปสู่ประชาธิปไตย ทั้งนี้ เมื่อเวลามีวิกฤตการณ์ คนก็มักจะคิดว่าจะมีรัฐประหารหรือไม่ แต่ตนเชื่อเหลือเกินว่าถ้าครั้งนี้จะมีเกิดขึ้นอีก มันคงจบไม่เหมือนเดิม คนที่คิดจะทำให้คิดเสียใหม่
นักเรียนเลวคิดสร้างสรรค์
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้ติดตามการชุมนุมและกิจกรรม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ของน้องๆ เยาวชน เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2563 เยาวชนวันนี้ เราต้องยอมรับความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ ความกล้าแสดงออกในการเคลื่อนไหว รวมไปถึงการสะท้อนปัญหาหลายๆ เรื่องที่ซ่อนอยู่ในสังคมออกมาได้อย่างแยบยล ผ่านการตั้งคำถามถึงในโรงเรียนซึ่งควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด วันนี้อาจกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ในอนาคต หากยังไม่ได้มีการแก้ไข น่าเสียดายที่เสียงบริสุทธิ์ของพวกเขาไม่ได้ถูกรับฟัง แต่กลับกำลังถูกผู้มีอำนาจมองเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายและใช้กฎหมายจัดการ วันนี้เราจึงได้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่อายุเพียง 16 ปี กำลังถูกออกหมายเรียกโดยเจ้าหน้าที่ให้ไปรับทราบข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC)
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า "น้องๆ นักเรียน จัดงานได้มีคุณภาพ กิจกรรมดี ได้ข้อคิดดีๆ ในเรื่องการศึกษา นักเรียน สิทธิเด็ก ช่วยกันไล่ไดโนเสาร์ครับ #ม็อบ21พฤศจิกา #บ๊ายบายไดโนเสาร์ #นักเรียนเลว"
สำหรับ นพ.ทศพร จะปรากฏตัวตามที่ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร และกลุ่มนักเรียนเลว แทบจะทุกครั้งเมื่อมีการนัดชุมนุมจนถูกสังคมโซเชียลฯ อีกฝ่ายนำไปล้อเลียนว่า "เป็นผู้ปกครองกลุ่มนักเรียนเลว"
ขณะที่นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว โฆษกกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้ นพ.ทศพร ว่าม็อบนักเรียนเลวจัดชุมนุมคราวนี้ ตัวแทนขึ้นเวที ก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความจอมือถือ เนื้อหาเต็มไปด้วยความหมิ่นเหม่ จาบจ้วงตามสไตล์ของนักเรียนเลวๆ มี Concept ว่า "บ๊ายบายไดโนเสาร์" แต่กลับมีไดโนเสาร์รุ่น 1 ที่แฝงตัวปะปนอยู่ในฐานะเป็นผู้ชักใยคอยควบคุมการแสดงอยู่เบื้องหลัง รู้ยัง! ยุคก่อนนั้นหมอนี่แหละเป็นโฆษกของรัฐบาลไดโนเสาร์ที่โกงจำนำข้าวจนบ้านเมืองล่มจมจนถูกพวกไดโนเสาร์อีกฝ่ายหนึ่งปราบเสียอยู่หมัด สร้างความโกรธแค้นฝังแน่นในใจให้ไดโนเสาร์อย่างแก วันนี้จึงจ้างวานให้เด็กเลวๆ ออกหน้าโจมตีช่วยขับไล่ไดโนเสาร์ที่มีอำนาจออกไป เพื่อให้ไดโนเสาร์อีกฝูงหนึ่งของพวกแกกลับมามีอำนาจ ได้ครองเมืองบ้าง ก็แค่นั้นแหละ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กลุ่มนักเรียนเลวได้จัดชุมนุมใต้สถานีรถไฟฟ้าสยาม บนถนนพระราม 1 เรียกร้องการปฏิรูปสถาบัน มีการเปิดเพลงเต้นล้อเลียนเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งว่า “ตำรวจต้องเร่งจัดการกลุ่มนักเรียนเลวให้เด็ดขาด ให้พวกเขาได้รู้ว่าคุกมีไว้ขังคนเลวๆ ที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตน #คุกไว้ขังพวกนักเรียนเลว”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า กรณีการใช้มาตรา 112 นั้นจริงๆ แล้วหลังจากการยึดอำนาจคราวนี้เป็นการใช้มาตรา 112 มากที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีแนวพระราชประสงค์ออกมาว่าจะไม่ทรงดำเนินคดีมาตรา 112 ตอนที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาอธิบายเรื่องมาตรา 112 รอบแรกนั้นอธิบายข้อความส่วนเดียว เพราะในวรรคต่อจากนั้นคือคนที่จะตัดสินว่าจะดำเนินคดี 112 หรือไม่ มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้น คืออัยการสูงสุด โดยการขอความเห็นจากสำนักพระราชวัง ที่ทำลงไปนั้นเป็นผลดีกับรัฐบาลหรือจะเป็นผลดีกับสถาบัน หรือจะเป็นผลร้ายกับสถาบัน
ระดับ บช.พิจารณาม.112
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ( บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงแนวทางการดูแลและการจัดจราจรกรณีกลุ่มผู้ชุมนุม โดย พล.ต.ต.ปิยะกล่าวถึงการแจ้งข้อหาผิด ม.112 ยังต้องดูตามพฤติการณ์และบริบทของผู้ชุมนุม หากเข้าข่ายก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาตามนั้น ยืนยันว่าตำรวจต้องให้ความเป็นธรรม และการแจ้งข้อกล่าวหานี้จะต้องพิจารณาระดับกองบัญชาการเท่านั้น ส่วนการเตรียมออกหมายเรียกผู้ชุมนุมที่รัฐสภาแยกเกียกกายและหน้า ตร.นั้น สน.บางโพ, สน.เตาปูน และ สน.ปทุมวัน กำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคล จะมีคนผิดมากกว่า 30 รายหรือไม่ ตัวเลขไม่สำคัญ สำคัญที่คนกระทำผิด เชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เบื้องต้นความผิดแบ่งเป็นหลายส่วน สำหรับผู้ชุมนุมเข้าข่ายผิดฐานจัดการชุมนุมโดยมิชอบ บางส่วนสมคบกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความไม่สงบเรียบร้อย อีกส่วนที่ทำลายสิ่งของและกล้องวงจรปิด ฐานทำให้เกิดความเสียหายซึ่งทรัพย์สินเอกชน ทรัพย์สินราชการ และทรัพย์สินสาธารณะ
เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ที่อุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมด้วยนายอานนท์ แสนน่าน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย พร้อมส่วนราชการ อดีตกลุ่มคนเสื้อแดง และ ผกค.เก่า รวมถึงภาคประชาชน รวมกว่า 300 คน ได้ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนปราสาทพนมรุ้ง เพื่อขอพรให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความสุข และแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง รวมถึงเพื่อขอพรให้เกิดความสงบสุข ประชาชนรู้รักสามัคคีกัน และร่วมกันปกป้องสถาบันหลักสำคัญของประเทศ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมได้พูดคุยทำความเข้าใจกับอดีตคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจ รู้รัก หวงแหน และเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ไว้เหนือเกล้า
อดีตหลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรว่า? ไม่ใช่ม็อบที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นม็อบที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระพุทธศาสนาด้วย ซึ่งจะเห็นในม็อบว่ามีธงศาสนาใหม่เกิดขึ้นแล้ว เรียกว่า? "ธงแครอตธรรมจักร" เพื่อจ้องจะล้มล้างรากเหง้าของบรรพบุรุษไทย ถ้าขืนม็อบกลุ่มนี้กระทำการได้สำเร็จ เชื่อว่าศิลปวัฒนธรรมความเป็นชาติไทยจะถูกถอนรากเหง้าจนหมดสิ้น ตอนนี้เลิกได้ก็เลิก หยุดได้ก็หยุดซะ พอได้ก็พอแล้ว กลับไปเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ไปทำหน้าที่เยาวชนที่ดีของชาติ
เมื่อเวลา 13.25 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) หนึ่งในแกนนำกลุ่มราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า "ช่วงนี้กลิ่นรัฐประหารแรงขึ้นเรื่อยๆ และบรรยากาศทางการเมืองช่วงไม่กี่วันนี้เริ่มคล้ายกับช่วงก่อนรัฐประหาร 49 ถ้าเกิดการรัฐประหารขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนออกมาต่อต้านอย่างสุดความสามารถ"
ปูด "อภิรัชต์" จ้องรัฐประหาร
นอกจากนี้ นายพริษฐ์ยังทวีตข้อความด้วยว่า "อภิรัชต์ซึ่งเป็นรองราชเลขาฯ ตอนนี้กำลังเดินสายล็อบบี้พวกตัวเองให้มาก่อรัฐประหาร #ต้านรัฐประหาร" และว่า "ตอนนี้มีสัญญาณรัฐประหารแรงมากจากทางวัง แต่เข้าใจว่าองคาพยพเผด็จการส่วนอื่นๆ ยังไม่เอาด้วยเต็มที่ ขอให้วังเลิกล้ม เลิกความคิดชาติชั่วเช่นนั้นเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ตัวคุณเองจะทรุดไปกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน #ต้านรัฐประหาร"
นายอานนท์ นำภา หนึ่งในแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “ตื่นมาอ่านข่าว กระแส ประชาธิปไตยมันไปไกล ลึก และขยับขึ้นสูงในทุกมิติของสังคมแล้ว สังคมเก่าถูกสั่นคลอน สุดๆ แล้ว ถ้ายังไม่ปรับตัวนี่พังทลายหมดแน่นอน การเปลี่ยนแปลงอาจมาเร็วกว่าที่คิด”
ต่อมานายอานนท์ได้โพสต์ข้อความอีกหลายครั้ง ระบุถึงการทำรัฐประหารว่า “มีคนส่งข่าวมาและให้เช็กข่าวว่า มีการขนสไนเปอร์เข้า กทม. และอภิรัชต์เดินสายขอความเห็นเรื่องการทำรัฐประหาร ให้ผมเช็กข่าวและเตรียมพร้อม แล้วผมจะไปเช็กยังไง? คนที่เกี่ยวข้องคือกองทัพกับอภิรัชต์ ช่วยออกมายืนยันหน่อยได้มั้ยว่ามันไม่จริง” พร้อมระบุถึงวิธีการต้านรัฐประหารว่า ให้คู่สมรสหรือลูกของทหารที่จะออกมารัฐประหาร จัดการตามสมควร ไม่ให้ทหารที่บ้านท่านออกมารัฐประหาร, ต้องปลดอาวุธทหารที่ออกมายืนตามสถานที่สำคัญ ไล่ สาดสี เพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่ฮีโร่, “บ้านพัก” และ “ที่ทำงาน” รวมทั้งรถประจำตำแหน่งของคนที่มีส่วนทุกระดับชั้นในการรัฐประหาร ต้องถูกประณามด้วยการสาดสี หรือสิ่งปฏิกูลอื่นๆ เพื่อแสดงออกว่าเราไม่พอใจ และไม่กลัว
สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่นัดรวมตัวทำกิจกรรมนิทรรศการงาน เฟสติวัลรวมพลังประชาธิปไตย บริเวณถนนอักษะ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า "เสื้อแดงก้าวหน้า 63" ที่มีนายภานุพงษ์ มุกดารา เป็นประธาน ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนมวลชนเสื้อแดงที่เคยร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะเมื่อช่วงเดือนเมษายน 57 ให้เข้าร่วมการชุมนุมที่จัดขึ้น และพบข้อความเชิญชวนให้รำลึกเหตุการณ์ของคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้น และชูข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง และสนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาเป็นจุดยืนหลัก
ขณะที่รูปแบบที่กลุ่มแดงก้าวหน้า 63 จะเข้าร่วมนั้น อาทิ มีรถโมบายกลุ่มแดงก้าวหน้า 63, กิจกรรมร่วมสนุกแบบงานวัดสไตล์คนเสื้อแดง เป็นต้น
เมื่อเวลา 15.00 น. กลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายา กลุ่มแดงก้าวหน้า เริ่มมีผู้ชุมนุมสวมใส่ทั้งเสื้อสีดำและเสื้อสีแดงทยอยเข้าพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าพื้นที่เช่นกัน จำนวน 3 คันรถบัสของกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน และมีเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้านครหลวงเข้ามาติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ถนนด้วย
เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปิดทางเข้าถนนอุทยาน ตรงบริเวณจุดตัดถนนทวีวัฒนา เลียบคลองทวีวัฒนา ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าบริเวณการชุมนุม ส่งผลให้ชาวบ้านไม่พอใจและตะโกนด่าทอตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยอ้างตัวว่าเป็นชาวบ้านบริเวณนี้ ไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ที่ยืนสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว กล่าวว่า สาเหตุที่ปิดเส้นทางบริเวณนี้เพราะต้องการให้ผู้ชุมนุมเข้าทางถนนพุทธมณฑลสาย 4 เพียงเส้นทางเดียว
ต่อมา ?เวลา? 15.55 น.? มวลชนเริ่มทยอยเข้าสู่พื้นที่การชุมนุม ขณะที่? พ.ต.อ.สมศักดิ์? มงคลคุณากร? ผกก.สน.ธรรมศาลา? ได้เข้าเจรจากับแกนนำเพื่อให้ขยับเวทีจากซอยอุทยาน 13 มาที่ซอยอุทยาน 11 แต่ผู้ชุมนุมพยายามขอใช้จุดเดิม? ในที่สุดได้ข้อสรุปว่าให้ตั้งอยู่ระหว่างซอย?อุทยาน 11 และอุทยาน 13
ผุด "การ์ดภาคีเพื่อประชาชน"
พ.ต.อ.สมศักดิ์?กล่าวว่า? ผู้ชุมนุมแจ้งว่าจะชุมนุมตั้งแต่เวลา 16.00 น.จนถึงเวลา 03.00 น. ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง? เพราะผู้ชุมนุมยอมปฏิบัติตามที่ได้มีการพูดคุยและตกลงกันไว้ ขณะที่เจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมจนกว่าผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุม ส่วน พล.ต.ต.เอกชัย? บุญวิสุทธิ์? ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7? กล่าวว่า? ได้แจ้งให้ผู้ชุมนุมจัดชุมนุมให้ห่างเขตพระราชฐานมากกว่า? 150 เมตร
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุมเรื่องการตั้งเวทีสำเร็จ? ปรากฏว่ามีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ?และรถบัสของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) จำนวนหลาย?คันเข้ามาจอดใกล้จุดที่จะผู้ชุมนุมจะตั้งเวที
เวลา? 17.15 น.? ผู้ชุมนุมได้นำโลงศพสีแดงจำนวน? 3 โลง? มาตั้งไว้หน้าแถวตำรวจตระเวนชายแดน? จากนั้นได้เดินวน? 3 รอบ? และวางดอกไม้จันทน์? รวมถึงยืนไว้อาลัย? 3 นาที?เพื่อระลึกถึงการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดง?ที่เสียชีวิต แต่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม? พร้อมกับร่วมกันตะโกนด่าเผด็จการจงพินาศ
เมื่อเวลา 18.00 น. นายตูมตาม (สงวนนามสกุล) แถลงว่า ได้เกิดทีมการ์ดหลายทีมที่ร่วมปกป้องมวลชนที่เข้าร่วมชุมนุม ทางกลุ่มการ์ดจึงได้จัดตั้งกลุ่ม “การ์ดภาคีเพื่อประชาชน” โดยมีกลุ่มการ์ดที่เข้าร่วมอุดมการณ์ ดังนี้ 1.ทีมการ์ดปลดแอก 2.ทีมการ์ดมวลชน 3.ทีมการ์ดราษฎร 4.ทีมราษฎรฝั่งธน เป็นกลุ่มการ์ดอาชีวะ 3 ข้อ 5.ทีมการ์ดเฉพาะกิจ 6.ทีมการ์ดอากิระพลังมวลชน เกิดจากกลุ่มนักเพาะกาย 7.ทีมองค์กรบอดี้การ์ด สเปเชี่ยล ฟอร์ส เป็นทีมจากครูพลาม ซึ่งเป็นอดีตหน่วยซีล 8.ทีมนกพิราบขาว 9.ทีมการ์ดฟันเฟืองประชาธิปไตย เกิดจากกลุ่มพี่น้องอาชีวะ และ 10.ทีมอาชีวะพิทักษ์ประชาชน เป็นการ์ดกลุ่มใหม่ที่พี่น้องอาชีวะก่อตั้งขึ้นมา และเปิดตัวในวันนี้ พร้อมปกป้องและดูแลประชาชนและสนับสนุนในข้อเรียกร้องของประชาชน
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีการประกาศของการ์ดกลุ่มฟันเฟืองอาชีวะเพื่อประชาธิปไตยจะไม่ขอเข้าร่วมการชุมนุมอีก นายตูมตามกล่าวว่า เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และยังคงเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม สาเหตุที่แยกออกมาเพราะความห่างระหว่างวัยของศิษย์เก่ากับศิษย์ปัจจุบัน
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อมาเวลา 18.15 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เดินทางมาร่วมชุมนุมที่เวทีการชุมนุมถนนอุทยาน-อักษะ โดยมีการ์ดคอยรักษาความปลอดภัย
"บิ๊กกวิ้น" ท้าชน ม.112
เวลา 18.30 น. แกนนำทีมจัดกิจกรรมขึ้นปราศรัยสาเหตุของการจัดงานว่า เกิดจากการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี 57 ภายหลัง คสช.ยึดอำนาจ และเป็นการรวมตัวของศิษย์เก่าถนนอักษะเมื่อปี 57 ซึ่งวันนั้นคนเสื้อแดงอาจจะแพ้ แต่วันนี้จะเอาคืนและสามารถชนะแน่นอน โดยบนเวทีจะมีไฮไลต์ตลอด อาทิ ปัญหาตุลาการ ที่คดีคนเสื้อแดงถูกยกฟ้องทั้งที่มีการเสียชีวิต รวมทั้งการที่รัฐสภาไม่รับร่างของไอลอว์ และจะมีการ์ดในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. มาเล่าเหตุการณ์ด้วย นอกจากนี้ภายในงานยังเน้นธีมงานวัด มีม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ รวมถึงมีการฉายหนังกลางแปลงเกี่ยวกับเหตุการณ์
จากนั้นเวลา 18.37 น. พิธีกรบนเวทีได้เชิญชวนผู้ชุมนุมเพื่อชูสามนิ้ว พร้อมเปิดเพลงเคารพของชาติ โดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ รวมทั้งนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ อยู่หลังเวที
ด้านนายพริษฐ์ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ว่า ในวันดังกล่าวจะมีปราศรัยเกี่ยวกับทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เราให้ความสำคัญเรื่องของความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการปะทะ ดังนั้นถ้าเกิดความรุนแรงก็ขอให้ทราบไว้เลยว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้ชุมนุม และที่ผ่านมาความรุนแรงที่เกิดขึ้นก็ไม่เคยมาจากประชาชน แต่มาจากภาครัฐทั้งสิ้น ส่วนจะปักหลักค้างคืนหรือไม่นั้น ขอเก็บไว้เป็นความลับ และจะเปิดเผยอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งจะชุมนุม 7 วันต่อเนื่องหรือไม่ ก็ขอให้ฟังอีกรอบ
"ชัยชนะของพวกเรามาถึงจุดหนึ่งแล้ว นั่นคือการสร้างบรรทัดฐานว่า การพูดถึงพระมหากษัตริย์สามารถทำได้ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ อย่าว่าแต่พูดเลย แค่คิดก็กลัวแล้ว แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่าใครก็ตามที่ใช้อำนาจประชาชน ใช้ภาษีประชาชน สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้" นายพริษฐ์กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากรัฐบาลประกาศจะมีการบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด รวมถึงใช้มาตรา 112 ด้วย จะมีการปรับรูปแบบการชุมนุมและการปราศรัยหรือไม่ อย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า จะปรับให้เข้มข้นและร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ตนยินดีที่จะถูกตั้งข้อกล่าวหามาตรา 112
ถามย้ำว่าหากถูกตั้งข้อกล่าวหามาตรา 112 จะขอลี้ภัยหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่ และจะขอสู้กับพี่น้องอยู่ที่นี่
ต่อมาเวลา 19.45 น. นายพริษฐ์ปราศรัยบนเวทีว่า วันนี้เอามาตรา 112 ที่สะท้อนถึงความรุนแรงป่าเถื่อนมาเล่นงานพวกเรา และมาตรา 112 ก็ใช้มาตั้งแต่ยุคเสื้อแดงมาถึงยุคนักศึกษา ซึ่งเราไม่กลัว และจะเปลี่ยนความกลัวเป็นความโกรธและเกลียดชัง ทั้งนี้ ยืนยันว่าวันนี้สามารถทำให้ประชาชนพูดเรื่องสถาบันได้แล้ว
นายพริษฐ์กล่าวว่า วันนี้พยายามยั่วยุให้ทะเลาะกัน ยิงกัน และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ออกมาเพื่อรักษาความสงบในปี 2557 และครั้งนี้ก็จะใช้แนวทางนี้อีกเพื่อยึดอำนาจ โดยพยายามทำให้เกิดความรุนแรง แต่เรามีสติไม่ตกหลุมพราง ไม่ทำร้ายใคร และไม่ต้องอ้างประชาชนตีกัน มีแต่ทหารที่ปลอมตัวเป็นประชาชนและตีประชาชน ทั้งนี้ หากมีรัฐประหารให้คนทั้งประเทศออกมาเพื่อแสดงพลัง และไม่ให้แย่งชิงแผ่นดินพวกเราอีกต่อไป และวันที่ 25 พ.ย.ให้ออกมาที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เพื่อทุบหม้อข้าวศักดินา ทุบหม้อข้าวเผด็จการ เพื่อคืนให้ประชาชน
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ยังปราศรัยเรื่องงบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างดุเดือด และตั้งคำถามคนเสื้อเหลือง อยากเห็นชาติ เป็นเช่นใดที่รักสถาบันแบบไม่ลืมหูลืมตา ว่าได้ให้อะไรแก่พวกคุณบ้าง นอกจากนี้พร้อมท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจถ่ายคลิปไว้ได้เลย และตัวเองไม่กลัว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |