22 พ.ย.63-พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. แถลงข่าวตอนหนึ่งถึงการแจ้งข้อหาความผิดมาตรา 112 กลุ่มผู้ชุมนุมว่า เจ้าหน้าที่ดูตามพฤติการณ์และบริบทของผู้ชุมนุม หากเข้าข่ายก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหา ยืนยันตำรวจต้องให้ความเป็นธรรม การแจ้งข้อกล่าวหานี้จะต้องพิจารณาระดับกองบัญชาการ 

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ในส่วนการเตรียมออกหมายเรียกผู้ชุมนุมที่รัฐสภา แยกเกียกกาย และหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทาง สน.บางโพ สน.เตาปูน และสน.ปทุมวัน กำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม จะมีคนผิดมากกว่า 30 รายหรือไม่นั้นตัวเลขไม่สำคัญ  สำคัญที่คนกระทำผิด แต่เชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

"เบื้องต้นความผิดแบ่งเป็นหลายส่วน สำหรับผู้ชุมนุมเข้าข่ายผิดฐานจัดการชุมนุมโดยมิชอบ บางส่วนสมคบกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความไม่สงบ เรียบร้อย ส่วนที่ปราศรัยที่พาดพิงผิดฐานหมิ่นประมาท อีกส่วนที่ทำลายสิ่งของและกล้องวงจรปิด ฐานทำให้เกิดความเสียหายซึ่งทรัพย์สินเอกชน ทรัพย์สินราชการ และ ทรัพย์สินสาธารณะ"

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แม้แจ้งการชุมนุมแล้วแต่หากมีการกระทำใดเข้าข่ายความผิดอื่นๆ ตำรวจยังคงต้องพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเช่นทุกครั้ง จึงขอให้ ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 

"กรณีมีแกนนำผู้ชุมนุมแจ้งว่าถูกเจ้าหน้าที่ติดเครื่องจีพีเอสไว้ใต้ท้องรถนั้นยังไม่ได้รับรายงาน เพราะรถส่วนใหญ่ก็ติดอยู่แล้ว  ตำรวจไม่จำเป็นต้องตามขนาดนั้น เรามีวิธีการอยู่แล้ว ส่วนสารเคมีในการฉีดน้ำนั้น สัปดาห์หน้าจะมีการชี้แจงจากผู้จัดซื้อจัดหาและผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่าขั้นตอนทั้งหมด มีวัตถุประสงค์เพื่อระงับยับยั้งไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าเขตแนวที่ห้ามไว้ แต่ยอมรับว่าสารเคมีนั้นมีผลกระทบแน่นอน แต่จะเป็นผลข้างเคียงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับบุคคล สำหรับ อาการบาดเจ็บดูในส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะรับผิดชอบอย่างไร หากผู้ชุมนุมจะฟ้องร้องเราไม่ตัดสิทธิ์ เพราะที่ผ่านมายังมีการฟ้องร้องในส่วนอื่นๆ ด้วย ก่อนการใช้ก็ฝึกซ้อม จนชำนาญ ตำรวจทำตามขั้นตอน"