ทางการอินเดียเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เกิดพายุฝุ่นทั่วภาคเหนือของอินเดียเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ลมพายุหอบเอาฝุ่นทรายทับถมอาคารบ้านเรือน ทำให้ต้นไม้เสาไฟฟ้าหักโค่น มีคนสังเวยชีวิตแล้วอย่างน้อย 100 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 140 คน

รถสามล้อเครื่องวิ่งบนถนนในเมืองมธุรา รัฐอุตตรประเทศ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 / AFP

    เอเอฟพีรายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทางการอินเดียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2561 ว่าพายุฝุ่น ซึ่งมีความเร็วลมมากกว่า 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดกระหน่ำหลายพื้นที่ของรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือ และรัฐราชสถานในฝั่งตะวันตก ตั้งแต่คืนวันพุธ โดยเจ้าหน้าที่จะสำนักงานบรรเทาสาธารณภัยของทั้งสองรัฐนี้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คน

    ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เสียชีวิตขณะกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านที่พังถล่ม หรือไม่ก็โดนกำแพง ต้นไม้ และสายไฟล้มทับ ชาวอินเดียจำนวนมากมักออกมานอนกลางแจ้งในช่วงฤดูร้อน
 
    ในวันพฤหัสบดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาภายใต้ซากบ้านที่พังถล่ม ที.พี. คุปตะ จากสำนักงานผู้ตรวจการณ์บรรเทาทุกข์อุตตรประเทศกล่าวกับเอเอฟพีว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 65 คน จากประมาณ 40 เขตของทั้งหมด 75 เขตในรัฐนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุลูกนี้นับว่ามากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบ 20 ปี

    เขากล่าวเสริมด้วยว่า เฉพาะที่เขตอัครา มีคนเสียชีวิต 43 ราย และมีปศุสัตว์และสัตว์อื่นล้มตายมากกว่า 150 ตัว มีพยากรณ์อากาศด้วยว่าจะมีพายุเกิดขึ้นอีกในรัฐนี้ ช่วง 48 ชั่วโมงข้างหน้า ประชาชนจึงควรระมัดระวัง

    ส่วนเหมันต์ เชระ หัวหน้ากรมบรรเทาทุกข์และรับมือภัยพิบัติรัฐราชสถาน กล่าวว่า หน่วยงานฉุกเฉินอยู่ในภาวะตื่นตัว และประชาชนไม่ควรออกมานอนกลางแจ้ง

    กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียกล่าวว่า จะเกิดพายุเพิ่มอีกในพื้นที่เป็นบริเวณกว้างขึ้นจนถึงวันเสาร์นี้ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาในกรุงนิวเดลีกล่าวถึงพายุฝุ่นลูกนี้ว่าเกิดจากระบบอากาศตะวันออกและตะวันตกมาปะทะกันเหนือที่ราบภาคเหนือที่มีความชุ่มชื้น

สายฟ้าแปลบแปลบเหนืออาคารที่พักอาศัยชานกรุงนิวเดลีระหว่างเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เมื่อคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 / AFP

    ชารัน ซิงห์ นักวิทยาศาสตร์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียกล่าวว่า ลมที่กระหน่ำเมืองอัครามีความเร็วถึง 132 กิโลเมตร/ชั่วโมง แม้แต่ที่กรุงนิวเดลี ลมยังมีความเร็ว 59 กิโลเมตร/ชั่วโมง

    ส่วนที่รัฐราชสถาน ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใน 3 เมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ได้แก่ อัลวาร, โธลปุระ และภารัตปุระ รัฐนี้มีวังเก่าแก่และวัฒนธรรมหลากสีสันที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว

    ที่เมืองภารัตปุระ มีเสาไฟฟ้าหักโค่นมากกว่า 1,000 ต้น ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้ เจ้าหน้าที่กล่าวกันว่า ต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานเกิน 2 วันจึงจะกู้ไฟฟ้ากลับมาเป็นปรกติ

    พายุลักษณะนี้คร่าชีวิตชาวอินเดียนับพันคนในแต่ละปี แต่พายุที่เกิดเมื่อวันพุธเป็นหนึ่งในครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี

    เดือนที่แล้ว พายุแบบเดียวกันได้คร่าชีวิตคนอย่างน้อย 15 รายที่รัฐอุตตรประเทศนี้ และทำลายหออะซาน 2 หลัง บริเวณทางเข้าของทัชมาฮาล.

ต้นไม้ล้มทับรถยนต์หลังเกิดพายุ ที่เมืองบาเรลลี รัฐอุตตรประเทศ / AFP