ธปท.คลอด 3 มาตรการคุมบาทแข็ง-สร้างสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้าย ดีเดย์ปลาย พ.ย.เปิดให้คนไทยฝากเงินบัญชี FCD เสรี ปรับเกณฑ์ลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ ส่วนลงทะเบียนแสดงตนซื้อขายตราสารหนี้เริ่มใช้ต้นปี 64
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยภายนอกทั้งผลของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจโลกมากขึ้น จึงกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทย ส่งผลให้เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเร็ว ซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง โดยธปท.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเข้าดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความผันผวนของเงินบาท
ทั้งนี้ ธปท.เห็นควรให้ดำเนินมาตรการเพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้กับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทย ช่วยให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความสมดุลมากขึ้น ประกอบด้วย
1.เปิดให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี (Foreign Currency Deposit : FCD) และโอนเงินระหว่างบัญชี FCD ของคนไทยได้เสรี จะช่วยให้ผู้ส่งออกบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้คล่องตัวมากขึ้น สามารถทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดต้นทุนการโอนเงินและชำระเงิน ตลอดจนทำให้คนไทยสามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศได้สะดวกขึ้น เช่น การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ และการซื้อขายทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
2.ปรับกฎเกณฑ์และกระบวนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ทั้งในมิติของวงเงินและผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับคนไทยและสนับสนุนให้มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้มากขึ้น ทั้งเพิ่มวงเงินลงทุนให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนโดยตรงได้เป็น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากเดิม 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ลงทุนผ่านตัวกลางในประเทศ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศสำหรับนักลงทุนภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งเปิดให้มีการนำหลักทรัพย์ต่างประเทศมาซื้อขายในไทยได้โดยไม่จำกัดวงเงิน เช่น กองทุนรวมดัชนี (ETF) ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศได้
3.การลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้ (Bond Pre-trade Registration) ผู้ลงทุนในตราสารหนี้ไทยต้องลงทะเบียนแสดงตัวตนก่อนการซื้อขาย ทำให้ ธปท.ระบุตัวตนและติดตามพฤติกรรมของนักลงทุนได้อย่างใกล้ชิด เป็นการยกระดับการติดตามข้อมูลและเอื้อให้ ธปท.สามารถดำเนินนโยบายได้อย่างตรงจุดและทันการณ์ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับการดำเนินการของหลายประเทศ อาทิ เกาเหลีใต้ มาเลเซีย ไต้หวัน และมาตรการข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนใหม่ (FX ecosystem) ที่กระทรวงการคลัง ก.ล.ต. และ ธปท. ผลักดันร่วมกันแบบองค์รวม เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทยอย่างยั่งยืน
"ธปท.ได้เข้าดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีความผันผวนเกินไปจนอาจกลายเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเปราะบางอยู่ในขณะนี้ ใน 3 มาตรการที่ ธปท.ออกมาครั้งนี้ เป็นมาตรการระยะยาว แต่ตอบโจทย์ระยะสั้นไปด้วยในตัว ช่วยทำให้ sentiment นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ทำได้เสรีมากขึ้น สะดวกมากขึ้น" ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.ระบุ
ขณะที่ นางสาวชญาวดี ขัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า ในปัจจุบันค่าเงินบาทมีความผันผวน แต่เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกค่อนข้างมาก ซึ่งในเรื่องของการพักเงิน เราติดตามใกล้ชิด ปัจจัยที่ทำให้เงินไหลเข้ามา ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ไทยเจอประเทศเดียว แต่ประเทศอื่นๆ จะมีการไหลเข้าของเงินทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในตลาดบอนด์ ซึ่งปัจจุบันเงินทุนที่เข้ามาในตลาดของไทยยังไม่พบความผิดปกติ แต่จะติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
นางสาววชิราชี้แจงว่า การเปิดให้คนไทยฝากบัญชี FCD ได้เสรีนั้น จะส่งผลดีต่อหลายฝ่าย ในแง่ของผู้ประกอบการที่ต้องบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศ จะทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมีต้นทุนลดลง เนื่องจากสามารถเก็บรายรับที่เป็นเงินตราต่างประเทศ หรือแลกเงินตราต่างประเทศเก็บไว้ก่อนได้ และสามารถแลกกลับมาเป็นเงินบาทในเวลาที่ต้องการได้ทันที
ขณะที่ในแง่ของการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินตราต่างประเทศจะสามารถบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น และในแง่ของประชาชนเองจะสามารถแลกเงินตราต่างประเทศเก็บไว้ใช้เพื่อการเดินทาง และซื้อสินค้าและบริการในต่างประเทศ รวมถึงการโอนเงินระหว่างกันได้สะดวกขึ้น
"การเปิดให้นักลงทุนรายย่อยของไทยไปลงทุนในต่างประเทศหรือลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศได้มากขึ้น เป็นการสร้างสมดุลให้กับเงินทุนเคลื่อนย้ายของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่มักลงทุนในประเทศ ซึ่งทำให้กระจายความเสี่ยงได้ไม่มากนัก การที่สามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น จะช่วยให้นักลงทุนรายย่อยของไทยมีทางเลือก ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้" นางสาววชิราระบุ
ผอ.อาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า การจะทำให้คนไทยมั่นใจออกไปลงทุนต่างประเทศและบริหารความเสี่ยงได้นั้น ต้องทำให้ระบบและตลาดมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวน ซึ่งทางการจะต้องติดตามข้อมูลต่างๆ ของตลาดอย่างเท่าทัน เพื่อติดตามและรู้ตัวตนของผู้ร่วมตลาด โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตร เนื่องจากเป็นตลาดที่มีผู้เล่นหลากหลาย ทั้งกลุ่ม real money ที่ต้องการลงทุนจริง ผู้เล่นระยะสั้น และผู้เล่นที่เก็งกำไร แม้ว่าการมีผู้เล่นหลากหลายเป็นผลดีกับตลาด แต่ในบางช่วงก็อาจมีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินได้ ธปท.จึงมองว่านักลงทุนควรต้องมาลงทะเบียนเพื่อให้ทางการได้ทราบว่าผู้เล่นเป็นใครบ้าง ซึ่งมาตรการนี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะปิดกั้นการลงทุน ทุกคนยังสามารถเข้ามาลงทุนได้เช่นเดิม เพียงแต่ขอให้มาลงทะเบียนในครั้งแรกก่อนทำการซื้อขายตราสารหนี้
"เรารู้จักคนไทยที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ แต่เรายังไม่รู้จักตัวตนของนักลงทุนต่างประเทศ ดังนั้นการมีมาตรการที่ให้ลงทะเบียนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้ จะทำให้เรารู้จักนักลงทุนที่เข้าออกประเทศเราได้เท่าๆ กัน" นางสาววชิรากล่าว
อย่างไรก็ดี มาตรการลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้นั้น คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ราวต้นปี 64 ส่วนมาตรการเปิดให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี และโอนเงินระหว่างบัญชี FCD ได้เสรี รวมทั้งการปรับกฎเกณฑ์และกระบวนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้อย่างเร็วภายในสิ้นเดือน พ.ย.นี้ หลังจากวันนี้กระทรวงการคลังจะออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวมทั้ง ธปท.และ ก.ล.ต.จะทยอยออกประกาศที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำธุรกรรมได้ภายในเดือน พ.ย.นี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |