ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net "ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีนัก และมีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ความขัดแย้ง นำไปสู่ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ และสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง รวมทั้งความสงบสุขปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยทั่วไป รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติ โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยจะดำเนินคดีต่างๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่สอดคล้องกับหลักการสากล จึงขอแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน"  บิ๊กตู่ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ขึงขังที่สุด นับตั้งแต่มีการชุมนุมไล่พ้นตำแหน่งนายกฯ

            ๐ ถอยอีกไม่ได้แล้ว ผ่านไป 1 เดือน หลังแถลงการณ์นายกฯ ฉบับก่อนที่ขอให้ทุกฝ่ายถอยคนก้าว เพราะเวลานี้คนไทยที่เป็นประชาชนตัวจริงเสียงจริงก็เหลือทนกับพฤติกรรมคนส่วนน้อยที่ชอบอ้างเป็นตัวแทนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ บิ๊กเบิ้มๆ บิ๊กเซอร์ไพรส์เสียจริง กับชุมนุม 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ประหลาด (ใจ) สุดๆ ไม่มีพูดถึงข้อเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น แม้แต่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แค่ประกาศเอาคืนอยากระบายอารมณ์ใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภาพที่ออกมาผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงโซเชียล ประจานฝีมือของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากเห็นความเลอะเทอะของคนทำ ที่ป้ายสีมั่วไปหมด ทั้งต่อสถานที่ราชการ ถนนหนทาง หรือแม้แต่รถของคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ยังถ่ายทอดข้อความสะท้อนสันดานดิบเถื่อนถ่อย จาบจ้วงเบื้องสูง สวนทางกับการศึกษาที่เล่าเรียนมาสิ้นเชิง คราวนี้รอดูชุมนุมใหญ่ (อีกแล้ว) ในวันพุธที่ 25 พ.ย. หน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เตรียมรับได้เลย งานนี้เบิ้มๆ แน่ จัดเต็มทุกฉบับทุกมาตรา

            ๐ เมื่อนายกฯ ประกาศเอาจริงแบบนี้ น่าสนใจว่า ต่อจากนี้ชะตากรรมของแกนนำม็อบสามนิ้วเหล่านี้จะเป็นอย่างไร “กฤษฎางค์ นุตจรัส-ทนายความของกลุ่มแกนนำม็อบคณะราษฎร 2563” ยังปากแข็งว่าไม่หนักใจ ยิ่งถ้านำมาตรา 112 มาดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ส่วนคดีของแกนนำและแนวร่วมตั้งแต่ 13 ต.ค.2563 เป็นต้นมา โดนแล้วกว่า 90 ราย อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนประมาณกว่าแปดสิบคดีทั่วประเทศ โทษสูงสุดที่เป็นข้อหาหนักก็คือ คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 เรื่องการประทุษร้ายต่อสมเด็จพระราชินีฯ ที่เสด็จผ่านผู้ชุมนุมฯ สำหรับโทษพื้นฐานที่แกนนำโดนก็คือ การเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็น ที่ทำให้ประชาชนก่อความวุ่นวายตามกฎหมายความมั่นคงฯ ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นเรื่องการแจ้งข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ-พ.ร.บ.รักษาความสะอาด-พ.ร.บ.จราจร ผู้ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา เยาวชน ซึ่งตอนนี้ได้รับการประกันตัวทั้งหมดแล้ว ก็มีบางส่วนที่ศาลไม่รับฝากขังก็ไม่ต้องประกันตัว นอกจาก "ทนายม็อบ 3 นิ้ว" เล่าถึงเรื่องคดีแล้ว ที่น่าสนใจกว่านั้น ได้ทิ้งท้ายว่า สุดท้ายมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิด "รัฐประหาร" เพราะเชื่อว่ากลุ่มอำนาจเก่าคงไม่อยากให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ!!!!

            ๐ เรื่องงานในสภาก็เป๊ะเต็มที่ตลอด โดยเฉพาะเวลาอยู่บนบัลลังก์ประธานในที่ประชุมสภา แมตช์ใหญ่ๆ ร้อนแรงก็ประคองผ่านพ้นได้หมด ล่าสุดก็ภารกิจประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ หลังเสร็จภารกิจก็ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรทันที เรียกว่าทั้งงานในงานนอกไม่มีบกพร่อง ไม่มีตกหล่น งานนอกสภาที่ถือเป็นกิจวัตรที่ประธาน "ชวน หลีกภัย" ทำมาตลอดบนเส้นทางนักการเมืองมืออาชีพ ก็คือนั่งรถลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้าน เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา "สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล" เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเล่าให้แฟนคลับฟัง ในหัวข้อ "ชวนล่องใต้ทางรถยนต์” ตอนหนึ่งว่า "ท่านชวนนั่งรถตู้ลงภาคใต้ ไล่ตั้งแต่เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร แวะไปตามเส้นทางสายเพชรเกษม ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง การเดินทางด้วยรถตู้ คือการได้สัมผัสกับสภาพความเป็นจริงของบ้านเมือง เช่นถนนหนทาง ชำรุดหรือสะดวกสบายจะได้รู้ ถนนสายใต้ได้ซ่อมปรับปรุงตลอดเส้นทางเพราะท่านชวนทำหนังสือเรียกร้องถึงรัฐบาล เหตุเพราะถนนสายใต้ถูกทอดทิ้งมาจากรัฐบาลที่เลือกปฏิบัติมานาน และในปีนี้ท่านชวนเสนอให้ทางรัฐบาล สำรวจออกแบบถนนสายใต้อีกเส้นหนึ่ง จากใต้มากรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังได้เห็นสภาพเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชนแบบถึงตัว ราคาสินค้าเกษตร ช่องทางทำมาหากิน ครับ นี่คือส่วนหนึ่งที่ได้จากการเดินทางของท่าน พบเห็นอะไรที่ดีๆ จะมาเล่าให้ฟังครับ".

  ลี้คิมฮวง