ผลตรวจวัดฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลเมื่อวันพฤหัสบดี พบค่าเกินมาตรฐาน 6 พื้นที่ เตือนวันศุกร์มีแนวโน้มค่าฝุ่นพุ่ง โดยเฉพาะประเทศไทยตอนบน
    เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร จำนวน 71 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 25-52 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) โดยพบพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 6 พื้นที่ ได้แก่
    1.ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 2.ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม 3.ริมคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา 4.ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 5.ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 6.ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
    ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตฐาน ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมการแจ้ง โดยสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ bangkokairquality.com
    ขณะที่ภาพรวมปริมาณ PM 2.5 ในประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เกินค่ามาตรฐานในกรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และหนองคาย 
    นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ศกพ.ได้คาดการณ์ช่วงวันที่ 18-20 พฤศจิกายน ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ทั้งนี้ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงจากวันที่ 18 พฤศจิกายน โดยพื้นที่ของกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงด้วย แต่ยังคงมีพื้นที่ควรเฝ้าระวังคือ กลุ่มกรุงธนฯ เหนือบางพื้นที่ กลุ่มกรุงเทพมหานครกลางและเหนือบางพื้นที่ ส่วนปริมณฑลโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จะพบเพียงพื้นที่นนทบุรีอาจมีฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงขึ้นในระดับที่ควรเฝ้าระวังบางพื้นที่
    ขณะที่วันที่ 20 พฤศจิกายน มีแนวโน้มฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือกลุ่มกรุงเทพมหานครกลางและใต้ กลุ่มกรุงธนฯ เหนือและใต้ กลุ่มกรุงเทพมหานครเหนือและตะวันออกยังคงเป็นพื้นที่ควรเฝ้าระวังฝุ่นละอองเช่นกัน ส่วนปริมณฑลโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง โดยจะพบพื้นที่นนทบุรีและสมุทรปราการอาจมีฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงขึ้นในระดับที่ควรเฝ้าระวังบางพื้นที่
    ด้านกรุงเทพมหานครแจ้งว่า ได้ดำเนินมาตรการการฉีดพ่นน้ำล้างต้นไม้ การล้างถนน และการฉีดพ่นละอองจากอาคารสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการฉีดพ่นน้ำล้างต้นไม้จะช่วยให้ฝุ่นละอองที่ลอยในอากาศถูกดักจับโดยต้นไม้ การล้างใบไม้จะช่วยให้ดักจับฝุ่นได้เพิ่มขึ้น การล้างพื้นถนนจะช่วยให้ฝุ่นที่ตกลงบนถนนถูกจับกับน้ำไม่ฟุ้งกระจาย และส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เดินสัญจรไปมา และการฉีดน้ำบนอาคารสูงจะช่วยให้ฝุ่นละอองโดยรอบอาคารโดนจับ เปรียบเสมือนเครื่องกรองอากาศชั้นหนึ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในอาคาร
    นอกจากนี้ยังดำเนินการฉีดล้าง เช็ด ถู และทำความสะอาดสถานที่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้อีกทางหนึ่งด้วย
    อย่างไรก็ตาม ศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละออง PM 2.5 สามารถตรวจวัดได้ 20-66 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานจำนวน 2 พื้นที่ คือ 1.เขตหนองแขม บริเวณสามแยกตรงข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 มีค่า 66 มคก./ลบ.ม. และ 2.เขตทวีวัฒนา บริเวณทางเข้าสนามหลวง 2 มีค่า 53 มคก./ลบ.ม.
    กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย
    ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่นละอองในระยะนี้: ในช่วงวันที่ 19-21 พ.ย.63 ประเทศไทยตอนบนมีลมอ่อน ทำให้การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันเพิ่มขึ้น.