ศุกร์ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ในฐานะประธานญาติวีรชนพฤษภา 2535 ร่วมมือกับหลายภาคส่วน จับมือกันจัด  เวทีสาธารณะสภาที่ 3 ว่าด้วยปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง รัฐสภาจะหาทางออกร่วมกันได้อย่างไร ในหัวข้อ "บทบาทรัฐสภาในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7 ญัตติ จุดเปลี่ยนประเทศไทย" 

                งานนี้ ได้รับเกียรติจากบรรดาผู้มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆจำนวนมาก อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต บวกกับคอการเมือง นักข่าวที่เฝ้าติดตามอย่างหนาตา ทำให้ห้องประชุมสมาคมนักข่าว ที่ใหญ่โต เล็กลงไปถนัดตา  

                งานนี้เป็นการรวมตัวของนักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหว ที่อาจมีความเห็นต่างทางการเมืองกันไปบ้าง แต่สำหรับการแสวงหาทางออกให้ประเทศ ไม่ให้เกิดวิกฤติ ต่างเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันที่จะต้องมาระดมสมองร่วมกันหาทางแก้ไขไปด้วยกัน คนที่ถูกจับตาเป็นพิเศษหนีไม่พ้น หนุ่มมาร์ค-อภิสิทธิ์ นับจากลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากความเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ไปแล้ว แทบจะไม่ค่อยปรากฏกายเป็นข่าวมากนัก 

                ใช่ว่าเวทีเสวนาจะมีแต่เรื่องชวนปวดหัวอย่างเดียว ยังมีมุมที่พอทำให้ผ่อนคลายได้บ้าง พลันที่ อภิสิทธิ์ จับไมค์ ก็บอกทันทีว่า ได้ถามผู้เชิญมาให้มาพูดในสถานะอะไร ถ้าให้พูดในฐานะนักการเมืองจากประชาธิปัตย์ ก็ต้องเรียนว่า 

            "ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่ง ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารพรรค แต่พอแนะนำไปแนะนำมา ผมกับคุณหญิงสุดารัตน์ยังเป็นผู้สมัครอดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่าอันนี้เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญ เสนอแล้วเขาไม่อนุญาตให้ลาออก ผมก็ดูช่องอยู่ ก็มีโหมดวิกลจริต ล้มละลาย ติดยาเสพติด หรืออะไรทำนองนั้น ถึงจะหลุดพ้น แต่จากสถานะนี้ยังไม่ขอไปช่องทางหนึ่งช่องทางใดนะครับ"  

                พอพูดถึงช่วงนี้ ทำเอาบรรยากาศในห้องประชุม รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ที่นั่งข้างกัน ต่างหัวเราะร่วนไปด้วย

                แม้จะมีช่องทางหลุดพ้นไปได้ แต่ดูในรายละเอียดแล้ว ขอไม่ใช้ช่องทางหนึ่งช่องทางใดดีที่สุดแล้ว

ม้าไม้