ไทยส่อเค้ามิคสัญญี 2ม็อบปะทะเดือด/3นิ้วแค้นนัดชุมนุมใหญ่18พย.


เพิ่มเพื่อน    

 

หน้าสภาเดือด! ม็อบ 2 ฝั่งปะทะเจ็บระนาว 3 นิ้วเหิมฝ่าแนวกั้น ตร.ฉีดน้ำ-ยิงแก๊สน้ำตาสกัด ผู้ชุมนุมปาพลุควันถุงสีสวนกลับ รอง ผบช.น.แจงจำเป็นทำตามขั้นตอนมาตรการสากล ห้ามเข้ารัศมี 50 เมตรรัฐสภา "รมต.-ส.ส.-ส.ว." ผวาเผ่นลงเรือ "บิ๊กตู่" เปิดเพลง "เพราะเธอคือประเทศไทย" เวอร์ชั่นใหม่เตือนสติคนไทย "อานนท์" นัดชุมนุมใหญ่แยกราชประสงค์
    ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ได้มีการนัดชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมหลากหลายกลุ่ม เพื่อติดตามการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการจำนวน 6 ฉบับ ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนที่เสนอโดยกลุ่มไอลอว์
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยรอบอาคารรัฐสภา ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 12 กองร้อยมาดูแลรักษาความปลอดภัย และมีการปิดการจราจรตั้งแต่บริเวณถนนสามเสนด้านหน้ารัฐสภา ไปจนถึงแยกเกียกกาย โดยนำแบริเออร์ลวดหนามเกลียวและรถเมล์มาปิดพื้นที่ถนน รวมทั้งยังมีรถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คัน นอกจากนี้ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้อนุมัติจัดตั้งหมวดเรือเฉพาะกิจเคลื่อนย้ายและรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญทางน้ำ โดยเตรียมเรือจำนวน 20 ลำ ของกรมการขนส่งทหารเรือ และเตรียมเรือจำนวน 3 ลำ ไว้สำหรับ ส.ส.และ ส.ว. รวมถึงเรือตรวจการณ์จู่โจม เรือตรวจการณ์ลำน้ำกองทัพเรือ เรือยางท้องแข็ง
    ทั้งนี้้ กลุ่มไทยภักดีที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ได้เดินทางมาถึงหน้ารัฐสภาเป็นกลุ่มแรกตั้งแต่เวลา 08.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมทำกิจกรรมด้านหน้าทางเข้าอาคารรัฐสภา ให้ย้ายไปชุมนุมด้านหน้ากรมการอุตสาหกรรมทหาร เลยแยกเกียกกาย ห่างจากรัฐสภา 50 เมตร
    จากนั้นเวลา 10.30 น. ได้ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างที่ให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งอาจจะนำไปสู่การล้มล้างสถาบัน โดยมี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นตัวแทนมารับหนังสือ ต่อมาเวลา 11.00 น. นพ.วรงค์ได้เดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุด ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้พิจารณาส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีคำสั่งระงับยับยั้งการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แถลงข่าวเหมือนทุกครั้ง แต่ได้หารือส่วนตัวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประมาณ 10 นาที ก่อนที่นายกฯ จะหันมาโบกมือให้สื่อมวลชนพร้อมส่งยิ้มและเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที ทั้งนี้ ในช่วงพักการประชุม ครม. นายกฯ ให้เปิดเพลง "เพราะเธอคือประเทศไทย" เวอร์ชั่นใหม่ที่ขับร้องโดยวง The Newsroom โดยพล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า "เป็นเพลงที่ตั้งใจประพันธ์ขึ้น เพื่อให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ รักกันไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก" พร้อมกับให้สำนักโฆษกสำนักนายกฯ เปิดให้สื่อมวลชนฟังในช่วงแถลงข่าวหลังประชุม ครม.ที่ตึกสันติไมตรีด้วย ซึ่งมีการปรับเนื้อร้องท่อนหนึ่งด้วยว่า "ขออย่าทะเลาะกันได้ไหม อยากให้คนไทยกลับมารักกันเหมือนเก่า"
    ขณะที่ในห้องประชุมรัฐสภา พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ส.ว. อภิปรายตอนหนึ่งว่า ที่กลุ่มนิสิตนักศึกษาเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกนั้น ตนมองว่านายกฯ ไม่มีความผิดอะไร ขนาดเป็นนายกฯ ยังโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมาทุกวัน ถ้าลาออกไปไม่ฉิบหายใหญ่หรือ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยากอยู่ แต่หากลงตอนนี้จะเป็นหมาโดนไล่เนื้อแน่นอน ซึ่งการชุมนุมของเด็กตอนนี้ด่าผู้ใหญ่กันข้างถนน เห็นว่ารัฐบาลให้เกียรติเด็กมากมายเกินไป
    ต่อเวลา 14.00 น. ที่บริเวณสี่แยกเกียกกาย แกนนำมวลชนเสื้อเหลืองที่คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ได้ประกาศบนรถขยายเสียงเชิญกลุ่มผู้ชุมนุมมาปิดบริเวณแยกเกียกกาย หลังเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนัดรวมตัวกันเวลา 15.00 น. ที่แยกเกียกกาย
    ขณะที่การรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อยเข้าดูและพื้นที่ ขณะเดียวกันรถบรรทุกหลายคันขนแบริเออร์แท่งปูนเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมรับมือกับมวลชน พร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูง
3 นิ้วเหิมฝ่าแนวกั้น
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงว่า มีผู้ชุมนุมบริเวณโดยรอบรัฐสภา 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มไทยภักดี นำมวลชนมาแสดงจุดยืนต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งได้มีการแจ้งชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ว่าจะจัดการชุมนุมตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น. 2.กลุ่มการเมืองภาคประชาชนได้แจ้งการชุมนุมตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ของวันที่ 17-18 พ.ย. 3.กลุ่มศูนย์รวมประชาปกป้องสถาบัน ได้แจ้งการชุมนุมตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ของวันที่ 17-18 พ.ย.63 และ 4.กลุ่มคณะราษฎร ได้นัดรวมตัวบริเวณแยกเกียกกาย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ยังไม่ได้แจ้งการชุมนุมสาธารณะ
    นอกจากนี้ บช.น.ได้มีคำสั่งที่ 485/2563 กำหนดระยะ 50 เมตร โดยรอบรัฐสภาเป็นพื้นที่ห้ามมีการชุมนุม โดยมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 17 พ.ย. เป็นต้นไป นั่นหมายความว่าถนนสามเสนบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาทั้งขาเข้าและขาออกไม่สามารถทำการชุมนุมได้ ถนนสามเสนยาวไปจนถึงติดกับบริษัท บุญรอดฯ อยู่ในระยะ 150 เมตร แยกเกียกกาย ถนนทหารบางส่วน และถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญสาย 1 บางส่วนก็อยู่ในเขต 150 เมตร ซึ่งจะมีการตั้งแนวตำรวจเพื่อเป็นการเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ จะไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมพักค้างคืนภายในพื้นที่การชุมนุมหรือพื้นที่หวงห้ามรอบรัฐสภาเด็ดขาด ส่วนที่ประกาศจะมีการชุมนุมทางน้ำถือเป็นพื้นที่หวงห้าม จึงขอให้ประชาชนอย่าคิดแต่สนุก เพราะแม่น้ำเจ้าพระยากระแสน้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว จึงอาจทำให้เกิดอันตรายได้
    จากนั้น เวลา 14.13 น. การ์ดกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรที่นำโดยนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ได้นำกลุ่มมวลชนรวมตัวกันที่ถนนสามเสนหน้าบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่  จำกัด ซึ่งติดกับหน้าอาคารรัฐสภา โดยได้มีการตัดรั้วลวดหนามหีบเพลง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำรถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ามาประจันหน้ากับผู้ชุมนุม และได้เตือนว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว มิฉะนั้นจะใช้รถน้ำฉีดไปยังฝั่งผู้ชุมนุม ซึ่งผู้ชุมนุมก็ไม่ได้หยุดการกระทำ ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้รถฉีดน้ำเปล่ายิงใส่เพื่อให้ผู้ชุมนุมถอยร่นออกไปเป็นจำนวน 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งเป็นน้ำเปล่า ครั้งที่ 3 ใช้ผสมแก๊สน้ำตา หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ปาถุงลูกโป่งที่ใส่สีพร้อมทั้งพลุควันสีมายังกลุ่มเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้น พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รรท.ผบก.น.1 เข้ามาเจรจากับผู้ชุมนุม
    ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเตรียมอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนอย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่ ระเบิดควัน ปืนกระสุนยาง พร้อมแจกจ่ายกระสุนยางให้เจ้าหน้าที่นายละ 5 นัด นอกจากนี้ยังมีการเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูงไว้บริเวณด้านหน้าแท่นแบริเออร์ด้วย
    ทั้งนี้ เวลา 15.15 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มคณะราษฎรไม่ได้มีการแจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ไว้ ดังนั้นการชุมนุมจึงผิดเงื่อนไข และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีการทำลายสิ่งกีดกั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนแล้ว 3-4 ครั้ง กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังไม่หยุดทำลายสิ่งกีดกั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการฉีดน้ำ โดยครั้งแรกฉีดน้ำเปล่า แต่ผู้ชุมนุมยังไม่หยุดทำลายสิ่งกีดกั้น เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำตามยุทธวิธีของตำรวจ ซึ่งครั้งที่ 4 เป็นการฉีดที่มีการผสมแก๊สน้ำตาอย่างที่เห็นอยู่ ทั้งนี้ การปฏิบัติการของตำรวจนั้นไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เป็นการเจรจา และเป็นการบังคับใช้กฎหมายตามปกติ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่นั้น ด้านหลังได้เริ่มมีการปะทะกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมก็ตอบโต้ด้วยการขว้างพลุควันสีมายังเจ้าหน้าที่
ฉีดแก๊สน้ำตาสกัด
    ต่อมาเวลา 15.20 น. เจ้าหน้าที่ได้ฉีดแก๊สน้ำตาเป็นครั้งที่ 4 หลังกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดย "ไผ่ ดาวดิน" พยายามที่จะฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาให้ได้ ซึ่งจุดเป้าหมายคืออยู่ที่หน้าอาคารรัฐสภา สนับสนุนรับร่างไอลอว์ พร้อมประกาศว่าในขณะที่เสื้อเหลืองเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้เขาเข้ามาในพื้นที่ แต่เมื่อกล่อมกลุ่มคณะราษฎรเข้าในพื้นที่เข้ามาในพื้นที่ฉีดน้ำฉีดแก๊สน้ำตาใส่ เท่ากับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ฝ่ายตรงข้ามของม็อบ
    เวลา 15.50 น. ที่ท่าเรือเกียกกาย รัฐมนตรี ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาล และ ส.ว. ที่ไม่มีคิวอภิปราย ต่างทยอยเดินทางออกจากรัฐสภาโดยเรือโดยสารที่กองทัพเรือจัดเตรียมไว้ ซึ่ง ส.ส.ที่เดินทางออกจากสภาไปแล้ว อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา โดยเรือของกองทัพเรือจะนำผู้โดยสารทั้งหมดไปลงที่สโมสรกองทัพเรือ ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศิวิไลซ์ และนายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา
    ต่อมาเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อมีเรือโดยสารของผู้ชุมนุมแนวร่วมราษฎรเต็มลำได้แล่นมาประกบเรือของตำรวจน้ำที่กำลังจอดรับ ส.ส. และ ส.ว. ได้บุกขึ้นเรือลำดังกล่าวเพื่อขึ้นมายังท่าเรือ พร้อมตะโกน "ขี้ข้าเผด็จการ" ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปสมทบที่บริเวณด้านหน้ารัฐสภาได้ โดยแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการปราศรัยผ่านโทรโข่งว่าถูกเจ้าหน้าที่ยึดเรือที่เช่าไว้ 4 ลำ และใช้กำลังปราบปรามประชาชน ภายหลังกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีได้ยึดท่าเรือเกียกกาย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนการลำเลียง ส.ส. และ ส.ว. โดยย้ายให้ไปลงเรือที่ท่าเรือบริษัท บุญรอดฯ ซึ่งอยู่ติดกับสภาแทน
    เวลา 15.55 น. นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ "ครูใหญ่" ประกาศฟ้องดำเนินคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างว่าเตรียมตัวไว้มีการฟ้องร้องไม่ต่ำกว่า 10,000 สำนวน
    เวลา 16.00 น. ส.ส.ก้าวไกลออกมาสังเกตการณ์การทำงานของตำรวจ พร้อมต่อว่าทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
    เวลา 16.20 น. มีการฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาอีกครั้ง ผู้ชุมนุมถอยร่นมาล้างหน้าล้างตัว
    เวลา 16.38 น. ผู้ชุมนุมใช้เชือกเริ่มลากรถตำรวจที่กั้นแนวออก
    เวลา 16.40 น. มวลชนเริ่มทยอยเข้าพื้นที่มาก สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเพิ่มมากยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่เพิ่มกำลังควบคุมฝูงชนและฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่เป็นระยะๆ โดยทางตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพทำข่าวบนสะพานลอย ให้ลงไปด้านล่างและเพิ่มรถฉีดน้ำแรงดันสูงเป็น 3 คัน
    เวลา 16.45 น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ระบุว่า เป็นมาตรการตามหลักสากล เนื่องจากต้องดูแลรักษาสมบัติของแผ่นดินคือรัฐสภา จะไม่ยอมให้เข้ามายังรัศมี 50 เมตรของรัฐสภา แต่ยืนยันว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้กระสุนยาง
    เวลา 16.50 น. แกนนำสั่งบุกรื้อแนวกั้น พร้อมทั้งปากระป๋องสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจจึงฉีดแก๊สน้ำตาใส่อีกรอบ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด และพยายามบุกรื้อแนวกั้นอีกรอบ
    เวลา 17.05 น. หลังตำรวจฉีดน้ำต่อเนื่อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำคณะราษฎร ประกาศว่าน้ำตำรวจหมดแล้ว จึงสั่งเดินหน้าฝ่าแนวกั้น และสามารถฝ่าได้สำเร็จเข้าสู่แยกเกียกกาย ถ.สามเสน โดยเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองซึ่งชุมนุมอีกด้านของแยกเกียกกายฝั่งถนนทหาร โดยแกนนำราษฎรสั่งให้ถอย เมื่อเหตุปะทะยุติลง รถขบวนแกนนำเข้าสู่ถนนสามเสนใกล้รัฐสภายิ่งขึ้น แต่ติดด่านแนวกั้นของตำรวจอีกด่านหนึ่ง ซึ่งมีการฉีดน้ำและแก๊สน้ำตาสกัดผู้ชุมนุมไว้เช่นกัน ทำให้ผู้ชุมนุมราษฎรยังคงปักหลักชุมนุมในจุดนี้ต่อไป
2 ม็อบปะทะเดือด
    เวลา 17.13 น. ที่แยกเกียกกาย บริเวณแนวรั้วที่สองหลังสะพานลอย มีการขว้างปาสิ่งของใส่กันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร และกลุ่มเสื้อเหลือง โดยที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่อยู่ใกล้เคียงไม่ได้เข้ามาควบคุม ล่าสุดแกนนำทั้งสองฝ่ายได้พยายามห้ามปรามการใช้ความรุนแรงในกลุ่มของตัวเอง
    เวลา 17.20 น. ที่หน้ารัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ตนและเพื่อน ส.ส.ก้าวไกล พร้อมเป็นทีมเจรจาระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ เพื่อเป็นตัวกลางหาทางออก
    เวลา 17.52 น. ที่บริเวณท่าเรือเกียกกาย นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และสมาชิกอีกหนึ่งคน ได้สวมห่วงยางก่อนโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา และว่ายน้ำขึ้นฝั่งรัฐสภา โดยระบุว่าจะเข้าไปยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ก่อนว่ายขึ้นฝั่งรัฐสภาโดยมีเจ้าหน้าที่สภาคอยรับตัวอยู่
    เวลา 18.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมเปิดทางให้กลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรนนทบุรี ที่เดินทางมาทางน้ำเดินผ่านจากท่าเรือขึ้นบนฝั่งไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่แยกเกียกกาย
    เวลา 19.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้ฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกเกียกกายได้เคลื่อนขบวน พร้อมรถติดเครื่องขยายเสียง โดยมีนายพริษฐ์ปราศรัยอยู่ด้านบน วิ่งเข้ามาบนถนนสามเสน เพื่อที่จะไปปักหลักบริเวณประตูใหญ่หน้าอาคารรัฐสภา ติดกับบริษัท บุญรอดฯ ซึ่งเป็นการตลบหลังเจ้าหน้าที่ โดยเคลื่อนมาจากแยกเกียกกาย มาหยุดบริเวณกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ซึ่งอยู่ห่างจากประตูใหญ่รัฐสภาเพียง 50 เมตร โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เจรจาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถอยออกไป
    เวลา 19.15 น. เกิดเหตุความวุ่นวายเมื่อกลุ่มมวลชนทั้งสองฝั่งเกิดการปะทะกันขึ้นมาอีกรอบ โดยการขว้างปาสิ่งของและประทัดยักษ์ใส่ซึ่งกันและกัน
    เวลา 19.25 น. นายพริษฐ์ประกาศบนรถติดเครื่องขยายเสียงว่าจะไม่มีการเจรจาอีกต่อไป
    เวลา 19.45 น. เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อรถเมล์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาเป็นแนวกั้น เกิดแก๊สรั่ว จึงประสานรถดับเพลิงของกรุงเทพฯ เข้าตรวจสอบ และทำการปิดวาล์วแก๊สไว้ได้
    เวลา 20.18 น. ปรากฏว่าแนวกั้นระหว่างราษฎรกับคนเสื้อเหลืองเกิดเหตุปะทะใหญ่ขึ้น โดยมีการขว้างปาสิ่งของและเกิดเสียงดังคล้ายเสียงปืนหลายครั้ง หลังจากนั้นมีการนำตัวผู้บาดเจ็บหลายรายส่งโรงพยาบาล
    เวลา 20.41 น. นายอานนท์ นำภา แกนนำคณะราษฎร ขึ้นปราศรัยว่า ตำรวจเปิดให้พวกเสื้อเหลืองเข้า แต่มาสกัดเราทุกวิถีทาง ใช้แก๊สน้ำตาตั้งแต่บ่าย ทำให้พี่น้องเราหลายคนอยู่โรงพยาบาล เมื่อสักครู่พวกเสื้อเหลืองปาระเบิดปิงปอง พวกเราเจ็บ ถูกกระสุนปืน นี่คืออะไร สัญญาณไม่ยอมปรับตัวใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น
    "อยากให้ปรบมือให้ไอลอว์ ตัวแทนเราพูดในสภา การโหวตพรุ่งนี้ประวัติศาสตร์จะจารึก คนไหนล้มร่างรัฐธรรมนูญประชาชน ทรยศต่อราษฎร เป็นศัตรูต่อประชาชน เมื่อไม่ปรับตัวไม่ประนีประนอม พรุ่งนี้อยากโหวตก็โหวตไป ราษฎรจะแสดงพลังอีกครั้งกลางเมือง ถ้ามีการคว่ำ พรุ่งนี้ 18 พ.ย. 16.00 น. มาให้ถึง 1 ล้านคน ที่แยกราชประสงค์ เราจะเปลี่ยนเป็นแยกราษฎรประสงค์ ราษฎรจะชุมนุมใหญ่ที่สุดที่ราชประสงค์ จะเรียกร้องประชาธิปไตยสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมี" นายอานนท์ระบุ
    ด้านนายพริษฐ์ปราศรัยว่า  เราจะยุติการชุมนุม เก็บแรงไปราชประสงค์ ไม่มีแพ้ ไม่มีเบา เบิ้มมาทุกวัน และให้พกกระป๋องสีคนละกระป๋องไปราชประสงค์ จะฉีดสีใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    จากนั้น เวลา 21.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรได้ยุติการชุมนุม โดยได้ร่วมกันปล่อยลูกโป่งหลากสีเพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งก่อนที่มวลชนจะเดินทางกลับ โดยนายพริ?ษฐ์ได้บอกให้มวลชนเดินกลับผ่านทางแยกบางกระบือเท่านั้น เนื่องจากแยกเกียกกายมีผู้ชุมนุมกลุ่มไทยภักดีปักหลักชุมนุมอยู่.    

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"