17 พ.ย.63 - เมื่อเวลา 12.20 น. นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกมธ. กล่าวว่า จากการวิพากษ์วิจารณ์ของสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับรายงานไม่มีทางออกให้ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจลงมตินั้น ทางคณะกมธ.ได้พูดคุยกันมาก และเห็นว่าเพื่อให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิก ดังนั้น การเสนอข้อมูลทางกฏหมาย และองค์ความรู้ที่ถูกต้องชัดเจน เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าความคิดเห็นที่เป็นมติ
“ส่วนความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันนั้น ทางคณะกมธ. อยากเชิญชวนอีกครั้งให้ร่วมกันพิจารณาในวาระชั้นกมธ. อาจมีความเห็นไม่ตรงกันหมด ร่างของรัฐบาลและร่างของฝ่ายค้านให้แก้มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ก็จริง แต่ก็ยังมีประเด็นที่แตกต่างกันอยู่ เช่น องค์ประกอบของส.ส.ร. การจัดทำประชามติ การให้รัฐสภาตรวจสอบก่อนลงพระปรมาภิไธย เป็นต้น ส่วนที่อาจเกี่ยวข้องกับจุดยืนและหลักทางการเมือง เราคิดว่าถ้านำความคิดเห็นของทุกส่วนมาดำเนินการได้ก็จะเป็นประโยชน์สูงสุด” นายชินวรณ์ กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ในฐานะผู้เสนอร่าง เราได้ศึกษาอย่างรอบคอบในนามรัฐบาลว่าร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามรัฐธรรมนุญและไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 ตั้งแต่อนุหนึ่งถึงเก้า และเพิ่มหมวด 15/ 1 ไม่มีบทบัญญัติใดขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม 2 หลักการใหญ่ โดยแก้ไขมาตรา 256 จากแก้ไขรัฐธรรมนูญจากยากให้ง่าย และแก้ไขเพิ่มเติมให้มีส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
นอกจากนี้ เรายังยึดตามหลักสำคัญของรัฐธรรมนูญ ที่ให้ไว้ในมาตรา 256 (7) และ(8) เมื่อร่างเสร็จแล้วก็ต้องทำประชามติ นั่นก็ถือว่าสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ถือหลักสถาปนารัฐธรรมนูญโดยขอความเห็นชอบจากประชาชน หากรัฐสภาเห็นด้วย พอเห็นด้วยแล้วก็ทำประชามติ เมื่อผลประชามติเห็นด้วยจึงมีส.ส.ร. ส.ส.ร.จะเกิดขึ้นก็โดยแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่เสนอเสียก่อน เมื่อมีการแก้แล้ว ก็ต้องนำกลับเข้าสู่รัฐสภา และนำสู่การทำประชามติ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตาร์ เคยแสดงความคิดเห็นว่า มีหลักการใหม่ยืนยันว่ามีวิธีการที่จะแก้ไขเพิ่ม โดยได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่ามีหลักการใหม่ที่ยืนยันว่าสามารถแก้ไขวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน แต่ต้องดำเนินการประชามติด้วย จึงเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สามารถกระทำได้และไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยดำเนินการมาแล้วในปี 38 ที่แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปี 34 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญปี 40 โดยรัฐธรรมนูญ ปี 38 กำหนดไว้เพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม และไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดให้จัดฉบับใหม่ได้ ดังนั้น เรื่องนี้อยู่ที่มติของรัฐสภาว่าเห็นชอบจะให้จัดทำฉบับใหม่หรือไม่ให้จัดทำ
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องการทำประชามตินั้น ค่อนข้างชัดเจนในเรื่องความคิดเห็นว่าเนื่องจากปี 60 แล้วรัฐธรรมนูญได้เห็นข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ไม่ได้มีบทบัญญัติไว้เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทำให้เมื่อปี 55-56 ก็มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญและมีการร้องศาลรัฐธรรมนูญจึงมีคำวินิจฉัยที่ได้มีการอ้างถึง คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 18/2555 ต้องยอมรับว่าขณะนั้นกับขณะนี้บริบทรัฐธรรมนูญคนละฉบับกัน ทั้งนี้ ทางกมธ.ของเรายึดมั่นในกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 60 มีบทบัญญัติไว้ในมาตรา 256 (7) และ(8) ในเรื่องการทำประชามติ และมาตรา 256 (9) หลังจากรัฐสภาเห็นชอบวาระสามแล้ว ต้องทำประชามติอีกครั้งหนึ่ง ทั้งหมดนี้จึงชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการแก้ไขเพิ่มเติมในคราวนี้ เราก็จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |