'๓ ทางเลือกของม็อบ ๓ นิ้ว'


เพิ่มเพื่อน    

        วันนี้ ขอเริ่มด้วยเรื่องส่วนตัวซักนิด

                ไม่ใช่อะไร.......

            เก็บไว้ท้ายๆ จะอดคุย เพราะผมมันคนชอบแฉลบลงข้างทาง พอจะเข้าประเด็น อ้าว...หมดเนื้อที่ซะแล้ว

            เรื่องโรงครัวและอาหารกลางวันเด็กนักเรียนที่โรงเรียนร่มเกล้าปางตอง ในโครงการตามพระราชดำริ ที่แม่ฮ่องสอน นั่นแหละครับ

            หลังจากผมโอนเงิน ๒ แสน ไปทำโรงครัวใหม่แทนหลังเดิมที่หลังคาพรุนและผุพัง พร้อมบอกว่า ท่านใดพอเจียดเงินช่วยค่าอาหารกลางวันเด็กราว ๑๒๐ คนได้ ก็ช่วยๆ กัน

            เมื่อวันเสาร์ ท่าน ผอ. "คุณปุรเชษฐ์ มธุรส" ไลน์มาบอกช่างมาดู พร้อมดำเนินการแล้ว

            แจ้งยอดเงินที่โอนกันเข้าไปด้วย จาก ๒ แสน สรุป ณ วันที่ ๑๓ พ.ย.๖๓ รวมเป็นจำนวน ๕๙๖,๕๗๙ บาท

            ต้องขอบคุณแทนเด็กๆ และคณะครูจากหัวใจ เห็นยอดแล้ว บางท่านอาจบอก น่าเติมให้เต็ม ๖  แสนนะ

            ก็ดีน่ะซีครับ!

            อย่ากระนั้นเลย ผมขอแจ้งเบอร์บัญชีไว้ตรงนี้อีกครั้ง เผื่อจะมีบางท่านช่วยเติมเต็ม (จนล้น)

            ชื่อบัญชี "กองทุนเงินบริจาคโครงการตามพระราชดำริ"

            ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่ฮ่องสอน

            หมายเลขบัญชี ๕๐๘-๐-๒๗๙๘๒-๖

            หลายท่านที่โอนเงินไปแล้ว บางท่านแจ้งชื่อและจำนวนที่โอนมาให้ผมทราบ

            เช่น คุณเพิ่มศักดิ์-คุณชลอ สีแสด ๒,๐๐๐ บาท คุณเปรมินทร์ สุชาโต ๒,๐๐๐ บาท คุณพิชญ์สินี  ชัยศาสตร์ ๒,๐๐๐ บาท คุณสกล หาญสุทธิวารินทร์ ๕,๐๐๐ บาท เป็นต้น

            บางท่านบอกต้องการใบอนุโมทนา ผมก็มาคิดจะทำยังไงดี?

            เพราะใบอนุโมทนา โรงเรียนร่มเกล้าปางตอง จะเป็นผู้ออก ฉะนั้น เอาอย่างนี้นะครับ

            ท่านที่ต้องการใบอนุโมทนา แจ้งไปที่ท่าน ผอ.ปุรเชษฐ์ ที่เบอร์ ๐๘-๑๗๖๔-๖๗๖๓ อย่าลืมบอกสถานที่จัดส่งให้ท่านทราบด้วย เห็นท่านบอกว่า ได้จัดส่งบางส่วนไปแล้ว

            แถมอีกนิด.....

            มีท่านหนึ่ง โอนเงินเข้าบัญชีบริษัทมา ๔๕๐ บาท ไม่ยอมบอกชื่อ บอกแต่จะโอนทุกเดือน เป็นค่าหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

            ท่านว่าอ่านทุกวัน แต่ไม่ได้ซื้ออ่าน อาศัยอ่านทางเว็บ "ไทยโพสต์" เกรงจะเจ๊ง แล้วไม่มีอะไรอ่าน  จึงขอจ่าย ๔๕๐ บาททุกเดือน

            สาธุ....!

            แค่เหตุผลก็ไม่รู้จะซึ้งอย่างไรแล้ว วานอย่าคิดมากเลยครับ แค่อ่าน ไทยโพสต์ก็เหมือนได้อยู่ในสะเอวท่าน อบอุ่น-ปลอดภัย จะเจ๊งได้อย่างไรเล่าครับ

            ทั้งพนักงานและผม กราบขอบคุณจริงๆ

            ก็จบความที่จะบอกแค่นี้.........

            ต่อจากนี้ เป็นช่วงอีโหลก-โขลกเขลกประจำวัน วันนี้ ๑๗ พ.ย.ที่หน้ารัฐสภา "สัปปายะสภาสถาน"  เกียกกาย

            จะมีรายการตะกวดสามสัสตะกายเมือง คู่ขนานไปกับการประชุมรัฐสภา

            ว่าด้วยเรื่อง "รับ-ไม่รับ" หลักการในญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๗ ฉบับ รวมทั้งร่างของ "ไอลอว์"

            ร่าง "ไอ้ลอว์-ไอ้จอน" คอเจาะ นี่แหละ เป็นร่าง "อ้างประชาชน" ผมอ่านเกมว่า เจตนามุ่งใช้ "สร้างเหตุ" มากกว่า

            เพราะเนื้อหาหลักร่างไอลอว์ นอกจาก "นิรโทษกรรมยกโคตร-เหมาเข่ง" ซึ่งคนดีๆ ไม่มีใครเอาด้วยแล้ว

            ถ้ารัฐสภารับหลักการไป......

            เท่ากับเห็นชอบตามไอลอว์ ภายใต้เงินอุดหนุนจอร์จ โซรอส กลุ่มทุนจักรวรรดิอำนาจตะวันตก ซีไอเอ ภาคพลเรือนยี่ห้อ NED ที่ชักใยให้ "เปลี่ยนระบบ-ล้มสถาบัน"

            เปิดทางให้ โสเภณี กะหรี่ โจร พ่อค้ายา พระเถร-เณรชี อัปรีย์ชน โกงบ้าน-กินเมือง ทั้งมีคดี ไม่มีคดี ทั้งที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่ถูกตัดสิทธิ์

            เข้ามาเป็น ส.ส.ร. ......

            เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ หมวด ๑ หมวด ๒ ก็รื้อทิ้ง เขียนใหม่ จากไทยราชอาณาจักรแบ่งแยกไม่ได้ แบ่งแยกไปเป็นสาธารณรัฐ

            จากประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปเป็นประชาธิปไตยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขแทน ตามหน่อแนวที่ "สามนิ้ว-สามสัส" ประกาศโครมๆ

            เนี่ย....

            แบบนี้ สมาชิกรัฐสภา "ตีตก" แน่ ไม่ยอมให้ผ่านในวาระแรกแหงๆ

            พวกวิปริต-วิตถาร "รุ่นใหม่" สามสัส ก็จะใช้เหตุไม่ผ่าน เป็นเงื่อนไขทุราจารบ้านเมือง ชนิด "ให้ฉิบหาย" ไปข้าง

            ใครเตร่ไปม็อบสามนิ้วที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันเสาร์บ้าง ถ้าไป คงได้ฟังหญิงรุ่นใหม่ขึ้นเวที

            นึกว่าประชาธิปไตยจะขึ้นสมอง...

            ปรากฏว่า นรกจกเปรตขึ้นสมอง สอนการ "ติดสัด" ด้วยท่าทางและวิธีการต่างๆ ว่าแบบไหน-ท่าไหน จะสมการโหยหาหื่นกระหาย

            รุ่นใหม่ ๓ นิ้ว ๓ สัส ส่งเสียงเชียร์ซี้ดซ้าดกันอื้ออึง ถ้าพวกนี้มีอำนาจเมื่อไหร่ โรงเรียน-มหา’ลัย กับซ่อง จะเหมือนกัน ด้วย "เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ"!

            พูดไปก็นึกถึงตะกวด......

            ยิ่งถูกแสง ลายยิ่งออก พวกนักเรียน-นิสิต-นักศึกษา แดงส้ม เอ็นจีโอ ในขบวนการอ้างประชาธิปไตย ๓ นิ้ว นี่เหมือนกัน

            นับวัน "เลื่อมลาย" ออกให้เห็นทั้งตัว อยากฝากผู้บริหารสถานศึกษา มหา’ลัย เช่นธรรมศาสตร์ จุฬา เกษตร มหิดล ในเมื่อ ห้ามนิสิต-นักศึกษาไม่ได้

            ก็ช่วยกราบมือ-กราบตีน ขอร้องพวกเขา ว่าจะชักลายกันขนาดไหน ก็ทำไป

            แต่การตั้งชื่อกลุ่ม-ชื่อคณะ อย่านำชื่อสถาบันศึกษาไปเป็นเครื่องประดับลายด้วยเลย

            นักเรียนเลว-ไม่เลวนั่นเหมือนกัน อยากเลว-อยากแรด ก็ถือว่า เป็นทางอนาคตที่พวกเธอเลือกเอง

            อย่าแต่งเครื่องแบบนักเรียนไปเลย นอกจากเป็นการประจานโรงเรียนแล้ว ยังจะทำให้นักเรียนดีๆ อีกกว่า ๙๐% พลอยรับผลไปด้วย

            ต้องยอมรับ ว่าถึงขณะนี้........

            ความเป็น "ขยะสังคม" นำความเน่าเหม็น น่าเบื่อหน่ายระอาเอือมมาสู่ประเทศ มันเกิดขึ้นแล้วกับม็อบ ๓ นิ้ว-๓ สัส

            นับวันผู้ร่วมขบวนการหดหาย

            เมื่อ "ผู้รู้-ผู้ตื่น" ปลีกตัวออกไป จะสังเกตเห็นว่า งั่ง-ผู้งมงายที่เหลืออยู่ สัญชาตญาณดิบ เพราะหน้ามืด ชัดมากขึ้น

            ออกอาการ "ฝูงชนบ้าคลั่ง"......

            ไม่มีสติ ไม่มียางอาย อันมนุษย์พึงมี ไม่ต่างสัตว์ยามเข้าตาจน จะอาละวาด ฟาดหาง แว้งกัด ไม่เลือกทิศ เลือกที่

            และสุดท้าย........

            จะฟัด-กัดกันเอง "เพื่ออยู่รอด" ตามสัญชาตญาณสัตว์!

            นี่ต้องระวัง!

            คือบอกให้ฝ่ายบ้านเมืองระวัง ว่าเวลานี้ สัตว์ร้าย ๓ นิ้ว อยู่ในช่วงตาขวาง-คลั่งคำราม

            อย่าใช้มาตรการอะไรในทางกระตุ้น แล้วต้อง "ลงไปกัดกับสัตว์" เป็นอันขาด!

            เฝ้าดูมัน ควบคุมให้มันตะกายกรง-ตะกายเมือง อยู่ในวงจำกัดห่างๆ ปล่อยให้มันอาละวาด ให้มันอ่อนแรง สิ้นฤทธิ์ไปเอง

            อย่างขณะนี้ ดูรูปแบบทุราจารที่เขาแสดงออกบริเวณรัฐสภา มันเป็นอีเวนต์ของพวกออร์แกไนซ์สิ้นคิดชัดๆ

            ไม่ใช่รุ่นใหม่ปัญญาชนในทางสร้างมิติอนาคตให้บ้านเมืองตามกรอบประชาธิปไตย ทอน-ปิยบุตร-ช่อ ว่าจริงมั้ย?

            ห่วย ไร้สาระ เลอะเทอะ........

            เป็นนิสิต-นักศึกษารุ่นใหม่ที่ "ฉีก-ลบ-ทำลาย" คุณค่าล้ำเลิศของภาพลักษณ์ "นิสิต-นักศึกษา" อันรุ่นเก่าใช้จิตวิญญาณวิญญูชน ถมร่าง "สร้าง-สะสม" ไว้ให้ เป็น "ต้นทุนศรัทธา" พลันต้องสูญสลายไปสิ้น!

            "คุณดอน ปรมัตถ์วินัย" รัฐมนตรีต่างประเทศ ตอบนักข่าวที่ถามถึงว่า "ต่างประเทศมองสถานการณ์การเมืองไทยไปทางไหน" ว่า

            "ในที่ประชุม การพูดคุยถึงสถานการณ์ในไทย โดยเฉพาะการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ซึ่งหลายประเทศสามารถทำได้ดี

                เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็ชนะกลับเข้ามาทำหน้าที่ต่อ ขณะที่ประเทศไทยที่ทำได้ดีกว่าหลายประเทศ แต่รัฐบาลกลับไม่ได้รับการยกย่อง ขณะนี้ มีเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก     

                ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ไม่มีประเทศไหนถามถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ

                แต่มีการมองว่า นายกฯ ของไทยทำได้ดีมาก รวมถึงการพูดในแต่ละครั้ง ดูมีน้ำหนัก

                จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีการเรียกร้องให้นายกฯ ไทยลาออก เพราะถ้าเป็นประเทศของเขา จะส่งผลดีต่อการเลือกตั้ง

                ผมจึงอธิบายว่า ไม่มีอะไร....

                สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเมืองแบบไทยๆ ที่ทำกันมานานแล้ว คนไทยไม่เหมือนคนอื่นในโลก ที่รับรู้ว่าผลงานคืออะไร

                ผมได้พูดเล่นไปว่า คนไทยกลัวอยู่ ๓ อย่าง คือ ตายธรรมชาติ ตายโหง คือประสบอุบัติเหตุ และตายห่า คือการเจ็บป่วย จึงสามารถดูแลตัวเองได้ดี

                ทำให้ช่วงนี้ ประชาชนมองอีกมุมหนึ่ง คือ การช่วงชิงอำนาจ เพราะในมุมมองของผม ในฐานะนักรัฐศาสตร์ สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่นี้ เป็นไปตามมาตรฐานที่ทุกประเทศทำ

                และมีผลงาน ทั้งการรับมือโควิด ผลงานด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

                ย้อนกลับไป ๑๐ ปีก่อน เคยมีรัฐมนตรีต่างประเทศบอกกับผมว่า เขาไม่มีความรู้สึกชื่นชอบผู้นำไทย  เพราะผู้นำไทยมาจากนักการเมืองไทย พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่พอฟังแล้วทำให้ผมเองสะอึก"

                ครับ...นานๆ ได้ฟังท่านรัฐมนตรีดอนพูดยาวๆ "คุ้มค่า" จริงๆ พับผ่าเถอะ

            อาศัยคำท่านสรุป เจตนา ๓ นิ้ว-๓ สัส ในปฏิบัติการฟาดหางตอนนี้ เขาหวังไปจบที่ "ตายธรรมชาติ, ตายโหงและตายห่า"

            "อย่างใด-อย่างหนึ่ง" ใน ๓ อย่างนั้น นั่นแหละ!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"