ชงต่อฉุกเฉินคุมโควิดถึง15มค.


เพิ่มเพื่อน    

ศบค.ชุดเล็กชงต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยาว 45 วันคร่อมหยุดยาวปีใหม่ เหตุประชาชนเคลื่อนย้ายจำนวนมาก เบรกลดกักตัวเหลือ 10 วัน รอพ้นเดือน ม.ค.ไปก่อน หวั่นกิจกรรมเยอะทำโควิดระบาด
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน มีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เป็นประธาน  โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการขยายระยะเวลาการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 พ.ย.นี้ออกไปอีก 45 วัน  จนถึงวันที่ 15 ม.ค.64 เพื่อใช้เป็นกลไกในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 18 พ.ย.นี้
    "ยืนยันไม่ได้ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง ส่วนเหตุผลที่มีการขยายระยะเวลาการบังคับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปถึง 45 วัน ทั้งที่ผ่านมาจะขยายครั้งละ 30 วันนั้น เหตุผลหลักคือ ต้องการประกาศให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายของประชากรจำนวนมาก ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ หากขยายระยะเวลาบังคับใช้ 30 วัน จะทำให้ต้องมาประชุมเพื่อพิจารณาขยายอีกครั้งในกลางเดือน ธ.ค.ซึ่งงานในช่วงนั้นค่อนข้างแน่น จึงประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้ 45 วันไปเลยในคราวเดียว" แหล่งข่าวจากที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กระบุ
    นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเน้นย้ำเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในบริเวณตะเข็บชายแดน ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากจะมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากที่ต้องการเดินทางเข้าออกในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในฐานะ ศบค.จังหวัดประสานดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น
    อย่างไรก็ตาม แม้การขยายระยะเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะมีเหตุผลเรื่องของการใช้เป็นกลไกในการป้องกันโควิด-19 โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง แต่ที่ประชุมมีความเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมทางการเมืองที่เป็นการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก อยากให้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ให้เข้มงวดมากขึ้น จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปประสานในเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องของการสวมหน้ากาก การตะโกน อยากให้มีความระมัดระวังมากขึ้น
    ส่วนเรื่องการพิจารณาลดระยะเวลาการกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วันนั้น ที่ประชุมหารือกันแล้วเห็นว่ายังต้องคงมาตรการกักตัวเวลาเดิม เนื่องจากว่าในช่วงปลายปียังมีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือน ธ.ค. การท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ และการแข่งขันกีฬาแบดมินตันระดับนานาชาติ 3 ทัวร์นาเมนต์ในช่วงเดือน ม.ค.64 ดังนั้นเพื่อไม่ให้โปรแกรมที่วางไว้สะดุดและอยากให้คนไทยได้ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่อย่างปลอดภัย จึงขอให้ชะลอข้อเสนอดังกล่าวไว้และรอให้พ้นเดือน ม.ค.ไปก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 18 พ.ย.นี้
    อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าในหลายประเทศ เช่นในสหรัฐอเมริกา, มาเลเซีย และเมียนมา เมื่อจบการเลือกตั้งยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงขึ้น ดังนั้นหลายกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นต้องเฝ้าระวังอย่างรอบคอบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ดูความสมดุลระหว่างการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสและเรื่องเศรษฐกิจด้วย  
    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีแพทย์บางคนเป็นห่วงหากลดวันกักตัวผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ จะเกิดความเสี่ยงติดเชื้อรายใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 700 คน ว่า เป็นเพียงการคาดการณ์ตัวเลขเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้ถามคนทำงานจริงๆ มากกว่า ทั้งนี้ทุกอย่างอยู่ระหว่างการพิจารณาวางแผนของ สธ. จะทำอะไรต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนอยู่แล้ว มีการคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำอย่างไรเพื่อออกมาตรการที่ดีและสมดุลที่สุดระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมให้มีคนติดเชื้อในประเทศเลย แต่เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ถ้ามีคนติดเชื้อบ้างแต่เรารักษาได้ มียา เวชภัณฑ์ที่เพียงพอ พร้อมรับมือ มีทีมแพทย์ที่พร้อมเข้าไปควบคุม ป้องกันโรคไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง นี่เป็นหลักการของคนทำงาน
    ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 1  ราย เป็นชายสัญชาติญี่ปุ่น เดินทางมาจากต่างประเทศและได้เข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,875 ราย หายป่วยแล้ว 3,721 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย
    วันเดียวกัน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี?และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน?และประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องผ่านการสื่อสารระบบทางไกล?ที่ผ่านมาว่า มีผู้นำหลายประเทศ?ได้รับการชื่นชมและได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพราะความสามารถและประสิทธิภาพในการจัดการสถานการณ์โควิด-19?เช่น? ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งหลายคนแปลกใจว่าทำไมรัฐบาลไทยไม่ได้รับการยกย่อง ตนได้อธิบายไปว่าคนไทยไม่เหมือนคนที่อื่น เนื่องจากคนในประเทศอื่นรับรู้ว่าผลงานคืออะไร ผลที่ตกอยู่กับประชาชนได้รับอะไร และในช่วงนี้ประชาชนคนไทยมองอีกมุม มองว่าเป็นเรื่องการช่วงชิงอำนาจ ไม่มีอย่างอื่น? อย่างไรก็ตาม? ที่ประชุมอาเซียนครั้งนี้ไม่ได้แตะเรื่องการเมืองภายในของประเทศไทย? แต่ต่างชาติเองรู้ว่ามีการออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"