16 พ.ย.63 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกเด็ก แต่หลอกคนหัวโล้นห่มเหลืองออกมาชู 3 นิ้ว ทวงคิ้ว!!! เพื่อบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา การไปหลอกพวกหัวโล้นห่มเหลือง ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากวัดไหน ให้ออกมาร่วมชุมนุมชู 3 นิ้วทวงคิ้ว อ้างว่าไม่มีพระวินัยบัญญัติว่าจะต้องโกนคิ้ว เป็นการแสดงความโง่เขลาของพวกแกนนำกาเหว่าที่บางเพลงอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งน่าขันมาก!!!! เพราะจะทำให้พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศออกมาต่อต้านอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
คนหัวโล้นห่มเหลืองที่ออกมาชู 3 นิ้ว ทวงคิ้วนั้น ถ้าบวชเรียนจริง ก็เป็นการบวชเรียนแบบจวักที่ไม่รู้จักรสแกง และออกมาประจานตัวเองด้วย!!!
1.เริ่มที่มาชุมนุม พูดถึงเรื่องการเมือง ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงติเตียนเป็นอันมากว่าเป็นการกระทำเดรัจฉานกถา ประพฤติเป็นเดรัจฉาน ไม่ควรแก่สมณะวิสัยของภิกษุเลย!!! การทำเดรัจฉานเหล่านี้ ทำให้เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา ใครเป็นพระอุปัชฌาย์หรือเจ้าคณะควรจะจับมาสึกเสีย!!!
2.นับตั้งแต่วันขออุปสมบท ซึ่งเป็นการอุปสมบทแบบญัตติจตุตถกรรมนั้น กุลบุตรที่จะอุปสมบทก็จะต้องปลงผม ปลงหนวดและคิ้ว รวมทั้งตัดเล็บด้วย และต้องมีพร้อมซึ่งไตรจีวรและเครื่องบริขารต่างๆ จากนั้นจึงขอรับบรรพชาอุปสมบท ซึ่งพระอุปัชฌาย์ก็จะตั้งพระคู่สวดทำการสัมภาษณ์ ว่ามีคุณสมบัติพร้อมที่จะบรรพชาอุปสมบทหรือไม่ เมื่อการขออุปสมบท บริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว พระคู่สวดจะไปรายงานพระอุปัชฌาย์ๆจึงเสนอญัตติขึ้นท่ามกลางสงฆ์อันเรียกว่าญัตติจตุตถกรรม คือเสนอญัตติต่อสงฆ์4วาระรวดว่าจะรับกุลบุตร ที่แสดงความพร้อมด้วยอาการทั้งหลายเหล่านี้ บรรพชาและอุปสมบทหรือไม่
เมื่อเสนอญัตติและสงฆ์ลงมติรับอุปสมบท 4 ครั้งแล้ว นั่นแหละจึงสมบูรณ์เป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะเรียกว่าเป็นวิธีประชาธิปไตยในการอุปสมบทก็ได้ และเป็นประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์มาก เพราะถ้ามีเสียงคัดค้านเพียงเสียงเดียว หรือแม้ญาติโยมคัดค้านเพียงเสียงเดียว เช่นค้านว่า เป็นบัณเฑาะก์ก็ดี มีหนี้สินค้างชำระอยู่ก็ดี พ่อแม่ยังไม่อนุญาตก็ดี ยังไม่โกนคิ้วก็ดี พระอุปัชฌาย์และคณะสงฆ์ก็จะไม่รับอุปสมบทให้
3.เมื่อสมบูรณ์ในความเป็นสงฆ์แล้ว คณะสงฆ์ก็จะพร่ำสอนกรรมฐาน 5 คือผิวหนัง ผม ขน( รวมทั้งคิ้วด้วย) เล็บ ฟัน ว่าเป็นของไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา ไม่พึงยึดมั่นถือมั่น จึงต้องโกนต้องตัดเสีย และสอนในเรื่องศีลเรื่องวินัย และการปฏิบัติ โดยสรุปรวมคือการละวางความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง!!!! ดังนั้นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา จึงดำรงตน เพื่อการศึกษาและปฏิบัติในการละวาง ไม่ใช่การเรียกร้องแสวงหา นี่มาเรียกร้องเอาคิ้ว!!!! ถ้าอยากไว้คิ้วก็ง่ายนิดเดียว ก็สึกออกไปสิครับ จะมาทำตัวเป็นพระออกบิณฑบาตให้เปลืองข้าวสุกชาวบ้านทำไม? นี่เป็นการทรยศต่อพระอุปัชฌาย์ และคณะสงค์ในการขออุปสมบท!!! นี่คืออาการที่เสียสติไปแล้ว!!!! เห็นหรือยังว่าการหลอกลวงด้วยความไม่รู้มีแต่ความเสื่อม ทั้งแก่ตนเองแก่ผู้อื่นและแก่พระศาสนาด้วย
เราทั้งหลายจึงต้องรีบเอาลูกหลานออกมาจากพวกกาเหว่าที่บางเพลง กลับสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของพ่อแม่ให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นพสกนิกรที่ดีของพระเจ้าอยู่หัวสืบไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |