“บิ๊กตู่” รับห่วงประชาชนทุกคนลำบาก เล็งต่อยอดคนละครึ่ง ประชาชนทุกกลุ่มเทใจให้โครงการท่วมท้น ขนาดเด็กรุ่นใหม่ยังเชียร์ให้เป็นรัฐบาลยาวหากมีนโยบายแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ เรตติ้ง พปชร.กระฉูด
เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. เพจไทยคู่ฟ้าได้เผยแพร่คำพูด พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวผ่านทางพอดแคสต์ ตอนหนึ่งว่า เมื่อเราแก้สุขภาพแล้วเราต้องมาแก้เศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของเราแตกต่างจากประเทศอื่นบ้างพอสมควร เราพึ่งพาการส่งออกกับการท่องเที่ยว พอสองอย่างมีปัญหาก็ทำให้มีปัญหา เราก็แก้ปัญหาของเราว่าจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งได้อย่างไร ช่วงนี้ต้องระวังเรื่องลดการจ้างงาน ลดค่าจ้าง ค่าแรงพนักงาน เราต้องช่วยกันเองภายในประเทศ ผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องช่วยรายกลางและรายเล็ก เพราะเป็นห่วงโซ่ด้วยกันทั้งสิ้น รัฐบาลพยายามหามาตรการช่วยเหลือตรงนี้ มีหลายโครงการด้วยกัน อาทิ เราเที่ยวด้วยกัน, คนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน
“จริงๆ ผมนึกถึงประชาชนทุกวันว่าทุกคนลำบาก ทุกคนมีปัญหา เราต้องช่วยกันแล้ว เราต้องกลับมาคิดกันว่าเราต้องทำอย่ างไร โดยทั้งรัฐและประชาชนไปด้วยกัน อย่างโครงการคนละครึ่ง เราเอามาคิดดูว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกษตร แล้วค่อยๆ ลดค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องอุดหนุนลงไปมากๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้เรายังต้องช่วยกันไปก่อน เพราะถ้าใช้งบประมาณมากเกินไปมันจะเป็นปัญหา ฝากให้ทุกคนช่วยกันคิด รัฐบาลต้องส่งเสริมให้ทุกคนเข้มแข็งด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ว่ากันไป ผมเป็นห่วงพี่น้องประชาชนเรื่องบ้านเมือง ความสงบสุข เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องของสุขภาพอันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
วันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ได้นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง คนละครึ่งพึ่งได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวน 1,121 ตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงความเห็นเกี่ยวกับโครงการ คนละครึ่ง พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 93.6% ระบุช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เจ้าของร้านค้ารายย่อยพึ่งได้ รองลงมาคือ 90.6% ระบุคนคิดออกแบบโครงการคนละครึ่งเก่ง, 89.8% ระบุเดินตลาดเห็นคนจับจ่ายใช้สอยมีความสุข รักประเทศไทย รักรัฐบาลมากขึ้น, 89.8% ระบุโครงการคนละครึ่งทำประชาชนคุ้นเคยใช้แอปพลิเคชันและดิจิทัลมากขึ้น, 89.6% ระบุรัฐบาลควรจัดยิ่งใหญ่อีกในช่วงปีใหม่ ขยายโอกาสให้ชาวบ้านและบริษัทร้านค้ามากขึ้น, 89.3% ระบุช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเดือดร้อน ประชาชนพึ่งได้ และร้อยละ 85.8 ระบุช่วยทำให้ประชาชนมีวินัยในการออมและใช้จ่ายเงิน
ที่น่าสนใจคือ ทั้งกลุ่มเยาวชนและไม่ใช่เยาวชนส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่หรือ 90.5% ของกลุ่มเยาวชน และส่วนใหญ่หรือ 89.8% ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชน สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อถ้ามีโครงการแบบนี้
นอกจากนี้ กลุ่มประชาชนทุกกลุ่มรายได้เงินเดือนส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 88% ของคนที่มีรายได้เงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือ 91.7% ของคนที่มีรายได้เงินเดือนระหว่าง 15,000 ถึง 30,000 บาท สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ และส่วนใหญ่หรือ 83.5% ของคนที่มีรายได้เงินเดือนเกิน 30,000 บาทขึ้นไป สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ เช่นกัน
และเมื่อถามว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จะเลือกพรรคการเมืองใด เปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังโครงการคนละครึ่ง พบว่า คนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพิ่มสูงขึ้นจาก 10.9% ก่อนโครงการคนละครึ่ง มาอยู่ที่ 27.7% หลังโครงการ ในขณะที่คนจะเลือกพรรคร่วมรัฐบาลไม่แตกต่างกัน คือ 5.7% ก่อนโครงการ และ 5.8% หลังโครงการ ที่น่าเป็นห่วงคือ คนจะเลือกพรรคเพื่อไทยลดลงจาก 9.3% ก่อนโครงการ มาอยู่ที่ 2.5% หลังโครงการ และพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) ลดลงจาก 13% ก่อนโครงการ มาอยู่ที่ 2.1% หลังโครงการ ในขณะที่คนจะเลือกพรรคอะไรก็ได้ที่เป็นการเมืองใหม่แท้จริง ลดลงจาก 59.6% มาอยู่ที่ 16.8% แต่คนที่ตอบอื่นๆ เพิ่มขึ้นจาก 1.5% มาอยู่ที่ 45.1%
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ผลโพลครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังได้ใจกลุ่มคนรายได้น้อย และคนที่เริ่มทำงานระยะแรกของชีวิต และยังได้ใจกลุ่มเยาวชนและผู้ไม่ใช่เยาวชนอีกด้วย เพราะเป็นการตอบโจทย์ตรงเป้าอย่างหนึ่งของประชาชนที่กำลังรอการช่วยเหลือ ลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนในเรื่องปากท้องที่ต้องมาอันดับแรก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดลกล่าวต่อว่า โครงการคนละครึ่งกำลังเป็นที่นิยมของประชาชน และเกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ประชาชนชาวบ้านทั่วไป ร้านค้ารายย่อย ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ขึ้นไปพึ่งได้ ส่งผลทำให้ฐานสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เพิ่มสูงขึ้น และส่งผลทำให้ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งพรรค พปชร. จะกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่งมากกว่าพรรคอื่นๆ ที่อาจเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เล็งเห็นว่าเป็นพรรคที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายซ้ำเติมเศรษฐกิจ ซ้ำเติมวิกฤติโควิด-19 และซ้ำเติมความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เช่น พรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) หรือพรรคเพื่อไทย ที่มีภาพของการไปสนับสนุนม็อบที่แตะต้องสถาบันหลักของชาติ อันเป็นหัวใจของราษฎรที่เปราะบางก็เป็นไปได้
“ข้อควรปรับปรุงในโครงการคนละครึ่ง คือควรขยายเวลา เอาอีก ทำอีกต่อเนื่อง กระตุ้นเศรษฐกิจเรื่อยๆ ควรมีระบบให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง อาจใช้ทั้งคนจริงหรือมนุษย์บอต (Bot) คอยตอบคำถาม ช่วยเหลือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะ Live Chat ให้ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ ร้านค้ารายย่อย และอื่นๆ จะเสริมความพึงพอใจได้มากยิ่งขึ้น” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดลกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |